Site icon คุณแม่ลูกอ่อน

ลูกเสี่ยงเป็น “จิตเวช” หากพ่อแม่มีพฤติกรรมเช่นนี้

ลูกเสี่ยงเป็น “จิตเวช” หากพ่อแม่มีพฤติกรรมเช่นนี้

การมีลูกไม่ได้หมายความว่าคุณพ่อคุณจะสามารถทำอะไรกับลูกก็ได้ จะดุ หรือจะลงโทษลูกอย่างไรก็ได้ เพราะเด็กเขาก็มีความคิด มีความรู้สึก ซึ่งต้องบอกว่ามีเด็กหลายคนที่แสดงออกถึงความกดดันที่คุณแม่ส่งต่อให้เด็ก แต่ในขณะเดียวกันก็มีเด็กอีกหลายคนเช่นกันที่ไม่แสดงออกต่อหน้า แต่พวกเขาจะเก็บความรู้สึกด้านลบนี้เอาไว้ในใจ รอวันระเบิดออกมา ซึ่งเมื่อถึงวันนั้นจริง ๆ คงยากที่จะรับมือ ฉะนั้น วันนี้โน้ตอยากให้คุณพ่อคุณแม่หันกลับมาพิจารณาตัวเองกันสักหน่อยค่ะว่าพฤติกรรมอะไรที่อาจส่งผลให้ลูกเสี่ยงเป็นโรคจิตเวชบ้าง

พฤติกรรมพ่อแม่ทำลูกเสี่ยงเป็นจิตเวช

ดุด่าลูกต่อหน้าคนอื่น

ข้อนี้โดยมากแล้วเกิดจากการที่คุณพ่อคุณแม่ใช้คำพูดที่ไม่เหมาะสมจนบางครั้งเลยเถิดไปเป็นคำสบถเลยก็มี ซึ่งเป็นคำที่กระทบกระเทือนต่อจิตใจเด็กเป็นอย่างมาก เช่น มีเพื่อนข้างบ้านมานั่งเล่นด้วยที่บ้าน แล้วเด็กคนนั้นเกิดอยากเล่นตุ๊กตาตัวโปรดของลูก ลูกไม่ยอมแบ่งให้ คุณแม่ก็ดุลูก ว่าทำไมเป็นเด็กที่หวงของแบบนี้ ซึ่งความจริงแล้ว เด็กทุกคนมีสิทธิที่จะไม่แบ่งปันในสิ่งของที่ตัวเองรักได้ค่ะ

เรื่องของคำพูดที่กระทบกระเทือนจิตใจลูก เราสามารถเลี่ยงได้ค่ะ โดยการใช้เหตุผลอธิบายให้ลูกฟังแทน แต่ถ้าเป็นในกรณีที่ของสิ่งนั้นเป็นของรักของหวงล่ะก็ คุณแม่ควรเจรจากับเด็กอีกคนให้เขาเข้าใจว่าทุกคนก็มีของอันเป็นที่รักกันทั้งนั้น ชี้ชวนให้เด็กคนนั้นเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน แบบนี้ก็จะ win-win ทั้งสองฝ่ายค่ะ

เข้มงวดกับลูกเกินไป

การมีกฎ กติกา ในครอบครัวเป็นเรื่องดีค่ะ แต่อะไรก็ตามที่มากไปย่อมส่งผลเสียแน่นอน การเข้มงวดกับลูกมากเกินไป ลูกทำผิดพลาดเล็กน้อยก็ลงโทษลูกทุกครั้ง ที่สำคัญไม่เคยอธิบายให้ลูกเข้าใจว่าลูกทำผิดอะไร แล้วอะไรคือสิ่งที่ถูกต้อง

