Site icon คุณแม่ลูกอ่อน

13 ความเชื่อผิด ๆ ขณะ “ตั้งครรภ์” ที่ควรทิ้งไป เริ่มทำความเข้าใจในสิ่งที่ถูก

13 ความเชื่อผิด ๆ ขณะตั้งครรภ์ ที่ควรทิ้งไป เริ่มทำความเข้าใจในสิ่งที่ถูก

สำหรับคุณแม่ทั้งมือใหม่และมือเก่าอาจเคยได้ยินเรื่องราวความเชื่อว่าขณะที่คุณแม่ตั้งครรภ์ ห้ามทำโน่น แต่ต้องทำอย่างนี้ เพื่อที่จะบลา บลา บลา อะไรก็ว่ากันไป แต่…รู้หรือไม่คะว่าจริง ๆ แล้วความเชื่อดังที่โน้ตจะนำมาพูดถึงในวันนี้ล้วนแล้วแต่เป็นความเชื่อที่ผิดทั้งนั้น แล้วความจริงเป็นอย่างไร อย่าช้า…ไปดูกันค่ะ

13 ความเชื่อผิด ๆ ขณะ “ตั้งครรภ์”

ห้ามให้ลูกกินอาหารหรือขนมที่มีสีดำ เพราะจะทำให้ลูกตัวดำ

อาหารที่คุณแม่ตั้งครรภ์ห้ามกินถ้าไม่อยากให้ลูกมีผิวสีดำ ได้แก่ เฉาก๊วย ช็อกโกแลต และโอเลี้ยง

ความจริง

ทารกจะมีผิวขาวหรือผิวสีก็ตามต้องขึ้นอยู่กับการแสดงออกของกรรมพันธุ์
ซึ่งจะมียีนส์คอยควบคุมการแสดงออกของเมลานินหรือเม็ดสี ทำให้แต่ละคนมีสีผิวที่ต่างกัน ดังนั้น
การกินเฉาก๊วย หรืออาหารอื่น ๆ ที่มีสีดำ จึงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสีผิวของทารกค่ะ

ห้ามมีเพศสัมพันธ์ขณะตั้งครรภ์

เพราะเชื่อกันว่าจะทำให้แท้งลูกหรือมีการคลอดก่อนกำหนดได้

ความจริง

ขณะตั้งครรภ์ยังสามารถมีเพศสัมพันธ์ได้ตามปกติ เพียงแต่อาจมีบางช่วงที่ควรลดลง เช่น
ในช่วงไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์ เพราะคุณแม่จะเพลีย จะเหนื่อยล้า จากการแพ้ท้อง
และช่วงใกล้คลอด เพราะคุณแม่จะเหนื่อยง่าย และควรเลือกท่วงท่าให้เหมาะสม
อย่างไรก็ตามควรเลี่ยงการมีเพศสั
มพันธ์ในช่วง 3 เดือนแรก และ 3 เดือนก่อนกำหนดคลอดนะคะ

ไม่ควรทานยาบำรุงที่คุณหมอให้

เพราะจะทำให้คุณแม่ตัวอ้วนและบวม

ความจริง

โดยยาที่คุณหมอให้ก็จะมีโฟเลต ธาตุเหล็ก และวิตามิน
ซึ่งเป็นยาที่ส่งผลดีต่อทั้งคุณแม่และทารกใสครรภ์ ช่วยการสร้างเม็ดเลือดทำให้ดีขึ้น แต่ที่ตัวบวมคือ
อาการบวมน้ำ ที่มีอิทธิพลมาจากฮอร์โมนค่ะ

ทานเผื่อ 2 คน เพราะลูกอยากกินน้ำหนักจะได้ขึ้นเยอะ ๆ

หิวบ่อย กินเก่ง เพราะลูกในท้องหิว ต้องกินเยอะเป็น 2 เท่า ลูกจะได้มีน้ำหนักดี

ความจริง

โดยปกติแล้วน้ำหนักที่ควรเพิ่มขึ้นระหว่างการตั้งครรภ์ ควรยึดตามเกณฑ์ ดังนี้

  • ไตรมาสแรก : ควรเพิ่มขึ้นประมาณ 1 กิโลกรัม
  • ไตรมาสที่สอง : ควรเพิ่มขึ้นประมาณ 4-5 กิโลกรัม
  • ไตรมาสที่สาม : ควรเพิ่มขึ้นประมาณ 5-6 กิโลกรัม หรือ 10-12

กิโลกรัมตลอดช่วงการตั้งครรภ์
เพื่อป้องกันความเสี่ยงเป็นโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ซึ่งจะส่งผลให้ครรภ์เป็นพิษได้

