Site icon คุณแม่ลูกอ่อน

10พฤติกรรมที่ควร “เลิกทำ” เมื่อมีลูก

ก่อนหน้าที่จะมีลูก คุณพ่อคุณแม่หลายคนคงกิจกรรมไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ มากมาย ได้ดูหนังที่อยากดู ไม่ว่าจะเป็นแนวสืบสวนสอบสวน แนวลึกลับ หรือแนวหลอนๆ ได้ไปในที่ที่อยากไป ไม่ว่าจะขึ้นเขาลงห้วย อยากไปงานแฟร์ที่ไหนก็ได้ และอีกหลายๆ อย่างที่คนสองคนจะนึกออก แต่…เมื่อมีลูก คงได้เวลาที่คุณพ่อคุณแม่ต้องนั่งคิดแล้วล่ะค่ะ ว่าที่ไหนไปได้บ้างหรือไม่ได้บ้าง หรือพฤติกรรมอะไรที่ควรเลิกทำหรือหยุดไปเลย เพื่อไม่ให้ลูกจำเป็นตัวอย่างมีอะไรบ้างไปดูกันค่ะ

พฤติกรรมที่ควรเลิกทำ เมื่อมีลูก

1.เลิก…เป็นพ่อแม่บ้างาน

คุณพ่อคุณแม่มือใหม่หลายคน ที่ยังไม่คุ้นกับการมีลูก แต่ชินกับการทำงานนอกบ้าน แม้เลิกงานก็ยังต้องมานั่งเช็คเมล์ที่มือถือกันต่อ แต่คุยมือถือพอรับได้เพราะบางครั้งบางอย่างงานติดพัน ต้องมีการแก้ปัญหา ถึงกระนั้นก็ตาม หากค่อยๆ ลด ละ เลิกได้ก็จะเป็นการดีมาก เพราะลูกเราโดยเฉพาะใน5 ปีแรก จะมีการเรียนรู้พฤติกรรมจากเรา ซึมซับพฤติกรรมจากเรา
ดังนั้น ความรักความอบอุ่นจากคุณพ่อคุณแม่เป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะหากลูกเรามีพื้นฐานจิตใจดีแล้ว ย่อมส่งผลต่อนิสัยที่ดีและการเรียนรู้สิ่งต่างๆ ของเค้าในอนาคตอีกด้วยค่ะ

2.เลิก…พาลูกไปในที่ที่มีคนพลุกพล่าน

จากที่ได้เกริ่นไว้ตั้งแต่แรกว่าเมื่อก่อนคุณพ่อคุณแม่อาจชอบเดินในงานแฟร์ต่างๆ ไปดูคอนเสิร์ต ไปตลาดนัด หรือไปห้าง ฯลฯ เรียกได้ว่าไปในที่ที่มีคนพลุกพล่าน แต่เมื่อมีลูกแล้ว พฤติกรรมเหล่านี้ควรเลิกหรือหยุดซักพัก (ใช้เวลาเป็นปีเหมือนกันนะคะ 555) เพราะลูกน้อยยังมีภูมิคุ้มกันน้อย จะเสี่ยงต่อการรับเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายได้ง่ายค่ะ

3.เลิก…ใช้ความรุนแรงต่อหน้าลูก

เมื่อก่อนคุณพ่อคุณแม่ก็มีกันอยู่สองคน หันไปทางไหนในบ้านก็เจอกันแค่สองคน จะมีทะเลาะกันบ้างก็บางวัน บางครั้งก็อาจพูดไปเพราะอารมณ์
แต่วันนึง…เมื่อมีลูกแล้ว การใช้อารมณ์กับลูกต่อเป็นสิ่งที่ควรเลี่ยงค่ะ เพราะคำพูดและพฤติกรรมความรุนแรงที่เค้าเห็นหรือเค้าได้รับนั้นจะฝังอยู่ในใจเด็กเป็นภาพจำ และจะติดไปจนโต ซึ่งเค้าก็จะไปทำพฤติกรรมแบบนี้กับคนอื่นอีก กลายเป็นปัญหาสังคมได้ค่ะ

4.เลิก…ใช้ผลิตภัณฑ์ของผู้ใหญ่กับเด็ก

เป็นที่รู้กันดีว่าผิวเด็กมีความบอบบางมาก คุณพ่อคุณแม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตมาสำหรับเด็กโดยเฉพาะ อาทิ น้ำยาซักผ้า น้ำยาปรับผ้านุ่ม ยาสีฟัน น้ำยาล้างขวดนม ยาสีฟัน ฯลฯ เพื่อหลีกเลี่ยงการระคายเคืองบนผิวหนังของลูกค่ะ

5. เลิก…ให้ลูกกินขนมที่มีรสหวานมากไป

หลายคนบอกว่า เด็กกับขนมเป็นของคู่กัน ถูกค่ะ แต่คุณพ่อคุณแม่สามารถปลูกฝังและฝึกในเรื่องพฤติกรรมการกินที่ถูกต้องได้ ไม่ต้องถึงกับไม่ให้กินเลยนะคะ เพียงแต่อาจจะคุมเค้าให้กินเป็นมื้อๆ ไป อาจจะกำหนดว่าให้กินวันละครั้งช่วงบ่าย เป็นต้น
หากให้ลูกได้กินขนมหวานมากไป อาจทำให้เค้าเป็นเด็กที่มีนิสัยติดหวานไม่รู้ตัวไปจนโต จนอาจทำให้เกิดผลเสียต่อร่างกาย เป็นสาเหตุของโรคต่างๆ ได้มากมาย

