Site icon คุณแม่ลูกอ่อน

ลูกร้องไห้หนักมาก….แบบนี้เป็นโคลิครึป่าวนะ?

หากเป็นสมัยก่อนละก็ คนเฒ่าคนแก่ต้องบอกว่าเด็กที่ร้องไห้ไม่หยุดเป็นเพราะเห็นผีแน่นอน สำหรับภาวะโคลิค (Colic หรือ Baby Colic) บ้างก็เรียกโรคเด็กร้องไห้ร้อยวัน เป็นอาการที่พบได้ในเด็กเล็ก ตั้งแต่วัยแรกเกิดจนถึงอายุสามเดือน โรคนี้หายได้เอง แต่บางรายก็ร้องนานถึงห้าเดือน การร้องของเด็กจะต่างจากการร้องธรรมดา คือจะร้องเยอะมาก เป็นเวลานานอาจได้หลายชั่วโมง โดยเฉพาะตอนกลางคืน หรือร้องตรงเวลาทุกวัน บางครั้งร้องจนตัวงอ

คุณพ่อคุณแม่หลายบ้านถึงกับวิตกกังวลไม่รู้จะทำอย่างไรให้ลูกหยุดร้องได้ สงสารก็สงสาร ลองมาดูกันค่ะว่าสาเหตุเกิดจากอะไรได้บ้าง

1.ปัญหาโรคทางเดินอาหาร

เป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยในเด็กที่ร้องแบบโคลิค เพราะเมื่อลูกรู้สึกไม่สบายท้องก็ย่อมร้องออกมา ได้แก่

2.นอนไม่สบาย

ท่านอนของลูกไม่เหมาะสม ก็อาจร้องโวยวายได้

3.พื้นฐานครอบครัว

เด็กโคลิคพบได้บ่อยในครอบครัวที่มีสถานะทางเศรษฐกิจและสังคมสูง โดยเฉพาะลูกของพ่อแม่ที่มีอายุมาก เกิดในครอบครัวที่ไม่ค่อยมีพี่น้อง และมักเป็นพ่อแม่ที่มีการศึกษาสูง สาเหตุก็คงมาจากความเครียดขณะคุณแม่ตั้งครรภ์ เพราะจะมีความกังวลต่อลูกเป็นพิเศษ

4.อารมณ์ของลูกน้อย

ลูกมีพื้นฐานอารมณ์ที่เข้าข่ายจะเป็นเด็กเลี้ยงยาก หรือพ่อแม่ที่มีบุคลิกเครียด วิตกกังวล ย่อมส่งผลต่อลูกเช่นกันค่ะ

5.การแพ้อาหาร

สำหรับบางบ้านที่ให้นมผง ลูกอาจเกิดอาการแพ้ได้ เช่น นมวัว หรืออาหารแปลกปลอม อย่างน้ำผลไม้ เช่น น้ำแอปเปิ้ล แต่ในเด็กเล็กขนาดนี้ไม่ควรให้กินอย่างอื่นนอกจากน้ำเปล่าและนมค่ะ

ลูกร้องแบบไหนบ้างที่เข้าข่ายว่าจะเป็นโคลิค

วิธีในการรับมือกับเด็กโคลิค

1.อุ้มลูกพาดบ่า

เมื่อลูกได้ตั้งตัวขึ้น อาจรู้สึกสบายกว่าการได้นอนเฉยๆ และหากลูกกำลังท้องอืดท่านี้จะช่วยระบายลมในท้องได้ หรือจะให้อยู่ในท่าคว่ำก็ได้ค่ะ ลองพาลูกอุ้มแล้วเดินไปเดินมาด้วยนะคะ ดีกว่าอยู่เฉยๆ ค่ะ

2.ทำให้ลูกเรอ

สาเหตุจากการท้องอืด นมไม่ย่อย มีลมดัน คุณแม่ต้องรีบจัดการกับปัญหานี้ให้ไว จะใช้วิธีแรกคืออุ้มพาดบ่า เปลี่ยนอิริยาบถ หรือใช้ยาแก้ท้องอืด มหาหิงค์ ก็รีบๆ เลยค่ะ เผื่ออะไรๆ จะดีขึ้น

3.อย่าให้มีอะไรรบกวน

ลองพาลูกหลีกหนีจากสิ่งรบกวนทั้งหลาย เช่น แสง สี เสียง เพื่อที่ลูกจะได้สงบลง อาจพาไปอยู่ในห้องเงียบสงบ เปิดเพลงที่ฟังแล้วผ่อนคลายเบาๆ หรือคุณแม่จะร้องเพลงกล่อมเองก็ได้ค่ะ หรือถ้ายังไม่หยุด ลองกอดลูกไว้เฉยๆ สัก 10-15 นาที ลูกจะได้ยินเสียงหัวใจคุณแม่เต้น ก็อาจจะตั้งใจฟังเสียงนี้จนลืมร้องไปได้ค่ะ

4.คุณแม่ต้องงดอาหารบางชนิด

คุณแม่บางท่านยังต้องให้นมลูกอยู่ อย่าลืมว่าอาหารบางชนิดมีผลต่อน้ำนม โดยเฉพาะที่มีคาเฟอีนอย่าง ชา กาแฟ น้ำอัดลม แหม…ขนาดคนปกติกินเข้าไปยังมีผลนอนไม่หลับ ไม่สบายท้องเลยค่ะ ลูกตัวนิดเดียวก็ไม่น่าจะรอดนะคะ ยังรวมไปถึงพวกอาหารไขมันสูง อย่างเนยแข็ง หรืออาหารที่มีรสเผ็ดร้อน กลิ่นแรง อย่างเช่น หอม กระเทียม ด้วยค่ะ ลองดูว่าถ้างดเป็นเวลาอย่างน้อย 1 สัปดาห์ ลูกจะยังร้องอยู่หรือไม่

5.ตั้งสติให้ดี อย่ากังวลมากไป แต่อย่าทิ้งให้ลูกร้องนาน

อย่างที่บอกค่ะว่าเด็กโคลิคนี้จะร้องกันไม่เกิน 3 เดือน บางรายอาจนานกว่านั้นได้หน่อย และลูกสามารถหยุดเองได้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ให้คุณพ่อคุณแม่ทิ้งไว้ให้ร้องอย่างนั้นจนกว่าจะหยุดเองนะคะ ปลอบลูกบ้างค่ะ แต่แค่อยากจะบอกว่าพื้นฐานลูกจะเป็นยังไง ก็มาจากพ่อแม่นี่แหละค่ะ ยิ่งกังวล ลูกก็ยิ่งร้อง เอาชนะลูกไม่ได้ตั้งแต่ยังไม่เดินเลย ฉะนั้นเมื่อรู้ว่าเด็กโคลิคจะร้องตรงเวลา ก็ควรจัดการป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นนี้ให้เรียบร้อยก่อนลูกจะร้อง แล้วค่อยมาดูผลกันว่าวันนี้จะร้องหรือไม่

หากคุณแม่ประเมินสถานการณ์แล้วว่าอาการเด็กโคลิคร้องผิดปกติเกินกว่าจะทำให้ลูกหยุดร้องได้ พร้อมกับมีอาการที่น่าเป็นห่วง เช่น มีไข้สูง ชัก อาเจียน อุจจาระผิดปกติ ร้องจนเสียงแหบ หรือสำลักออกมา ควรรีบพาไปพบแพทย์โดยด่วน เพราะอาจมีอะไรที่เราคาดไม่ถึงได้ค่ะ