ห้ามออกกำลังกายขณะตั้งครรภ์

ความจริง

การออกกำลังกายเป็นสิ่งที่ดี
แต่หากต้องการออกกำลังกายเพื่อคลายความเมื่อยล้าสามารถทำได้แบบเบา ๆ และเป็นท่าที่ปลอดภัย
ส่วนคุณแม่ท่านไหนที่เคยออกกำลังกายมาก่อนอยู่แล้ว
ก็จะสามารถออกกำลังกายในระดับความหนักปานกลางได้ เช่น การเดินเร็ว การว่ายน้ำอย่างต่อเนื่อง
เป็นต้น แต่ทั้งนี้ควรอยู่ในการดูแลของคุณหมอนะคะ

ติดเข็มกลัดบริเวณสะดือ

เพื่อป้องกันวิญญาณร้าย

ความจริง

เรื่องนี้เป็นเรื่องของจิตใจค่ะ เพราะคุณแม่ตั้งครรภ์อาจมีเรื่องต้องกังวลมากมาย
หากการติดเข็มกลัดจะทำให้คุณแม่ตั้งครรภ์คลายความกังวลลง ก็นับเป็นเรื่องดีค่ะ

ห้ามไปงานศพ

เพราะจะมีวิญญาณตามมา

ความจริง

เรื่องนี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคล ซึ่งจริง ๆ แล้ว คุณแม่ที่ตั้งครรภ์ควรมีจิตใจแจ่มใส
อารมณ์ดีแต่ถ้าให้คุณแม่ตั้งครรภ์ไปงานศพ ก็จะเห็นแต่ภาพที่หดหู่ใจค่ะ เกิดความวิตกกังวลได้ค่ะ

ห้ามอาบน้ำตอนกลางคืน

จะทำให้ถุงน้ำคร่ำหนา คลอดยาก หรือจะทำให้ทารกมีความพิการทางระบบประสาทได้

ความจริง

ในสมัยก่อนในต่างจังหวัดไฟฟ้ายังเข้าไม่ถึง และต้องไปอาบน้ำที่ตลิ่ง
แต่หากจะให้คุณแม่ตั้งครรภ์ไปอาบน้ำตอนกลางคืนก็จะมองทางไม่เห็น
ซึ่งอาจพลาดเกิดอุบัติเหตุทำให้แท้งลูกได้นั่นเองค่ะ

ห้ามคนท้องนอนหงายเด็ดขาด

เพราะจะทำให้ลูกดิ้นแรง แล้วท้องคุณแม่จะแตก

ความจริง

ถ้าคุณแม่ท้องนอนหงาย อาจทำให้เกิดความอึดอัดและคุณแม่จะปวดหลังได้ค่ะ
ซึ่งกานนอนที่ไม่สบายตัวนั้น ส่งผลทำให้ความดันโลหิตต่ำ บางคนอาจหน้ามืด เวียนหัว ตาลาย
หรือเป็นลมได้

ห้ามคนท้องลอดรั้ว

เพราะจะทำให้คลอดลูกยาก

ความจริง

รั้วบ้านบางหลัง เขาปลูกต้นหนามไว้ ซึ่งอาจเป็นอันตรายกับคนท้องได้

ห้ามคนท้องผ่ามะพร้าว

เพราะจะทำให้ทารกมีหัวที่โตเหมือนลูกมะพร้าว

ความจริง

หากคนท้องผ่ามะพร้าวเอง อาจพลาดและเกิดอุบัติเหตุได้

ห้ามเตรียมของใช้เด็กไว้ล่วงหน้า

เชื่อกันว่าทารกจะไม่เกิด เพราะมีวิญญาณที่อิจฉามาพาตัวไป

ความจริง

การคลอดในสมัยก่อนเป็นการคลอดแบบธรรมชาติ จึงมีความเสี่ยงสูง
จึงไม่อยากให้เตรียมของใช้เอาไว้มาก ๆ จนอาจเกินความจำเป็น อีกอย่างหากเตรียมไว้นานเกิน
อาจมีสิ่งสกปรกหรือเชื้อราเกิดขึ้นที่เสื้อผ้าได้ ซึ่งเป็นอันตรายต่อทารก

ห้ามเย็บปักถักร้อย

ทารกเกิดมาจะปากแหว่งเพดานโหว่

ความจริง

หากคุณแม่ต้องใช้สายตาเพ่งนาน ๆ อาจทำให้ตาพร่ามัว และเข็มอาจทิ่มมือได้
ไม่เกี่ยวกับอาการปากแหว่งเพดานโหว่แต่อย่างใด

เป็นอย่างไรกันบ้างคะคุณแม่ มีอันไหนที่คุณแม่เคยได้ยินแต่ไม่มีในนี้ นำมาแชร์กันได้นะคะ

อ้างอิง
Bangkokhospital.com
Today.line.me