Site icon คุณแม่ลูกอ่อน

บทสัมภาษณ์จากคุณแม่พลอย เลี้ยงลูกแบบสบายๆ สไตล์แม่ฟูลไทม์

พอได้เป็นแม่คนแล้ว ก็รู้ซึ้งถึงคุณค่าของชีวิต นับกันเป็นวินาทีเลยก็ว่าได้ เผลอแป๊บเดียวลูกก็โตขึ้นเยอะ การที่เราได้อยู่กับลูกตลอดเวลาได้เห็นเขาอยู่ในสายตาตลอดมันคุ้มมาก อาจมีบ้างที่อารมณ์ของแม่ลูกอ่อนจะอ่อนไหว แต่ก็มียาใจดีๆ อย่างรอยยิ้มของลูกน้อยแค่นี้ก็หายเหนื่อยแล้วค่ะ

ประสบการณ์จากแม่พลอย

คุณแม่เภสัชกรลูกหนึ่งที่เคยผ่านภาวะซึมเศร้าหลังคลอดมาได้โดยไม่ต้องใช้ยา ทั้งยังเคยเป็นพี่เลี้ยงเด็กเล็กมาก่อน ดังนั้นการมีลูกคนแรกจึงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับแม่คนนี้เท่าไหร่ โชคดีที่ได้เป็นคุณแม่ฟูลไทม์ไปพร้อมๆ กับการทำงานที่บ้านได้ ก็จะพยายามใช้ทั้งความรู้และประสบการณ์นำมาถ่ายทอด ไม่ว่าจะทฤษฎีทางการแพทย์หรือความเชื่อโบราณทุกอย่างล้วนมีเหตุผล แต่แม่พลอยคิดว่าการเลี้ยงลูกทางสายการนั้นย่อมดีที่สุดค่ะ

ไลฟ์สไตล์ในแต่วันของแม่พลอย

อาจเพราะใช้ชีวิตหลักๆ อยู่แค่สองที่คือที่บ้าน กับร้านขายยา ไลฟ์สไตล์ในแต่ละวันก็เลยจะเหมือนเดิมทุกวัน คือตื่นเช้ามา หอบลูกไปร้าน อาบน้ำ กินนม นอนกลางวัน ก็จะมีบ้างที่ออกไปข้างนอก เที่ยวระยะใกล้ๆ ภายในจังหวัด ด้วยความที่ลูกยังเล็กเลยจะต้องเตรียมข้าวของไปแต่ละที่ยังกับย้ายบ้าน การแต่งตัวของแม่พลอยเอง ก็จะเน้นที่ให้นมลูกได้สะดวกค่ะ

เพราะว่าเป็นสายเต้าล้วน เน้นสะอาด สะดวก ประหยัด ทุกวันนี้ภาพที่ทุกคนเห็นจนชินตาคือแม่พลอยคลุมผ้าพร้อมกับมีก้อนๆ ยุกยิกๆ อยู่ใต้ผ้านั้นแหละค่ะ

หลังคลอดลูกมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปไหม?

ที่เห็นได้ชัดเลยคือนิสัยค่ะ ขยันทำงานบ้านขึ้นเยอะเลย กลัวไม่ถูกสุขอนามัยแล้วลูกจะไม่สบาย ปกติให้แต่สามีทำไง เดี๋ยวนี้หันมาทำเองเยอะขึ้น ละเอียดขึ้น รวมไปถึงนิสัยการใช้เงินที่ต้องคิดให้เยอะขึ้น มีความยับยั้งชั่งใจต่อกิเลสตัวเองได้ แต่กะของใช้ลูกที่มันดีและจำเป็นจริงจริ๊ง (เสียงสูง) ก็ซื้อตามสมควรนะคะ

ส่วนเรื่องของสภาพร่างกายหลังคลอด ตอนนี้หุ่นกลับมาเป็นเหมือนก่อนท้องด้วยซ้ำค่ะ ผอมเลย ลูกดูดนมเก่ง เลยดูดไขมันแม่ไปหมด ไปอยู่กับตัวเขาเองแหละค่ะ น้องเลยดูจ้ำม่ำหน่อย

อะไรคือความสุขที่ได้จากการเลี้ยงลูก?

รอยยิ้มและสุขภาพที่แข็งแรงของลูกค่ะ ลูกยิ้มแต่ละที โลกทั้งใบมันสดใสมากค่ะ

มีเรื่องเหนื่อยๆ ที่คิดหนัก พอหันไปเจอรอยยิ้มเหงือกบานๆ แม่นี่ใจละลายเลย แค่เห็นลูกกินอิ่ม นอนหลับ ไม่งอแง น้ำหนักขึ้นตามเกณฑ์ พัฒนาการสมวัย แค่นี้ก็สุขมากแล้วค่ะ

ข้อกังวลอะไรไหมในการเลี้ยงลูก?

