หน้าร้อน…ครอบครัวมักจะชอบพาเด็ก ๆ ออกไปทำกิจกรรมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเล่นกีฬา การพาลูกออกไปท่องเที่ยวตามสถานที่ต่าง ๆ อาทิ น้ำตก หรือชายทะเล แต่…รู้หรือไม่คะว่า เชื้อแบคทีเรียชอบอากาศร้อน ทำให้เชื้อนี้เจริญเติบโตได้ดี เป็นตัวการในการเกิดโรคต่าง ๆ ในหน้าร้อน ซึ่งถ้าโรคที่มากับหน้าร้อนต่าง ๆ ไปเกิดกับเด็ก จะมีอาการรุนแรงมากกว่าผู้ใหญ่
สารบัญ
โรคที่มากับหน้าร้อน 2563 โรคที่มักเป็นในเด็ก
โรคหูชั้นนอกอักเสบ (Otitis externa หรือ Swimmer’s ear)
โรคนี้เกิดขึ้นบ่อย โดยเฉพาะหลังจากการว่ายน้ำ แล้วมีน้ำเข้าในหู และขังอยู่ในหู แล้วด้วยสภาวะอากาศที่ร้อนชื้น ทำให้ในรูหูมีความชื้นมากกว่าปกติ เชื้อแบคทีเรียเติบโตได้ดี
อาการ
ลูกจะมีอาการหูบวม คัน และอาจมีอาการปวดหูมาก ในบางรายอาจมีอาการหูหนวกชั่วคราว
การป้องกัน
ระวังไม่ให้น้ำเข้าหู และหมั่นเช็ดหูของลูกให้แห้งหลังจากเล่นน้ำหรือว่ายน้ำเสร็จทุกครั้ง
โรคอาหารเป็นพิษ (Food poisoning)
เป็นอีกหนึ่งโรคที่พบมากในเด็กในช่วงหน้าร้อน สามารถเกิดได้จากเชื้อแบคทีเรียและเชื้อไวรัส อาทิ จากอาการท้องเสียที่เกิดจากเชื้อโนโรไวรัส เชื้อนี้มักปนเปื้อนในน้ำและอาหาร หรืออาจจะมีการสัมผัสโดยตรงกับผู้ที่ติดเชื้อ
อาการ
ถ่ายเหลวอย่างรุนแรง อาเจียน มีไข้ ร่างกายอยู่ในภาวะขาดน้ำ
การป้องกัน
หมั่นดูแลเรื่องความสะอาดของทั้งน้ำและอาหาร ล้างมือบ่อย ๆ ก่อนทานอาหารหรือขนมทุกครั้ง ทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่ ๆ และถูกสุขลักษณะ
โรคไอกรน
เป็นโรคที่ติดเชื้อของระบบทางเดินหายใจส่วนบนอันเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งเป็นโรคที่ติดต่อกันได้ง่ายโดยเฉพาะในเด็กเล็กที่มีอายุต่ำกว่า 3 ปี ในบางรายอาจเสี่ยงต่ออาการแทรกซ้อนอื่น ๆ ได้ เช่น ไอจนหยุดหายใจ และอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้
อาการ
ไอมากจนมีเสียงครืดคราด หายใจลำบากตามมา
การป้องกัน
หมั่นล้างมือบ่อย ๆ หลีกเลี่ยงผู้ที่มีอาการไอ และพาลูกไปฉีดวัคซีนป้องกันตามที่แพทย์นัดหมาย
เป็นโรคติดเชื้อของระบบทางเดินหายใจส่วนบนที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย เด็กจะมีอาการไอที่มีเสียงหายใจลำบากตามมา เป็นโรคที่ติดต่อกันได้ง่าย โดยเฉพาะในเด็กเล็ก หากเกิดในเด็กอายุต่ำกว่า 3 ปี
ข้อมูลอ้างอิง โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์
โรคลมแดด (Heat stroke)
เด็กที่เป็นโรคลมแดดสาเหตุมักมาจากการที่ร่างกายต้องอยู่กลางแดดเป็นเวลานาน ร่างกายไม่สามารถปรับอุณหภูมิให้ลดลงได้
