Site icon คุณแม่ลูกอ่อน

มาเสริมพลังสมองให้ลูกวัยแรกเกิดถึง 3 ขวบกัน

35227004 - woman teaches children handcraft at kindergarten or playschool

พัฒนาการทางด้านสมองของลูกวัยแรกเกิดถึงสามขวบนั้นถือเป็นช่วงสมองที่มีการเจริญเติบโตมากกว่าช่วงวัยอื่นๆ และเป็นสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ย่อมอยากจะช่วยส่งเสริมให้ดีและเป็นไปอย่างถูกต้องอยู่แล้วและแน่นอนว่าคุณพ่อคุณแม่ก็มีส่วนสำคัญในการช่วยให้สมองของลูกพัฒนาและมีพลังได้อย่างที่ควรจะเป็น การช่วยในเรื่องการเสริมพลังสมองให้กับลูกนั้นบอกได้เลยว่าเป็นเรื่องง่ายๆ ที่สามารถเก็บเกี่ยวได้จากการใช้ชีวิตประจำวันนั่นเอง แต่จะมีอะไรกันบ้างมาติดตามกันต่อได้เลย

มาใช้ชีวิตประจำวันให้เสริมพลังสมองของลูกกัน

  1. อาหารการกิน นี่คือเรื่องแรกที่ควรใส่ใจให้กับเด็กๆ ในวัยนี้ควรจะให้ลูกได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์และเหมาะสมกับช่วงวัยของเขาและที่สำคัญนั้นพยายามอย่าให้ลูกกินหวานมาก เพราะเมื่อกินหวานเข้าไปมากๆ แล้วนั้นร่างกายจะดูดซึมน้ำตาลอย่างรวดเร็วจากนั้นเมื่อน้ำตาลในร่างกายสูงเกินไปก็จะเกิดการขับออกและมันอาจจะขับน้ำตาลออกมามากเกินไปจนเกิดเป็นภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำกว่าปกติก็เป็นได้

    และสมองมีความจำเป็นที่ต้องการน้ำตาลในระดับที่พอดี ดังนั้นขนมหวานควรหลีกเลี่ยงแล้วหันมาให้ลูกได้กินน้ำตาลที่อยู่ในผัก ผลไม้ ธัญพืช เพราะเป็นน้ำตาลโมเลกุลใหญ่ซึ่งจะค่อยๆ ถูกดูดซึมเข้าไปในร่างกายทำให้ไม่ถูกขับออกเร็วจนเกินไปและมีประโยชน์กับสมองอีกด้วย

  2. พูดคุยและเล่นกับลูกเสมอ การเล่นของเด็กวัยนี้คือการเรียนรู้ การลองพูดคุยหยอกล้อกับเขาด้วยเสียงที่สูงๆ ต่ำๆ สลับกันไปมาจะช่วยกระตุ้นระบบประสาทของการได้ยิน รวมทั้งการทำท่าทางประกอบคำพูดก็ยังมีส่วนช่วยในเรื่องของการเริ่มต้นเรียนรู้ภาษาและเพิ่มทักษะความสามารถในการสื่อสารให้กับลูกน้อยไปในตัวอีกด้วย

    รวมทั้งการเล่นในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นจ้ำจี้ ตบแผะ นั้นก็เป็นการช่วยเสริมทักษะการเคลื่อนไหวร่างกายของลูกได้เป็นอย่างดีเช่นเดียวกัน

  3. เอาหนังสือภาพเข้ามาช่วย ในส่วนนี้หนังสือภาพสามารถที่จะช่วยฝึกได้ทั้งพัฒนาการทางการใช้สายตาและการมองเห็นของลูกได้เป็นอย่างดี รวมไปถึงยังเป็นการส่งเสริมพัฒนาการทางสมองให้สามารถเรียนรู้ทักษะภาษาและการสื่อสารได้อีกด้วย
  4. การเล่านิทานให้ลูกฟัง แม้มันจะเป็นเรื่องที่เราคุ้นเคยกันดีอยู่แล้วว่าถ้าครอบครัวไหนมีสมาชิกใหม่เพิ่มขึ้นมาหน้าที่ของการเล่านิทานนั้นก็จะเพิ่มเติมเข้ามาในบทบาทของคนเป็นพ่อเป็นแม่ในทันทีและมันก็คือสิ่งที่ถูกต้องแล้วเพราะเหตุผลที่ต้องเล่านิทานให้ลูกฟังนั้นก็เพื่อจะเป็นการกระตุ้นพัฒนาการทางด้านภาษาและการสื่อสารของลูกนั่นเอง แถมยังช่วยกระตุ้นทั้งความคิด จินตนาการ รวมถึงสมาธิ และที่สำคัญมันเป็นการทำให้ลูกรู้สึกได้ถึงความรักความอบอุ่นที่พ่อแม่มีให้กับเขาได้อีกด้วย
  5. ลูกร้องเมื่อไรสนใจทันที แม้ว่าอาจจะดูเหมือนเป็นการให้ท้ายลูกจนเกินไปหรือไม่แต่ในความเป็นจริงแล้วนั้นเด็กทุกคนร้องเพราะต้องการความปลอดภัยและเมื่อเขารู้สึกได้แล้วว่าเขาได้รับความปลอดภัยสมองของเขาก็จะสามารถพัฒนาต่อไปได้อย่างสมบูรณ์นั่นเอง เพราะถ้าเขายังรู้สึกกังวลไม่ปลอดภัยอยู่สมองก็จะพัฒนาแต่ในส่วนของการหนีภัยอันตรายที่เข้ารู้สึกอยู่เท่านั้น
  6. ปล่อยให้ลูกได้เล่นอย่างอิสระ แน่นอนอย่างที่บอกกันไปแล้วว่าการเล่นของเด็กในวัยนี้คือการเรียนรู้นั่นเองซึ่งการปล่อยให้เข้าได้เล่นอย่างอิสระไม่ว่าจะบนกองดิน กองทราย อุปกรณ์ ของเล่นต่างๆ ที่อยู่ในความดูแลความปลอดภัยของพวกคุณเรียบร้อยแล้วนั้นจะมีส่วนอย่างมากในการช่วยบ่มเพาะสมองในส่วนของจินตนาการให้พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว
  7. ความรัก ความใส่ใจจากพ่อแม่ มาปิดท้ายด้วยข้อที่สำคัญไม่แพ้การส่งเสริมด้านอื่นๆ เพราะธรรมชาติของมนุษย์จะสามารถพัฒนาตัวเองไปได้เมื่อมีคนที่คอยสนับสนุนเขาด้วยความรักและความจริงใจที่สามารถสัมผัสได้ มันคือความอุ่นใจและไม่กลัวการผิดพลาดเพราะมั่นใจว่าจะได้รับคำแนะนำและความอบอุ่นจากพ่อแม่ของเขาเสมอนั่นเอง

การเลี้ยงลูกไม่ใช้เรื่องยากแต่การจะเลี้ยงลูกให้ครบพร้อมทั้งพัฒนาการทางด้านอารมณ์และสมองนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่ต้องการความใส่ใจจากพ่อแม่เป็นอย่างมากเพราะเด็กในวัยนี้ยังเปราะบางและอ่อนแอกับการเรียนรู้เหลือเกิน อะไรเพียงเล็กน้อยก็สามารถซึมซับฝังลึกเข้าไปอยู่ในความรู้สึกนึกคิดแล้วจิตใจของพวกเขาได้แล้ว นี่จึงเป็นเรื่องที่พ่อแม่ทุกควรระมัดระวังประคับประคองให้เขาพัฒนาไปตามแนวทางที่ถูกต้องอยู่เสมอ