Site icon คุณแม่ลูกอ่อน

ลูกมีกลิ่นตัวปกติไหม? ทำอย่างไรดี?

ลูกมีกลิ่นตัวปกติไหม? ทำอย่างไรดี?

ด้วยความเป็นพ่อเป็นแม่ที่มีมาแต่ทุนเดิม ได้หอมลูก กอดลูก แม้ว่าลูกเพิ่งวิ่งเล่นมาเหงื่อออกมากแค่ไหนก็ตาม ความเป็นพ่อเป็นแม่ก็ยังว่าหอมอยู่ แต่…หอมไปหอมมาทำไมรู้สึกว่าได้กลิ่นอะไรตุ ๆ เจ้ากรรม อ้าว…มันคือ กลิ่นตัวของลูกนั่นเอง แล้วที่สำคัญกลิ่นตัวนี้ที่มากับเหงื่อก็ไปซึมติดกับเสื้อผ้าเสียด้วยสิ ทำอย่างไรกันดี วันนี้เรามีวิธีการดี ๆ มาแนะนำค่ะ

ลูกมีกลิ่นตัว เกิดจากอะไร?

กลิ่นตัวสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ ดังนี้

อาบน้ำไม่สะอาดเท่าที่ควร

โดยเฉพาะเด็กที่อาบน้ำเอง อาจชำระล้างร่างกายหรือคราบไขมันที่อยู่ตามซอกและข้อพับต่าง ๆ บนผิวหนังได้ไม่สะอาดเท่าที่ควร ส่งผลให้เกิดการสะสมของแบคทีเรีย

ชอบทานอาหารทอดและมัน

หากทานอาหารเหล่านี้เป็นประจำ อาหารเหล่านี้จะไปกระตุ้นการทำงานของต่อมเหงื่อได้ดี ส่งผลให้ยิ่งมีเหงื่อออกมาก ซึ่งนอกจากจจะมีกลิ่นตัวแรงแล้ว ยังทำให้ลูกมีน้ำหนักมากอีกด้วยค่ะ

เป็นหนุ่มสาวก่อนวัย

โดยปกติแล้วเด็กผู้หญิงจะเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นตั้งแต่อายุ 10 ปี เด็กผู้ชายจะอยู่ในช่วงอายุ 12 ปี ซึ่งช่วงนี้เอง ฮอร์โมนในร่างกายจะมีการเปลี่ยนแปลงจึงทำให้เกิดกลิ่นตัวที่แรงกว่าปกติ

ทานอาหารรสจัด

อาหารรสจัด หมายถึง เค็มจัด หวานจัด รวมไปถึงเผ็ดจัด ก็ทำให้กลิ่นตัวแรงได้ เนื่องจากอาหารเหล่านี้จะไปกระตุ้นการทำงานของต่อมเหงื่อ ที่สำคัญ อาหารรสจัดบางประเภทมีเครื่องเทศกลิ่นแรงก็ส่งผลให้กลิ่นนั้นออกมาตามรูขุมขนได้

มีน้ำหนักเกินเกณฑ์

ด้วยน้ำหนักที่มากเกินเกณฑ์ก็ส่งผลให้เกิดกลิ่นตัวแรงได้ โดยเฉพาะในส่วนที่เป็นข้อพับต่าง ๆ เหงื่อหรือสิ่งสกปรกต่าง ๆ จะหมักหมมในบริเวณนั้น ยิ่งทำให้เมื่อเวลาที่มีเหงื่อออกมาก ๆ ก็จะส่งกลิ่นตัวที่แรงกว่าผู้ที่น้ำหนักตามเกณฑ์

เทคนิคกำจัดกลิ่นตัวลูก

กลิ่นตัวสามารถกำจัดได้ค่ะด้วยหลาย ๆ วิธี ดังนี้

อาบน้ำให้สะอาด

ข้อนี้เป็นสิ่งที่สำคัญมากค่ะ ในขณะที่อาบน้ำพยายามค่อย ๆ อาบและขัดถูตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายให้ทั่วถึง รวมไปถึงในขณะที่ล้างสบู่ออกนั้น พยายามไล่ถูตามตัวให้ทั่ว ไม่ต้องรีบ ใช้เวลานานสักหน่อย แต่ก็เป็นจุดเริ่มต้นในการลดกลิ่นตัวและลดการสะสมของแบคทีเรียได้ดี

ใช้ผลิตภัณฑ์ช่วยขจัดกลิ่นตัว

การมีตัวช่วยจะทำให้เรารู้สึกอุ่นใจและมั่นใจขึ้นค่ะ แต่การเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ขจัดกลิ่นตัวนั้น ไม่ควรเลือกที่เฉพาะมีกลิ่นหอมอย่างเดียว แต่ควรพิจารณาเลือกผลิตภัณฑ์ที่ระบุว่า “ช่วยระงับกลิ่นกาย” ด้วย เท่านี้ก็จะช่วยลดปัญหาการเกิดกลิ่นได้ค่ะ แต่ไม่ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์นะคะ เพราะจะทำให้บริเวณวงแขนของเสื้อเป็นคราบสีเหลืองได้

เลี่ยงอาหารและเครื่องดื่มบางชนิด

อาหารที่ควรเลี่ยงในลำดับต้น ๆ เลยก็คือ อาหารที่มีรสจัด โดยเฉพาะกลุ่มของเครื่องเทศ หรือเลี่ยงผักที่มีกลิ่นฉุน อาทิ กระเทียม หรือหัวหอม เป็นต้น

เช็ดตัวให้แห้ง

หลังอาบน้ำก็ไม่ควรละเลยในเรื่องของการเช็ดตัวนะคะ บางคนแค่ถู ๆ ไถ ๆ ไป บางส่วนแห้ง บางส่วนยังเปียกอยู่ หมั่นเช็ดตามข้อพับ หรือรอยพับในส่วนต่าง ๆ ของร่างกายทุกครั้ง เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่มีความชื้นอยู่ซึ่งเป็นต้นเหตุของความอับชื้น และมีกลิ่นตัวได้

ซักผ้าเช็ดตัวเป็นประจำ

ผ้าเช็ดตัวก็มีความชื้น แม้ว่าหลังใช้งานแล้ว เราจะมีการผึ่งไว้ทุกครั้ง แต่อย่าลืมว่าผ้าเช็ดตัวเป็นผ้าที่มีความชื้นอยู่ เชื้อโรคและเชื้อแบคทีเรียต่าง ๆ ยังสามารถเติบโตได้ดีในผ้าเช็ดตัว แนะนำว่าควรซักทำความสะอาดในทุกสัปดาห์

เลี่ยงอากาศที่ร้อนจัด

เพราะอากาศที่ร้อนจัดเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดเหงื่อ พยายามเลี่ยงไม่ควรโดนแดดจัด ๆ แต่…ถ้าหากว่าเราเลี่ยงไม่ได้จริงในชีวิตประจำวันก็ให้เน้นเรื่องการอาบน้ำ ทำความสะอาดร่างกาย และเช็ดตัวให้แห้งทุกครั้ง จากที่แนะนำไปข้างต้นได้ค่ะ

เรื่องของการมีกลิ่นตัวแรงอาจขึ้นได้ในเด็กบางคน โดยเฉพาะเมื่อเด็ก ๆ กำลังจะก้าวเข้าสู่วัยรุ่น ซึ่งวิธีที่ได้แนะนำกันไปในข้างต้น สามารถช่วยลดกลิ่นตัวได้ค่ะ อย่างไรแล้วลองนำไปปรับใช้กันดูนะคะ