อาการ
อุณหภูมิในร่างกายสูงเกินกว่า 40.5 องศาเซลเซียส ตัวร้อน มีไข้ ปวดศีรษะ คลื่นไส้ มีอาการสับสน ผิวมีสีแดงมากกว่าปกติ ในบางรายหากเป็นอย่างรุนแรงอาจหมดสติและเสียชีวิตได้
การป้องกัน
ให้ลูกทำกิจกรรมในที่ร่ม หากช่วงเวลานั้นมีอากาศที่ร้อนและแดดจัด เลือกเสื้อผ้าให้ลูกสวมใส่ให้เหมาะกับสภาพอากาศ และให้ลูกดื่มน้ำเยอะ ๆ เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ
โรคพิษสุนัขบ้า
โรคนี้เกิดจากเชื้อไวรัส Rabies ซึ่งในประเทศไทยมักมีรายงานเกี่ยวกับการเป็นโรคพิษสุนัขบ้าจากการถูกสุนัขกัดเป็นส่วนใหญ่
อาการ
หากเด็ก ๆ หรือใครก็ตามที่ถูกสุนัขกัดจะมีอาการสมองอักเสบ ปวดเมื่อยตามตัว มีไข้ คันบริเวณที่ถูกกัด หงุดหงิด กระสับกระส่าย ตื่นเต้น และไวต่อสิ่งเร้ารอบตัว กลัวแสง ไม่ชอบลม น้ำลายไหลตลอดเวลา กล้ามเนื้อเกร็งและมีอาการกระตุกในบางครั้ง อาการถัดมาจะมีเพ้อ คลั่ง ชัก กลัวน้ำ หมดสติ และเสียชีวิตได้
การป้องกัน
ห้ามไม่ให้เด็ก ๆ หรือแม้แต่ตัวคุณพ่อคุณแม่เองถูกสุนัขกัด โดยเฉพาะในหน้าร้อน
โรคผิวหนัง
โรคนี้มักมาในช่วงที่อากาศร้อนชื้น และขาดการดูแลความสะอาดที่ผิวหนัง กลุ่มนี้จะเสี่ยงเป็นโรคนี้ได้ง่าย
อาการ
โรคนี้จะมาในลักษณะที่เป็นกลาก เกลื้อน หรือผดร้อน เป็นต้น
การป้องกัน
หมั่นรักษาและทำความสะอาดผิวหนังอยู่เสมอ ควรอาบน้ำเป็นหระจำ และเช็ดตัวให้แห้ง ไม่ใส่เสื้อผ้าที่ไม่ระบายเหงื่อ เพราะจะทำให้ผิวหนังอับชื้นอยู่ตลอดเวลา เป็นเหตุให้เกิดโรคนี้ได้ง่าย
โรคไวรัสตับอักเสบเอ (Hepatitis A)
โรคนี้เกิดจากเชื้อไวรัสตับอักเสบเอที่ปนเปื้อนในอาหาร เช่น อาหารที่ปรุงแบบสุก ๆ ดิบ ๆ หรืออาหารที่ปรุงทิ้งไว้จนเย็น
อาการ
เริ่มแรกมีอาการคลื่นไส้ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร มีไข้ แต่เมื่อไข้ลดก็จะมีอาการตัวเหลือง และตาเหลือง ถ้าเป็นในเด็กมักจะมีอาการเพียงเล็กน้อย บางรายไม่กี่วันก็หายเป็นปกติ แต่ถ้าเป็นในเด็กโต มักจะมีอาการเกือบสัปดาห์ (เฉลี่ยประมาณ 3 สัปดาห์) ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรค
การป้องกัน
หมั่นล้างมือก่อนทานอาหารทุกครั้ง ควรทานอาหารที่สะอาด ปรุงสุก และใหม่ ควรพาลูกไปฉีดวัคซีนตามที่แพทย์นัด
เรื่องของสุขภาพลูกไม่ใช่เรื่องไกลตัวเลยนะคะ โรคบางโรคที่กล่าวมาหากเป็นในเด็กเล็กอาการจะหนักกว่าผู้ใหญ่ ทางที่ดีควรรักษาความสะอาด และไม่ควรมีพฤติกรรมที่เสี่ยงจะก่อให้เกิดโรคดีที่สุดค่ะ และอาจเสริมภูมิลูกด้วยการพาลูกไปฉีดวัคซีนตามที่แพทย์นัดนะคะ