Site icon คุณแม่ลูกอ่อน

เมื่อต้องสอนการบ้านลูก แต่พ่อแม่สอนไม่เป็น ทำไงดี

เมื่อต้องสอนการบ้านลูก แต่พ่อแม่สอนไม่เป็น ทำไงดี

เรื่องการเรียนของลูกที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นการเรียนจากที่โรงเรียน หรือจะเป็นการเรียนออนไลน์ก็ตาม ความรู้ที่คุณพ่อคุณแม่เคยรู้มา บางอย่างรู้มาก็ไม่ได้นำไปใช้ในชีวิตประจำวันหรือไม่ได้ใช้ในการประกอบอาชีพ ก็อาจทำให้คุณพ่อคุณเกิดอาการลืมกันไปได้ แต่…ลูกต้องการหางเสือ ต้องการคนแนะนำในการทำการบ้าน จะทำอย่างไรดีล่ะ วันนี้เรามีแนวทางมาฝากกันค่ะ

วิธีรับมือเมื่อต้องสอนการบ้านลูก

จะทำอย่างไรดีล่ะ ถ้าความรู้ที่คุณพ่อคุณแม่เคยมีสมัยหนุ่ม ๆ สาว ๆ แต่ตอนนี้บางอย่างก็เลือนหายไปแล้ว ไปดูวิธีรับมือกันค่ะ

ใกล้ชิดลูกเมื่อลูกทำการบ้าน

ที่ให้คุณพ่อคุณแม่ใกล้ชิดก็เพราะว่า เราจะได้แอบทำความเข้าใจในบทเรียนไปพร้อมกับลูกค่ะ ระหว่างที่ลูกนั่งทำการบ้าน หรือนั่งคิดคำตอบอยู่นั้น คุณพ่อคุณแม่สามารถพูดคุย หรือถามคำถามแลกเปลี่ยนกับลูกได้ค่ะ เป็นการช่วยกันคิดหาคำตอบ และที่สำคัญเป็นการทบทวนความรู้ของคุณพ่อคุณแม่ไปในตัว

ไม่ดุลูก หากลูกทำการบ้านไม่ได้

ข้อนี้ห้ามเด็ดขาดค่ะ ห้ามดุลูก ห้ามตัดบทหรือสรุปว่าลูกเรียนไม่รู้เรื่องเด็ดขาด เพราะจะยิ่งเป็นการบั่นทอนจิตใจลูก ซึ่งถ้าหากคุณพ่อคุณแม่ไม่รู้จริง ๆ ควรพูดแบบนี้ค่ะ “ข้อนี้แม่ก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะลูก เดี๋ยวขอข้ามไปก่อนได้ไหม ขอแม่ไปหาคำตอบให้ก่อน และจะมาบอกนะ

ไม่ทำการบ้านแทนลูก

ต้องบอกว่าคุณพ่อคุณแม่บางคนเข้าใจในบทเรียนและแบบฝึกหัดที่ลูกกำลังทำ แต่…ไม่รู้จะถ่ายทอดหรืออธิบายอย่างไรให้ลูกเข้าใจ จึงตัดสินใจทำให้เสียเอง แบบนี้ก็ผิดค่ะ เพราะเด็กจะไม่ได้เรียนรู้อะไรเลยนอกจาก “ไม่เป็นไร เดี๋ยวพ่อก็ทำให้ แม่ก็ทำให้” ซึ่งที่ถูกต้องคือ ควรค่อย ๆ อธิบายเป็นขั้นเป็นตอนไป แล้วให้ลูกได้เรียนรู้จากข้อผิดพลาดนั้น ๆ เองเพื่อที่ลูกจะได้เข้าใจและจดจำได้ค่ะ