รักลูกและแสดงออกไม่เท่ากัน

สำหรับครอบครัวที่มีลูกมากกว่า 1 คนขึ้นไป บางครอบครัวอาจมีการรักลูกที่ไม่เท่ากัน เรื่องนี้ต้องยอมรับว่ามีจริงในสังคมไทย เพียงแต่น้อยคนนักที่จะออกมายอมรับได้เต็มปากว่ารักลูกไม่เท่ากัน แต่เด็กคนที่ถูกกระทำ ได้รับความรักไม่เท่ากันจะรู้สึกได้ ซึ่งเมื่อพฤติกรรมของพ่อแม่เป็นเช่นนี้ประจำ ลูกจะมีนิสัยที่ชอบเรียกร้องความสนใจ ต้องการการยอมรับจากคนอื่น และโหยหาความรักตลอดเวลา ซึ่งอันตรายมากต่อการใช้ชีวิตของลูกในอนาคต

ตามใจลูกทุกอย่าง

ข้อนี้ขอเน้นหนักเลยค่ะกับคำว่า “ตามใจลูกทุกอย่าง” แม้ว่าสิ่งนั้นจะเป็นสิ่งที่ผิด ความจริงแล้วจะเรียกว่า สปอยล์เด็ก ก็ไม่ผิดนัก เพราะสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ทำให้ทุกอย่างจะทำให้เด็กเคยตัว ทุกคนต้องเอาใจเขา ต้องให้เขาในสิ่งที่เขาอยากได้ แบบนี้จะทำให้ลูกกลายเป็นเด็กเอาแต่ใจ และขาดวุฒิภาวะได้

ระวังลูกทุกย่างก้าว

ประโยคเดียวที่เข้ากับการเลี้ยงลูกแบบนี้คือ “ไข่ในหิน” เข้าใจว่าหัวอกคนเป็นพ่อเป็นแม่ไม่อยากเห็นลูกได้รับบาดเจ็บ เพราะลูกเจ็บ เราเจ็บกว่า แต่อย่าลืมว่าเราไม่สามารถอยู่กับลูกได้จนลูกแก่เฒ่า ฉะนั้น ควรปล่อยให้ลูกได้เรียนรู้ด้วยตัวเองบ้าง เพื่อเขาจะได้เรียนรู้วิธีการป้องกันตัวเองอีกด้วยค่ะ

ทำให้ลูกทุกอย่าง

เข้าใจหัวอกคนเป็นแม่เช่นกัน ว่าเรามีความสุขที่ได้ดูแลลูก ได้ทำสิ่งต่าง ๆ ให้ลูก แต่อย่าเพลินจนลืมไปว่าตอนนี้ลูกโตแล้ว ควรฝึกให้ลูกได้ทำอะไรเองบ้าง เพียงแต่เราก็อยู่ห่าง ๆ อย่างห่วง ๆ คอยให้คำแนะนำเขา เพราะหากเราเผลอทำให้ลูกทุกอย่างจนเขาโต จะส่งผลเสียทำให้ลูกกลายเป็นเด็กไม่กล้าตัดสินใจ (เพราะคุณพ่อคุณแม่ตัดสินใจให้แล้ว), ขาดภาวะผู้นำ และที่สำคัญ ทำให้ลูกไม่รู้จักการแก้ปัญหาด้วยตัวเองก่อน ต้องหันไปพึ่งแต่คุณพ่อคุณแม่อย่างเดียว

จากพฤติกรรมที่กล่าวมาทั้งหมดล้วนแล้วแต่เสี่ยงต่อการทำให้ลูกเป็นเด็กจิตเวชได้ค่ะ แต่อย่างที่บอกค่ะว่าสิ่งที่น่ากลัวกว่านั้นคือ เด็กที่มีอาการทางจิตเวชแล้วไม่แสดงออก เพราะคุณพ่อคุณแม่จะไม่สามารถรู้ได้เลยว่าลูกคิดอะไรอยู่ ฉะนั้นอย่าลืมนะคะ ลองหาเวลาว่าง คุณพ่อคุณแม่ลองนั่งพิจารณาการเลี้ยงลูกของตัวเองโดยที่ไม่เข้าข้างตัวเองนะคะ เมื่อไหร่ที่คุณพ่อคุณแม่เห็นว่าการเลี้ยงดูลูกในบางเรื่องไม่ถูกต้อง ควรปรับตั้งแต่วันนี้ ก่อนที่วันข้างหน้าจะสายเกินแก้