ตัวพลอยเองไม่ค่อยกังวลกับลูกเท่าไหร่ เพราะมีเวลาให้กันตลอดเวลาประสาแม่ฟูลไทม์ จะมีก็แต่กังวลกะคนนอกมากกว่าค่ะ

ไม่คิดว่าจะเจอสารพัดคำแนะนำนอกเหนือจากกุมารแพทย์ (โดยเฉพาะจากคนเจนเก่าๆ) ปวดหัวมากค่ะ

ซึ่งก็ทำใจไว้แล้วแหละ คงจะต้องฟังกันไปยาวๆ จนลูกโตโน่นแหละ เราเลยเลือกวิธีการเลี้ยงที่เป็นสไตล์เราดีกว่า แม่พลอยสะดวกแบบนี้

มีวิธีจัดการอย่างไร

ก็ฟังหูไว้หูค่ะ

เน้นหาข้อมูลเพื่อเปรียบเทียบข้อเท็จจริงอยู่แล้ว อีกอย่างแม่พลอยเองก็เป็นคนชอบฟังประสบการณ์การเลี้ยงลูกของแม่ๆ ที่มีลูกรุ่นราวคราวเดียวกันที่ห่างกันไม่กี่เดือน เพราะการเลี้ยงลูกมันต้องมีการปรับเปลี่ยนตลอดเวลา จะมาฟิกซ์ไม่ได้หรอกว่าต้องแบบนี้ๆ นะ ดูลูกเราเป็นหลักค่ะว่าเขาต้องการให้เราตอบสนองแบบไหน เพราะเด็กเล็กก็ไม่มีอะไรมาก แค่กิน นอน อึ ฉี่ เล่นนิดหน่อย จริงๆ ก็เปิดตามหนังสือสีชมพูที่ได้ตอนฝากครรภ์มาแล้วทำไปตามนั้น ส่วนเรื่องทักษะต่างๆ ก็ดูตามหนังสือแบบทดสอบพัฒนาการที่ทางโรงพยาบาลให้มาหลังคลอดค่ะ

มีหลักคิดในการเลี้ยงลูกอย่างไร?

ยึดทางสายการเป็นหลักค่ะ
ไม่ตึงไม่หย่อนจนเกินไป ทำได้เท่าที่ไหว ไม่ไหวก็ขอความช่วยเหลือจากคนอื่นบ้างค่ะ แม่พลอยเป็นคนง่ายๆ ค่ะ

อย่างเรื่องให้ลูกกินนมเนี่ยเลือกให้กินเต้าล้วนค่ะ เพราะขี้เกียจล้าง แถมไม่ค่อยมีเวลาเพราะต้องทำงานไปด้วย เลี้ยงลูกเองด้วย เน้นสะดวกเราแต่เป็นผลดีต่อลูกไว้ก่อนค่ะ

มองภาพรวมในเรื่องการเลี้ยงลูกอย่างไร?

ไม่ว่าจะทฤษฎีอะไร หรือความเชื่อ(ที่มีเหตุผล)แบบไหนถ้าทำให้ลูกมีสุขภาพที่ดีและแข็งแรง คนเป็นแม่อย่างเราก็พร้อมที่จะปฏิบัติค่ะ

โดยยึดความสุขของลูกเป็นหลัก ในวันที่เค้ายังเล็กก็คงจะทำไรได้ไม่มาก เลยเลือกที่จะเก็บเกี่ยวช่วงเวลาที่มีค่านี้ให้มากที่สุด เพราะลูกโตแล้วโตเลย แม่พลอยเป็นแม่สายเต้าล้วน หน้าที่นี้ใครก็ทำแทนไม่ได้ บางครั้งอาจมีเหนื่อยมีท้อ แต่ก็คงไม่มีแม่คนไหนที่เพอร์เฟคทุกเรื่องหรอกค่ะ

เอาเท่าที่เราไหว การเลี้ยงลูกไม่ใช่แค่ลูกที่เติบโตคนเดียวเท่านั้น คนเป็นแม่อย่างเรายังได้ข้อคิดและเรียนรู้จากการเลี้ยงลูกเนี่ยแหละ สถานการณ์มักจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ก็เติบโตไปพร้อมกันทั้งแม่และลูกเลยล่ะ