Site icon คุณแม่ลูกอ่อน

บทสัมภาษณ์จากคุณแม่โน้ต คุณแม่ยุค 4.0

ประสบการณ์จากแม่โน้ต

แม่” ถ้าจะให้คำนิยามกับคำๆ นี้ โน้ตว่ามันยากนะ โดยเฉพาะในวันที่ตัวเองได้รับบทบาทเพิ่มเติมอีกหนี่งบทบาทนั่นก็คือ “การเป็นแม่

การได้มีลูก ทำให้เราเข้าชีวิตและกลไกของชีวิตมากขึ้น

“ลูก…เปรียบเสมือนกล่องที่ว่างเปล่าใบหนึ่ง อยู่ที่เรา อยู่ที่คนเป็นพ่อเป็นแม่จะใส่อะไรลงไปให้เค้าหรือบางครั้งเราก็ต้องคอยสอนเค้าหากเค้าหยิบในสิ่งที่ไม่เหมาะไม่ควรใส่ตัวเอง”

ประสบการณ์จากแม่โน้ต

คุณแม่ลูกหนึ่งที่เคยผ่านภาวะครรภ์เป็นพิษมาแล้ว ต้องคลอดลูกก่อนกำหนดด้วยอายุครรภ์เพียง 7 เดือน ต้องเลี้ยงลูกด้วยหลักคำสอนของผู้ใหญ่บ้าง ของตัวเองบ้างเพราะ…เด็กแต่ละคนไม่เหมือนกัน และยุคสมัยต่างกัน
ในขณะที่ยุคนี้คือ “ยุคดิจิทัล” โจทย์ในการเลี้ยงลูกเปลี่ยนแปลงทุกวัน เราเองก็ต้องตั้งรับให้ดีและเตรียมความพร้อมให้ลูกเช่นกัน
โน้ตเลิฟการอ่าน รักการเขียน ชอบเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ค่ะ

Blockdit : คุณแม่บ้านบ้าน
IG : notepatsita

ไลฟ์สไตล์ในแต่วันของแม่โน้ต

ก่อนมีลูกก็ทำงานเป็นพนักงานบริษัทค่ะ แต่พอมีลูกก็ลาออกมาเป็นคุณแม่ฟูลไทม์ พอลูกโตได้ประมาณ 2 ขวบ ด้วยความที่เราเคยทำงานด้าน Online Content มาก่อนบวกกับเรายังรู้สึกอยากทำงานอยู่ (เลี้ยงลูกยังเหนื่อยไม่พอใช่ไหม 555) ก็เลยลุกขึ้นมาทำโซเชียลมีเดียของตัวเอง มีทั้ง Website Facebook Youtube IG และล่าสุด Blockdit

นอกจากงานที่ทำทางโซเชียลมีเดียแล้ว ส่วนตัวโน้ตชอบฟังเพลง ชอบอ่าน ชอบเขียน ก็เลยรับงานเขียนทุกอย่าง Copy Writer ก็ทำค่ะ รวมถึงทำ Online Marketing Content ให้กับลูกค้าด้วยมีความสุข

ในวันทำงาน…แม่โน้ตจัดการงานอย่างไรบ้าง?

ความที่เป็นคุณแม่ฟูลไทม์และรับงานฟรีแลนซ์อยู่ที่บ้าน มันก็ทำให้เราจัดการงานได้ไม่ยาก (เท่าไหร่) ค่ะ บางครั้งหากในเวลากลางวันเราไม่มีเวลาทำงาน เพราะต้องเอาเวลาไปดูแลลูก เราก็จะมานั่งทำงานตอนกลางคืนแทน ช่วงที่ลูกหลับแล้ว แต่นายจ้างใจดีค่ะ ให้คิดงานส่งทางไลน์ได้ เราก็เลยไม่ค่อยกังวล สามารถจัดสรรเวลาได้

เพราะฉะนั้น ในหนึ่งวันไลฟ์สไตล์ของโน้ต : เอาลูกอาบน้ำ / ทำกับข้าว / ส่งลูกไปโรงเรียน / กวาดบ้าน / ถูบ้าน / ซักผ้า / ตากผ้า / รีดผ้า / เขียนบทความ / คิดคอนเทนต์/ ไปรับลูก / ทำกับข้าว / เอาลูกเข้านอน…นี่คือหลักๆ เลย

หลังคลอดลูกมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปไหม?

เปลี่ยนหมดทุกอย่างค่ะ จากที่เกิด เติบโต และทำงานอยู่ กทม. พอมีลูกก็ย้ายสำมะโนครัวมาอยู่ต่างจังหวัด เป็นแม่บ้านเต็มตัว เรียนรู้ทุกอย่างใหม่หมด ทั้งการใช้ชีวิต การเลี้ยงลูก แต่โดยรวมแล้วรู้สึกดีค่ะ มันทำให้เรารู้สึกว่า “เราเติบโตขึ้นทั้งความคิดและมุมมอง” เข้าถึงและเข้าใจคำว่า “เป็นผู้ใหญ่ (Mature)” มากขึ้น

อะไรคือความสุขที่ได้จากการเลี้ยงลูก?

