Site icon คุณแม่ลูกอ่อน

อยากให้ลูกฉลาด แค่ฝึกให้กินข้าวเอง ดื่มน้ำเอง

อยากให้ลูกฉลาด แค่ฝึกให้กินข้าวเอง ดื่มน้ำเอง

มีคุณพ่อคุณแม่มือใหม่หลายคนเมื่อมีลูกก็จะห่วงเค้าในเรื่องต่างๆ พยายามคิดค้นหาวิธี หรือกุศโลบายต่างๆ ในการสอนเค้าทั้งในเรื่องของการเป็นเด็กดี มีวินัย มีความรับผิดชอบ ตลอดจนสอนในเรื่องของการใช้ชีวิต ช่วยเหลือตัวเองได้ ซึ่ง “ความฉลาด” ในด้านต่างๆ ก็เป็นเรื่องลำดับต้นๆ ที่คุณพ่อคุณแม่นึกถึง วันนี้ผู้เขียนมีวิธีการฝึกให้ลูกเป็นเด็กฉลาด เริ่มได้ง่ายๆ เพียงให้ลูกกินข้าวเอง ดื่มน้ำเอง รายละเอียดจะเป็นอย่างไร ไปดูกันค่ะ

Youtube : อยากให้ลูกฉลาด แค่ฝึกให้กินข้าวเอง ดื่มน้ำเอง

ความกังวลของคุณพ่อคุณแม่

คงไม่มีใครปฏิเสธได้ว่าสังคมสมัยนี้อยู่ยากมากขึ้น ดังนั้น ความห่วงของคุณพ่อคุณแม่ ส่วนใหญ่คือ ห่วงว่าเค้าจะเอาตัวรอดในสังคมได้หรือไม่ จะใช้ชีวิตกับสังคมภายนอกอย่างไร
ยิ่งถ้าเป็นเด็กเล็กหน่อย ก็จะห่วงว่า เมื่อลูกไปโรงเรียนเค้าจะช่วยเหลือตัวเองได้มั้ย เพราะเมื่อลูกต้องเข้าโรงเรียน นั่นหมายถึงว่าเค้าต้องเรียนรู้ที่จะช่วยเหลือตัวเองทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเรียน การทำกิจกรรมกับโรงเรียน การเล่นอยู่กับเพื่อน การแบ่งปัน การปูที่นอนเอง กินข้าวเอง เข้าห้องน้ำเอง ถอดรองเท้าเอง ฯลฯ
แต่…คุณพ่อคุณแม่สามารถฝึกลูกก่อนได้จากที่บ้าน ดังนี้ค่ะ

กินข้าวเอง ดื่มน้ำเอง


ให้ลูกนั่งเก้าอี้สำหรับเด็ก


เตรียมอุปกรณ์จาน ชาม ช้อน ส้อม ขวดน้ำ ให้เรียบร้อย


คุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องห่วงเรื่องการกินเลอะเทอะของลูก ปล่อยให้เค้าได้ช่วยเหลือตัวเองเต็มที่ จะเข้าปากบ้างไม่เข้าบ้างก็ไม่เป็นไร


บริเวณพื้น คุณพ่อคุณแม่อาจหาหนังสือพิมพ์ที่ไม่ใช้แล้วมาปูไว้เพื่อป้องกันไม่ให้พื้นเลอะมาก และง่ายต่อการทำความสะอาด

ข้อดีของการให้ลูกฝึกกินข้าวเอง ดื่มน้ำเอง

เด็กที่มีอายุ 1-3 ขวบ จำเป็นต้องได้รับการพัฒนาทางด้านกล้ามเนื้อ แรกๆ เค้าจะยังไม่สามารถบังคับทิศทางหรือน้ำหนักมือได้ดีเท่าที่ควร แต่หากคุณพ่อคุณแม่ฝึกลูกทุกครั้งที่กินข้าว ลูกจะมีพัฒนาการด้านนี้ได้เร็ว กะน้ำหนักมือได้ดีขึ้น และกำหนดทิศทางได้แม่นยำขึ้น
แต่…สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่กังวลนั่นคือ “ความเลอะเทอะ” แต่เรามาดูกันค่ะว่า ความเลอะเทอะช่วยให้ลูกเรียนรู้อะไรบ้าง

