เชื่อว่าหลาย ๆ คน คงอาศัยความเย็นจากตู้เย็นมาช่วยในการรักษาสภาพอาหารกันอย่างแน่นอน หรือไม่ก็ใช้แช่ผลไม้ เพื่อที่จะได้กินแล้วรู้สึกชื่นใจ แต่รู้หรือไม่ว่าอาหารบางอย่างก็ไม่ต้องการการแช่เย็นนะคะ มีอะไรบ้าง แล้วเพราะอะไรไปดูกันค่ะ
สารบัญ
15 อาหารที่ไม่ควรแช่เย็น
อาหารที่เรากำลังจะพูดถึงดังต่อไปนี้ ในบางอย่าง เชื่อว่าต้องมีหลายคนคิดไม่ถึงแน่ ๆ เลยค่ะ เพราะปกติเราก็นำไปแช่เย็นตลอด ๆ
แตงโม
ท้าดา…เปิดตัวข้อแรกกันด้วยแตงโมเลย เพราะแน่นอนว่าการได้ทานแตงโมแช่เย็นเป็นอะไรที่ฉ่ำปอดสุดแล้ว แต่ความจริงแล้วการเก็บแตงโมในอุณหภูมิห้องปกติทั้งลูกนั้นดีกว่าเพราะจะช่วยรักษาระดับของสารแอนตี้ออกซิแดนซ์ได้ดีกว่าการเก็บในตู้เย็น ยกเว้นว่าถ้าหากต้องการทานเย็น ๆ ก็สามารถปอกเปลือก หั่นเป็นชิ้นใส่กล่องพลาสติกแบบนี้ก็ทำได้ค่ะ
น้ำผึ้ง
หลายคนคิดว่าการเก็บในตู้เย็นจะสามารถช่วยรักษาคุณภาพของน้ำผึ้งได้ แต่การแช่ตู้เย็นจะทำให้น้ำผึ้งตกผลึก จนหลายคนคิดว่าคงทานต่อไปไม่ได้และต้องทิ้งไป ทั้งที่ความจริงแล้ว เรานำออกมาไว้ในอุณหภูมิห้อง สักพักก็น้ำผึ้งก็จะกลับสู่สภาพปกติแล้วล่ะค่ะ
ฟักทอง
การเก็บรักษาฟักทองทั้งลูก สามารถวางไว้นอกตู้เย็น ในอุณหภูมิห้องปกติได้ หรือถ้าหั่นไปแล้ว ก็แนะนำว่าให้ปอกเปลือกฟักทองออก เอาเมล็ดออกด้วยเลยค่ะ หั่นเป็นชิ้น ๆ และเก็บในกล่องอเนกประสงค์ แล้วนำไปแช่เย็น เพราะเปลือกจะเป็นตัวเก็บความชื้น หากไม่ปอกเปลือกออกจะส่งผลให้ฟักทองขึ้นราและเสียเร็ว
หอมหัวใหญ่
หอมหัวใหญ่ไม่จำเป็นต้องแช่เย็น เพราะจะยิ่งทำให้ขึ้นราได้ง่าย นอกจากนี้ยังทำให้เกิดการงอกของหัวหอมได้อีกด้วย ยกเว้นว่าหากใช้ไม่หมดในคราวเดียว สามารถนำไปแช่ได้ค่ะ เพื่อป้องกันการเน่าเสีย
นูเทลล่า
เชื่อว่านูเทลล่าเป็นของโปรดของใครหลายคนทั้งเด็กและผู้ใหญ่ แต่การนำนูเทลล่าไปแช่เย็นคงไม่ใช่ไอเดียที่ดีนัก เนื่องจากจะทำให้ไขมันที่อยู่บนหน้าช็อกโกแลตแข็งตัวแล้ว กว่าจะได้กินก็ต้องวางแผนกันล่วงหน้า เพื่อเอาออกจากตู้เย็นและรอให้มันละลาย
น้ำมันมะกอก
ไม่จำเป็นต้องนำน้ำมันมะกอกแช่ตู้เย็นค่ะ เพราะในน้ำมันมะกอกไม่มีปัจจัยอะไรที่เอื้อต่อการเจริญเติบโตของเชื้อจุลินทรีย์ และที่สำคัญ หากนำไปแช่ตู้เย็นจะส่งผลให้น้ำมันแข็ง ใช้ยากอีกอีกด้วย
มะเขือเทศ
ด้วยความเย็นในตู้เย็นจะทำให้เกิดกระบวนการยับยั้งการสุกที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติหลังจากเก็บเกี่ยว และที่สำคัญความเย็นจะทำให้ผิวของมะเขือเทศเหี่ยวเร็วมากยิ่งขึ้น
ซอสมะเขือเทศ