เข้าใจธรรมชาติของลูก

เด็กทุกคนต่างกัน มีความชื่นชอบในการเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ที่ต่างกัน รวมไปถึงวิธีการที่เขาจะเรียนรู้ก็ต่างกัน คุณพ่อคุณแม่จำเป็นต้องเข้าใจลูกก่อนค่ะว่า ลูกชอบเรียนรู้ในลักษณะไหน เช่น เด็กบางคนรักที่จะนั่งอ่านหนังสือเฉย ๆ เพื่อที่จะได้มีสมาธิ แต่ในขณะที่เด็กที่เด็กบางคนถนัดเรียนจากของจริง (สำหรับในบางวิชาที่เป็นไปได้) หากคุณพ่อคุณแม่เข้าใจวิธีการจดจำของลูกแล้ว ลองปรับการสอนหรือการอธิบายให้ตรงกับลักษณะการเรียนรู้ของลูกดูนะคะ

จากประสบการณ์ส่วนตัว โน้ตจะค่อนข้างเฉย ๆ กับวิชาภาษาไทย แต่พอเราได้มีโอกาสไปทัศนะศึกษาที่วัด และทราบประวัติของเจดีย์แต่ละรัชกาล กลับมาโรงเรียนโน้ตทำข้อสอบได้ TOP ของห้อง ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นกับโน้ตมาก่อนค่ะ 555 เราก็ได้เรียนรู้เหมือนกันว่าเราชอบเรียนในลักษณะที่เห็นของจริง

หาที่เรียนพิเศษ หรือหาครูมาสอน

ถ้าคุณพ่อคุณแม่พยายามปรับในทุกวิถีทางแล้วแต่ก็ยังไม่เป็นผล ทางออกหนึ่งก็คือ ลองหาที่เรียนพิเศษให้ลูกค่ะ หรืออาจจะหาครูมาสอน (แต่แบบหลังราคาจะค่อนข้างแพง) ทั้งนี้ การเรียนพิเศษไม่ควรให้ตารางอัดแน่นเกินไปนะคะ เพราะลูกจะเครียดเกินไป ซึ่งไม่เป็นผลดีอีก

เอาหนังสือลูกมาทบทวน

ถ้าเป็นในระดับชั้นเล็ก ๆ เนื้อหาคงไม่ยากเท่าไหร่คุณพ่อคุณแม่คงไม่ต้องทบทวนมาก ถ้าเป็นความรู้ในระดับชั้นมัธยมต้น คงพอทวนได้อยู่ เนื้อหาจะค่อนข้างเข้มข้น แต่หากเป็นระดับชั้นมัธยมปลายก็จะยิ่งยาก หากเป็นสายการเรียนที่แยกระหว่างสายวิทย์กับสายศิลป์ ข้อนี้หากคุณพ่อคุณแม่ไม่ไหวจะทวนจริง ๆ แนะนำว่าควรให้ลูกได้เรียนพิเศษ หรืออาจให้เพื่อนช่วยติวให้ ถ้าเพื่อนยินดี

เรื่องการเรียนในระดับชั้นมัธยมปลาย จะเริ่มเป็นสายเฉพาะมากขึ้น บางคนมีเพื่อนดีสามารถช่วยกันติวได้ ผนวกเก็บเด็กเองก็ไม่ชอบเรียนพิเศษ เพราะหากเจอครูที่เอาใจใส่เด็ก เด็กก็จะเข้าใจมากขึ้น แต่ถ้าหากพื้นฐานเด็กไม่เข้าใจในเรื่องบทเรียนมาก่อน การเรียนพิเศษก็ไม่ใช่คำตอบทั้งหมดค่ะ ดังนั้น ในห้องเรียน เด็กต้องมีความตั้งใจมาแล้วระดับหนึ่ง แล้วค่อยมาเสริมจากที่เรียนพิเศษ

การที่คุณพ่อคุณแม่ไม่สามารถสอนการบ้านลูกได้ ไม่ใช่เรื่องแปลก และไม่ใช่เรื่องผิดค่ะ เพียงแต่สิ่งที่ลูกต้องการคือ ความเข้าใจในตัวเขา ไม่ใช่การดุหรือต่อว่านะคะ เพราะจะยิ่งบั่นทอนจิตใจและที่สำคัญ หากคุณพ่อคุณแม่ดุลูกบ่อย ๆ ลูกจะไม่กล้าเข้าหา มีปัญหาในอนาคตเขาก็จะไม่มาปรึกษาค่ะ