ข้อดีของการกินเลอะเทอะ

ลูกจะได้อะไรจากการที่เค้ากินเลอะเทอะ


พัฒนาการของกล้ามเนื้อมือที่แข็งแรงขึ้น


พัฒนาการของการทำงานประสานกันระหว่างมือกับสายตา เพราะเมื่อลูกตักอาหารขึ้นมา ต้องใช้ทั้งมือและสายตาร่วมกัน


พัฒนาการทางด้านความคิดวิเคราะห์ เพราะลูกจะต้องใช้ความคิดและลำดับความคิดในทุกขั้นตอนของการกินอาหาร เช่น ตักคำเล็กไปหรือใหญ่ไป ถ้าใหญ่ไปทำยังงัยดี จะเข้าปากได้มั้ย จะต้องยกช้อนไปในทิศทางไหน กะน้ำหนักเท่าไหร่ดี อาหารหกก่อนเข้าปากทำยังงัยดีไม่ให้หกในครั้งต่อไป ฯลฯ ทั้งหมดนี้ลูกต้องใช้ความคิดและการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าทั้งสิ้น ถือเป็นพัฒนาการทางสติปัญญาค่ะ

ความเลอะเทอะ…คือ หน้าที่ของคุณพ่อคุณแม่

ต้องยอมรับว่า “ความเลอะเทอะจากการให้ลูกกินข้าวเอง” จะมาคู่กับ “ความเหนื่อย” เสมอ แต่…ความเหนื่อยนี้จะไม่เสียเปล่าแน่นอน เพราะแลกกับการให้ลูกได้เรียนรู้การช่วยเหลือตัวเอง แลกกับพัฒนาการทางสติปัญญา และแลกกับพัฒนาการทางด้านร่างกาย
ข้อนี้จึงเป็นหน้าที่ของคุณพ่อคุณแม่และการแก้ปัญหา เพราะเมื่อคุณพ่อคุณแม่รู้อยู่แล้วว่าลูกต้องกินเลอะเทอะ ก็ให้เตรียมกระดาษหนังสือพิ่มพ์หรือพลาสติกมารองพื้น เท่านี้จะทำให้ง่ายต่อการทำความสะอาดค่ะ
นอกจากนี้ ลูกๆ ก็จะซึมซับวิธีการแก้ไขปัญหาของคุณพ่อคุณแม่และสามารถนำไปปรับใช้เมื่อเค้าโตขึ้นอีกด้วยนะคะ

กลัวลูกไม่อิ่ม

การฝึกลูกให้กินข้าวเอง กินน้ำเองเป็นเรื่องดี แต่คุณพ่อคุณแม่หลายคนกังวลว่าลูกมัวแต่เล่น เขี่ยข้าวไปมา ตักอาหารเข้าปากบ้างไม่เข้าปากบ้าง ลูกกินไม่อิ่มจะทำยังงัยดี…

ให้คุณพ่อคุณแม่แบ่งจานข้าวลูกไว้สองจาน จานหนึ่งสำหรับให้ลูกฝึกทานข้าวเอง ส่วนอีกจานหนึ่งเอาไว้กินจริงซึ่งจานหลังนี้คุณพ่อคุณแม่เป็นคนป้อน เมื่อลูกกินเองได้มากขึ้นค่อยถ่ายเทข้าวในส่วนที่เค้าสามารถกินเองให้มากขึ้น ลดอาหารจานที่คุณพ่อคุณแม่ป้อนเองลง ฝึกจนกว่าลูกสามารถกินได้เองอย่างคล่องแคล่วค่อยให้กินเองทั้งหมดโดยไม่ต้องมีจานสำรองค่ะ

เห็นมั้ยคะ การฝึกให้ลูกกินข้าวเองมีดีมากกว่าที่คิด เราเหนื่อยในวันนี้ ดีกว่าเหนื่อยไปทั้งชีวิตนะคะ เป็นกำลังใจให้คุณพ่อคุณแม่ทุกคนค่ะ