6. เลิก…ทำให้ลูกหัวเราะด้วยการโยน

คุณพ่อคุณแม่บางคนชอบเห็นลูกหัวเราะจากการที่จับลูกโยนขึ้น หรือแกว่งไปมา แต่…สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ผิดนะคะ เพราะสมองของเด็กเล็กยังบอบบาง อาจสร้างความกระทบกระเทือนหรือเกิดการบาดเจ็บในสมองได้

7. เลิก…ให้คนอื่นเลี้ยงลูก

ข้อนี้ต้องบอกว่า ถ้าเป็นไปได้นะคะ…ถ้าเป็นไปได้แนะนำว่า ควรเลี้ยงลูกเอง เพราะเด็กวัยทารกไปจนถึง 5 ขวบ เป็นวัยที่เปิดรับสิ่งใหม่ๆ ได้ง่าย เค้าจะจำพฤติกรรมจากคนเลี้ยง และที่สำคัญ คุณพ่อคุณแม่จะไม่มีทางรู้เลยว่าลูกเราต้องไปเจออะไรมาบ้างในแต่ละวัน เจอเรื่องดีก็ดีไป
นอกจากนี้ หากคุณพ่อคุณแม่ต้องเปลี่ยนคนเลี้ยงอยู่บ่อยๆ อาจทำให้ลูกคิดได้เอาได้ว่า พ่อแม่ไม่รักหรือเปล่า ส่งให้คนนั้นเลี้ยงทีคนนี้เลี้ยงที

8. เลิก…ให้ลูกใช้ชีวิตกับอุปกรณ์เทคโนโลยี

สำหรับข้อนี้ ผู้เขียนคิดว่าจะห้ามไม่ให้เค้ารู้จักกับเทคโนโลยีในยุคนี้เลยก็คงจะเป็นเรื่องผิดปกติ เพียงแต่ไม่ใช่ว่าจะปล่อยให้เด็กอยู่กับอุปกรณ์เทคโนโลยีทั้งวันแทนการอยู่กับคุณพ่อคุณแม่ อันนี้ก็ดูจะมากไปซักหน่อย
ถ้าหากจะให้ลูกรู้จักกับเทคโนโลยีจริงๆ สำหรับผู้เขียนให้เค้ารู้จักกับสิ่งเหล่านี้ตอนอายุประมาณ2 ขวบกว่าๆ แต่…แต่ว่าให้เค้าเล่นโดยมีเราอยู่ด้วยตลอด และให้เล่นได้วันละไม่เกิน 1 ชั่วโมงครึ่ง อย่างมาก 2 ชั่วโมงต่อวัน ซึ่งสมัยนี้มีแอปที่คุณพ่อคุณแม่สามารถกรองให้ลูกได้ เช่น youtubekidsโดยเราสามารถเลือกให้ลูกดูอะไร ไม่ดูอะไรก็ได้ เลือกไม่ให้ search ก็ได้ค่ะ

9. เลิก…กับการเอาฝันพ่อแม่ใส่หัวลูก

มีคุณพ่อคุณแม่บางคนที่ฝันอยากเป็นอะไรในวัยเด็ก แต่เมื่อโตขึ้นมาก็อาจเจอปัจจัยอะไรหลายอย่างที่ทำให้ไม่สามารถทำฝันของตัวเองให้เป็นจริงได้ พอมีลูกจึงเอาฝันของเราใส่หัวลูก แล้วผลักดันลูกไปทางนั้น ซึ่งไม่ได้ถงถามลูกซ้ากคำ ว่าอยากเป็นอะไร
แบบนี้…ไม่ควรทำนะคะ การปล่อยให้ลูกได้เดินตามความฝันของเค้า ได้ทำในสิ่งที่รัก เค้าจะมีความสุขและจะทำได้ดีกว่าการทำฝันของพ่อแม่ ความสุขของลูกก็คือ ความสุขของคุณพ่อคุณแม่จริงมั้ยคะ^^

10. เลิก…เปรียบเทียบลูกเรากับลูกคนอื่น

ข้อนี้ก็เจอกันบ่อย เคยได้ยินเองก็เยอะ มีทั้งพลั้งปากพูด กับตั้งใจพูดให้ลูกได้รู้ว่าลูกคนอื่นดีกว่า ซึ่งสิ่งนี้จะเป็นตัวบั่นทอนจิตใจของลูกอย่างยิ่งยวดเลยค่ะ เพราะจะทำให้เค้ารู้สึกว่า “เค้าเกิดมาไม่มีอะไรดีเลยหรอ ทำไมพ่อแม่ไม่เห็นคุณค่าเค้า” สิ่งนี้จะฝังลึกในจิตใจไปจนโต จนทำให้เค้าคิดว่าเค้าเป็นคนที่ทำอะไรไม่ได้เรื่อง (เหมือนเป็นการสะกดจิตตัวเองให้คิดแบบนี้) เค้าไปเป็นคนไม่ดี ซึ่งแท้จริงแล้ว….เด็กแต่ละคนมีความสามารถที่โดดเด่นต่างกันไป ไม่จำเป็นต้องให้ใครเหมือนใคร

หลายคนพออ่านมาถึงตรงนี้แล้วบอกว่า รู้หมดแล้วทุกเรื่อง แต่….เอาจริงๆ เวลาที่เราอยู่ในสถานการณ์นั้นๆ “สติ” จะเป็นตัวคอยควบคุมไม่ให้เราทำในสิ่งที่บั่นทอนลูก ดังนั้น ก่อนจะทำ จะพูดอะไร หายใจเข้าออกลึกๆ ซัก 2-3 ครั้งนะคะ …..ตั้งสติก่อน