Site icon คุณแม่ลูกอ่อน

Home school ข้อดี ข้อเสีย ข้อมูลควรรู้ก่อนการตัดสินใจ

Home school ข้อดี ข้อเสีย ข้อมูลควรรู้ก่อนการตัดสินใจ

เพราะยุคสมัยเปลี่ยนไป อะไร ๆ ก็ต้องมีการปรับเปลี่ยนตาม ต้องบอกว่ายุคนี้สมัยนี้เรามีอะไรหลาย ๆ อย่างที่เป็นแนวทางเลือกมากมาย ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ การเรียนแบบโฮมสคูล (Home School) ซึ่งในปัจจุบันเริ่มได้รับความนิยมกันมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเลยทีเดียว หากครอบครัวไหนกำลังลังเลอยู่ว่าจะเรียนแบบโฮมสคูลดีไหม วันนี้แม่โน้ตมีข้อมูลเพิ่มเติมมาให้คุณพ่อคุณแม่ได้พิจารณากันก่อนตัดสินใจค่ะ

Home School คืออะไร?

เครือข่ายบ้านเรียน” หรือ เว็บไซต์ Homeschool Network ศูนย์กลางสำหรับการสร้างเครือข่ายสมาชิกบ้านเรียนหรือผู้ที่จัดทำโฮมสคูลในเมืองไทย ได้มีการอธิบายด้านการจัดการศึกษาโดยครอบครัวหรือการทำโฮมสคูล (Home School) ว่าสามารถจัดทำได้หลายรูปแบบ ซึ่งสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 แบบใหญ่ ๆ คือ

แบบไม่ต้องการวุฒิการศึกษา

แบบนี้จะเน้นทำตามความต้องการของครอบครัว ซึ่งอาจจดหมายเรียกตัวเมื่ออายุถึงเกณฑ์เข้าโรงเรียน (7 ปี) ซึ่งอาจต้องเสียค่าปรับ

แบบต้องการวุฒิการศึกษา

ปัจจุบันมีหลายช่องทางให้เลือกได้ค่ะ ซึ่งเท่าที่ทราบข้อมูล มีดังนี้

  • สามารถจดทะเบียนการศึกษาโดยครอบครัวกับพื้นที่การศึกษาในพื้นที่ที่อาศัยอยู่ และสามารถจดได้ตั้งแต่ระดับชั้นก่อนชั้นประถมเมื่ออายุครบ 4 ปีบริบูรณ์ ทั้งนี้ การจัดการศึกษาหรือจดทะเบียนในระดับชั้นอนุบาลนั้นไม่ใช่การศึกษาภาคบังคับ จะจดหรือไม่จดก็ได้
  • กศน. ตามการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน
  • สามารถฝากชื่อ/จดกับโรงเรียนที่เด็กบ้านเรียน การจัดการเรียนการสอนทำให้โดยร่วมกับโรงเรียน ซึ่งอาจมีความต่างกันไป
  • มูลนิธิการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม สำหรับระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 – 6
  • Distance Learning หลักสูตรต่างประเทศ
  • สอบเทียบวุฒิมัธยมปลายด้วยระบบต่างประเทศ

ข้อดีของการเรียนแบบโฮมสคูล (Home School)

เว็บไซต์ พัฒนาการเด็ก.com ได้มีการรวบรวมข้อดีของการเรียนแบบโฮมสคูล (Home School) ไว้ดังนี้ค่ะ