การได้อยู่กับลูกทุกวัน ได้ดูแลเค้า เล่นกับเค้า เท่านี้ก็สุขแล้ว แต่มันจะมีความสุขขั้นเทพก็ตรงที่วันนึงเค้าพูดคำว่า “หนูรักหมะม้า” น้ำตาแห่งความสุขไหลพราก 555

ข้อกังวลอะไรไหมในการเลี้ยงลูก?

อาจจะไม่ได้เรียกว่าข้อกังวลซะทีเดียว เพียงแต่เราต้องบริหารวางแผนให้ดีกับโจทย์ที่ว่า
เราจะเลี้ยงลูกอย่างไรในยุคที่เรียกว่า ยุคดิจิทัล?

มีวิธีจัดการอย่างไร

จะบอกว่าถึงแม้ที่บ้านไม่ให้แตะคอมพิวเตอร์ มือถือ หรือแทปเล็ต แต่…ปัจจุบันทางโรงเรียนก็มีบรรจุหลักสูตรคอมพิวเตอร์ให้เด็กอนุบาลแล้ว ซึ่งสมัยโน้ตนี่ กว่าจะได้รู้จักกับคำว่า Install หรือ Download ก็ตอนอยู่มหาวิทยาลัยปี 3 โน่น 555 อย่างที่บอกว่าลูกเกิดในยุคดิจิทัล เราจะไม่ให้เค้ารู้จักเลยคงเป็นไปไม่ได้(จริงๆ เพราะหนีไม่พ้น 555)

ที่บ้านให้น้องมินดูแทปเล็ต ดูมือถือไหม?

ตอบเลยค่ะว่า “ให้” แต่ต้องให้อายุลูกเกิน 3 ขวบก่อนนะคะ และเราต้องตั้งกติกากับเค้าก่อนให้เค้าเล่น เป็นการจำกัดชั่วโมงการดู แล้วกฎต้องเป็นกฎ แรกๆ อาจงอแง ขอดูต่อ แต่พ่อแม่ต้องใจแข็ง พอนานๆ ไปลูกก็จะรับได้เอง จะรู้ว่าเวลาไหนดูได้ เวลาไหนควรเลิกดู

ตอนนี้น้องมิน4 ขวบ เค้าได้ศัพท์ภาษาอังกฤษเยอะมากค่ะ บางวันก็ชวนแม่พูดภาษาอังกฤษเลยก็มี บางวันเราอยากชวนเค้าพูดภาษาอังกฤษ เค้าก็บอก “ไม่ให้พูดภาษาอังกฤษ” แป่ววว…

มีหลักคิดในการเลี้ยงลูกอย่างไร?

สำหรับโน้ตการดูแลลูกจะมีทั้งในเรื่องร่างกายและจิตใจ ร่างกายของเค้าเราก็ต้องดูแลให้เค้าเติบโตได้อย่างแข็งแรง ดูแลเรื่องการขับถ่าย ส่วนในเรื่องของจิตใจ ในความเป็นแม่ส่วนใหญ่เราจะเข้าใจเค้าอยู่แล้วว่าเค้ารู้สึกอย่างไร เพียงแต่ช่วงที่เวลาเค้างอแง ร้องไห้เอาแต่ใจ ช่วงนี้แหละที่คนเป็นแม่ต้องใจเย็นๆ ตั้งสติก่อนจะพูดหรือจะทำอะไรเพราะไม่อย่างนั้นความโมโหจะบังตา บังใจ บังทุกสิ่ง เหลือแต่อารมณ์อย่างเดียว

อีกเรื่องที่ทางบ้านจะให้ความสำคัญไม่แพ้กันก็คือ เรื่องของกริยา มารยาท และกาลเทศะค่ะ เพราะถ้าไม่มีสิ่งเหล่านี้ ลูกเราจะอยู่ในสังคมได้อย่างลำบากเลยแหละ

มองภาพรวมในเรื่องการเลี้ยงลูกอย่างไร?

การเลี้ยงลูกในมุมของโน้ตเอง โน้ตมองว่าการที่เราจะเอาอะไรใส่ให้กับลูก เราควรที่จะถามความคิดเห็นของเค้าก่อนว่าเค้าอยากได้ อยากทำหรือเปล่า หรือเค้าอยากทำอะไร สิ่งเหล่านี้มันคือ “ความใส่ใจ” ของคนเป็นพ่อเป็นแม่ที่ไม่ได้มองแค่เลี้ยงลูกให้โตอย่างเดียว

การให้ลูกได้แสดงความคิดเห็นหรือมีส่วนร่วม โน้ตมองว่ามันมีประโยชน์มาก เพราะนอกจากจะเป็นการฝึกให้เค้าคิดแล้ว ยังเป็นการฝึกเค้าเรื่องการวางแผนได้ดีอีกด้วย