เพราะกระบวนการในการผลิตซอสมะเขือเทศนั้นได้มีการผ่านความร้อน ใส่สารบางอย่างเพื่อรักษาสภาพและยืดอายุการใช้งานไว้แล้ว ดังนั้น ควรเก็บไว้นอกตู้เย็น โดยเก็บให้พ้นแสงแดดก็เพียงพอแล้ว
ทูน่ากระป๋อง
การนำทูน่ากระป๋องไปแช่ตู้เย็นจะยิ่งทำให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพมากกว่าเดิม เพราะความชื้นใกนกระป๋องอาจเป็นตัวเร่งให้เกิดสนิม และอาจมีโลหะหนักปะปนในอาหารได้อีกด้วย
ขนมปัง
เพราะเราคิดว่าการเก็บขนมปังในตู้เย็นจะช่วยยืดอายุการทานได้นานขึ้น แต่ด้วยโมเลกุลของแป้งจะเกิดการเปลี่ยนแปลงหากนำไปแช่เย็น ส่งผลให้แข็ง หยาบ กระด้าง เนื้อสัมผัสไม่น่าทาน เท่าถ้าเราเก็บไว้นอกตู้เย็น โดยให้พ้นจากแสงแดดก็พอ
มันฝรั่ง
หากนำมันฝรั่งในแช่เย็น วันหนึ่งหากเปิดตู้เย็นออกมาแล้วพบว่ามันฝรั่งนั้นสามารถงอกเป็นต้นได้ก็ไม่ต้องตกใจ เพราะความชื้นในตู้เย็นส่งผลให้มันมีการเจริญเติบโตได้นั่นเอง ถามว่าสามารถนำมาปรุงอาหารได้ไหม ยังทำได้อยู่ค่ะ เพียงแต่ว่าเนื้อสัมผัสอาจจะไม่แน่นและไม่สดเท่าเก็บไว้ด้านนอกเท่านั้นเอง
แอปเปิล
การนำแอปเปิลไปแช่เย็นจะทำให้ความหอม และความฉ่ำหวานนั้นลดลง หากเพิ่งซื้อแอปเปิลมาให้นำมาห่อกระดาษหนังสือพิมพ์ เก็บให้พ้นความร้อนและแสงแดด ยกเว้นว่าถ้าหั่นทานแล้วไม่หมดในคราวเดียวสามารถเก็บใส่กล่องเอนกประสงค์ และแช่ในตู้เย็นได้ เพื่อป้องกันการเน่าเสีย
อะโวคาโด
อะโวคาโดที่ทานได้แล้ว สุกแล้วเปลือกจะต้องเป็นสีน้ำตาล แต่บางคนอาจลืมคำนึงไปว่า บางลูกอาจจะยังเขียวอยู่ พอนำไปแช่เย็นกลายเป็นว่าเมื่อจะทาน มันยังไม่สุก เนื้อจะยังแข็งอยู่ สุดท้ายต้องทิ้งทั้งลูก ดังนั้น ควรปล่อยให้สุกอยู่ข้างนอกตู้เย็น แต่ถ้าหากสุกพร้อมกัน กลัวว่ากินไม่ทัน แนะนำให้ห่อด้วยหนังสือพิมพ์ทีละลูก และนำไปแช่เย็นจะดีกว่าค่ะ
ถั่ว
ถั่วเมล็ดแห้งไม่จำเป็นต้องแช่เย็น เพราะการแช่เย็นจะทำให้เมล็ดถั่วมีความชื้น ความหอม และความสดของเมล็ดลดลง ยิ่งเก็บนานความหอมจะหายไป การเก็บเมล็ดถั่วให้เก็บในภาชนะแห้งปิดฝาให้สนิท ห่างไกลความร้อน และความชื้น เท่านี้พอแล้ว
น้ำสลัด
สังเกตได้จากเวลาที่เราไปเดินเลือกซื้อน้ำสลัดจากซุปเปอร์มาร์เก็ตก็ไม่มียี่ห้อไหนแช่เย็น เนื่องจากน้ำสลัดได้ผ่านกระบวนการที่ยับยั้งการเกิดของจุลินทรีย์มาแล้วเรียบร้อย ยกเว้นว่าน้ำสลัดที่เปิดขวดแล้วจึงสามารถเก็บในตู้เย็นได้ เพื่อป้องกันการเน่าเสีย
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ มีใครที่แช่กันไปแล้วกี่ข้อ จากนี้ไปไม่ต้องแช่ในตู้เย็นแล้วนะคะ เพราะนอกจากจะรักษาสภาพของอาหารได้ดีกว่าแล้ว ยังเป็นการประหยัดไฟได้อีกด้วยค่ะ