Site icon คุณแม่ลูกอ่อน

โควิด19 : ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 (2/2)

ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019

มาต่อกันค่ะ ตามที่สัญญากันไว้ ว่าเราจะรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 ในหลายๆ ด้าน ว่าแล้วอย่าช้าค่ะ ไปดูกันต่อเลยดีกว่า

Q : หน้ากากอนามัยสามารถป้องกันเชื้อโรคได้จริงหรือ?

A : วัตถุประสงค์ของการใส่หน้ากากอนามัยนั้นก็เพื่อช่วยป้องกันเชื้อโรค มลพิษ และสารพิษที่จะเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจ รวมทั้งเชื้อโรคจากผู้อื่น และเชื้อโรคจากตัวเราไปสู่ผู้อื่นได้เป็นอย่างดี จากการศึกษาพบว่าการใส่หน้ากากอนามัยนั้นสามารถช่วยป้องกันเชื้อโรคได้มากถึง 80%

Q : ระยะฟักตัวของโรคโควิด-19 ใช้เวลากี่วัน?

A : จากสถิติและข้อมูลของผู้ป่วยนับพันรายจาก โรงพยาบาลกว่า 522 แห่ง พบว่า ระยะฟักตัวของโรคโดยทั่วไปคือ ภายใน 14 วัน โดยพบได้ถึง 98% และโดยส่วนใหญ่แล้วจะพบอาการได้ในช่วงเวลา 3-7 วัน

Q : หากมีผู้ต้องสงสัยว่าติดเชื้อควรกักตัวเองหรือจำกัดสถานที่กี่วัน?

A : โดยทั่วไปแล้วใช้เวลา 14 วัน เพราะระยะแพร่เชื้อจะอยู่ในช่วง 3-14 วัน โดยให้อยู่ที่โรงพยาบาล บ้าน หรือสถานที่กักกันที่ทางรัฐบาลจัดเอาไว้ให้ และจะใช้การตรวจด้วยวิธี qRT-PCR จากสิ่งคัดหลั่งในระบบหายใจ หากผลเป็นลบก็สามารถกลับบ้านได้ และหากหลังจาก 24 วันแล้วยังไม่มีอาการไข้หรือไอ แสดงว่าผู้นั้นไม่แพร่เชื้อ และไม่ติดไวรัส SARS-CoV-2

Q : ผู้ที่ติดเชื้อจะมีอาการอย่างไรบ้าง?

A : ในช่วงเริ่มแรกในบางรายอาจไม่แสดงอาการ ในขณะที่บางรายมีอาการไอมาก่อน บางรายมีไข้ก่อน และไอมีเสมหะ ในบางรายโดยเฉพาะผู้สูงอายุจะมีไข้ ไอ เหนื่อยหอบ หายใจเร็ว เนื่องจากอาการปอดบวม มีน้อยรายที่มีอาการเจ็บคอ น้ำมูกไหล และอุจจาระร่วง ซึ่งหากเมื่อมีอาการที่ป่วยหนักขึ้น จะหายใจเร็ว หอบ จนถึงการหายใจล้มเหลว และทำให้ช็อคได้
**อาการไข้ คือ ร่างกายจะมีอุณหภูมิอยู่ที่ 37.5 องศาเซลเซียส หรือมากกว่า เป็นเวลาต่อเนื่องกัน 2 วัน

Q : หากแม่ตั้งครรภ์แต่ติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 ลูกจะติดด้วยหรือไม่?

A : อ้างอิงข้อมูลและสถิติผู้ป่วยจากเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน ที่เป็นหญิงตั้งครรภ์ จำนวน 9 ราย พบว่าไม่มีรายงานว่า เชื้อไวรัสดังกล่าวจะสามารถส่งต่อถึงลูกน้อยในครรภ์ได้ ก็อาจพูดได้ว่าน้ำคร่ำ น้ำนม และสายสะดือ ไม่ได้เป็นสื่อที่จะสามารถส่งผ่านเชื้อไวรัสโคโรน่า หรือโควิด-19 ได้
แต่จากกรณีที่มีเด็กแรกเกิดคนหนึ่ง มีผลเลือดเป็นบวกหลังจากคลอดมาแล้ว 30 ชั่วโมง ก็ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่า เชื้อสามารถส่งผ่านได้ ซึ่งก็ยังไม่สามารถสรุปได้ 100% เนื่องจากข้อมูลที่ได้นี้คือ แม่ตั้งครรภ์คนนี้อยู่ในไตรมาสที่ 3 แล้ว

Q : โดยทั่วไปแล้ว หากเป็นโรคปอดอักเสบระหว่างตั้งครรภ์จะรุนแรงกว่าช่วงปกติหรือไม่?

A : คุณแม่ตั้งครรภ์ หากได้รับเชื้อไวรัส หรือเชื้อแบคทีเรียมาก่อนหน้า จะมีความรุนแรงมากกว่าคนปกติ เพราะภูมิคุ้มกันของคุณแม่ที่ตั้งครรภ์จะน้อยกว่า ส่งผลให้มีอาการทรุดหนักกว่า โดยเฉพาะหากเป็นเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ เพราะอาจนำไปสู่โรคปอดอักเสบได้

Q : หากแม่ท้องเป็นโรคปอดอักเสบหรือไข้หวัดใหญ่แล้ว จะส่งกระทบต่อเด็กในท้องอย่างไร?

A :

  • คุณแม่จะมีอาการเจ็บท้อง และอาจคลอดก่อนกำหนด
  • หากคุณแม่มีอาการรุนแรง อาจทำให้ลูกในท้องเสียชีวิตได้ โดยเฉพาะหากคุณแม่เป็นโรคดังกล่าวในช่วง 3 เดือนแรก โดยมีอาการไข้สูงตืดต่อกันเป็นเวลาหลายวัน
  • ทารกอาจพิการแต่กำเนิด หรืออาจเป็นโรคประสาทไม่ปิด

เรื่องของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือโรคโควิด-19 เราทุกคนสามารถติดตามข่าวได้ และให้ตระหนัก ว่าเราควรป้องกันหรือแยกตัวเองไม่ให้เข้าใกล้เชื้อไวรัสชนิดนี้ได้อย่างไร โดยบุคคลที่เราควรใส่ใจและต้องระมัดระวังอย่างยิ่งก็จะเป็นกลุ่มบุคคลผู้สูงอายุ (มากกว่า 60 ปีขึ้นไป) และเด็กที่มีอายุน้อยกว่า 5 ขวบ กลุ่มนี้ไม่ควรออกจากบ้านนะคะ อย่างไรตามขอเป็นกำลังใจให้ทุกครอบครัวให้ผ่านพ้นวิกฤตินี้ไปด้วยกันอย่างราบรื่น สุขภาพแข็งแรงทุกครอบครัวนะคะ

อ้างอิง
ศาสตราจารย์เกียรติคุณนายแพทย์อมร ลีลารัศมี
Asianparent Singapore
Kapook.com