  • คุณพ่อคุณแม่จะได้อยู่กับลูกตลอดเวลา ได้ใช้เวลาคุณภาพด้วยกัน เป็นการสร้างความอบอุ่นกันครอบครัวได้อย่างเต็มที่
  • คุณพ่อคุณแม่มีโอกาสเลือกและปรับแนวทางการจัดหลักสูตร การเรียนการสอนให้เหมาะสมกับแบบแผนชีวิตได้ ซึ่งคุณพ่อคุณแม่จะรู้ได้ว่าช่วงไหนลูกสนใจอะไร ทำให้แผนการเรียนการสอนนั้นยืดหยุ่นได้ แทนที่การบังคับให้ลูกต้องเรียนทุกอย่างเหมือนเดิม พร้อม ๆ กับเด็กคนอื่น ในขณะที่ลูกยังไม่พร้อม
  • ลูกจะได้รับการปฏิบัติในฐานะเพื่อนมนุษย์ที่มีชีวิตจิตใจและสิทธิเสรีภาพของลูกเอง เพราะไม่มีคุณพ่อคุณแม่คนใดที่จะว่าลูกว่าเป็นเด็กเรียนช้าหรือเป็นเด็กมีปัญหาในโรงเรียน
  • การเรียนรู้สามารถเกิดได้อย่างต่อเนื่องตลอดเวลา เพราะไม่มีปิดภาคเรียน
  • ลูกจะได้เรียนรู้จากของจริง ได้รับประสบการณ์ตรง แทนที่จะนั่งเรียนแต่ในห้องเรียน และจากหนังสือ

ข้อเสียของการเรียนแบบโฮมสคูล (Home School)

เว็บไซต์ HomeSchool Network ได้ออกมาให้แง่คิดกับคุณพ่อคุณแม่ว่าถ้าจะเลือกเรียนในลักษณะนี้ มีอะไรที่ต้องเตรียมรับมือบ้าง

  • เพราะความที่ต้องอยู่กับลูกทั้งวัน จะค่อนข้างจัดการได้ยาก หากลูกหงุดหงิด กระวนกระวายไม่อยากเรียน
  • คุณพ่อคุณแม่ต้องตอบคำถามลูกบ่อย ๆ เกี่ยวกับการเรียนแบบโฮมสคูล ลูกอาจรู้สึกว่าเขาแตกต่างจากคนอื่น และเกิดความสงสัยในการตัดสินใจของตัวเอง
  • คุณพ่อคุณแม่ต้องใจเย็น ตั้งสติ และควบคุมอารมณ์โกรธให้ได้ หากลูกดื้อ ไม่อยากเรียน
  • ต้องควบคุมและจัดการเรียนการสอนให้ดี เพราะอาจไม่เข้มข้นเท่าการเรียนในโรงเรียน อาจทำให้ลูกเรียนช้ากว่าคนอื่นในโรงเรียน
  • ต้องเตรียมเงินเพื่อซื้อหนังสือเป็นจำนวนมาก ซึ่งรวมไปถึงค่าอุปกรณ์การเรียน และสื่อการสอนในแบบต่าง ๆ
  • เมื่อทำหน้าที่ครู คุณพ่อคุณแม่ต้องศึกษาข้อมูลให้มาก เตรียมพร้อมให้ความรู้กับลูกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ต้องคอยกระตุ้นลูกอยู่เสมอ เพื่อให้ลูกมีความพร้อมในการเรียนรู้
  • หาคำแนะนำจากคุณพ่อคุณแม่ท่านอื่น ๆ เพื่อปรับการแผนการเรียนของลูกให้เหมาะสม
  • เพื่อให้ลูกได้มีความรู้ที่เหมาะสมตามช่วงวัย คุณพ่อคุณแม่จำเป็นต้องสรรหาหลักสูตร แนวทางการศึกษา รวมถึงค้นหาหลักสูตรที่ลูกจำเป็นต้องเรียนรู้ เพื่อเติมเต็มโปรแกรมการเรียนรู้ของลูกให้เหมาะสม
  • หาคนที่เรียนโฮมสคูลเหมือนกัน แนะนำให้รู้จักกัน เพื่อเป็นการสร้างสังคมให้ลูก ลูกจะได้ไม่รู้สึกว่าแปลกแยก

เพราะทุกอย่างมีข้อดีและข้อเสีย การเลือกเรียนแบบไหนคงต้องขึ้นอยู่กับความสมัครใจของลูกเป็นหลัก ซึ่งถ้าคุณพ่อคุณแม่รับได้กับแง่คิดดังกล่าวข้างต้นก็ไม่น่าจะมีอะไรยากค่ะ