สำหรับคุณแม่มือใหม่บางท่านอาจจะบอกว่าขนาดไม่ท้อง ผมก็ร่วงอยู่แล้ว นั่นเป็นเพราะว่าปกติแล้วเส้นผมของผู้หญิงเราจะเจริญเติบโต 90% และหยุดพัก 10% ส่วนในช่วงหลังคลอดฮอร์โมนจะลดลงอย่างรวดเร็วจึงทำให้ผมร่วงมากกว่าปกติค่ะ ซึ่งอาการผมร่วงของคุณแม่ไม่มีอันตรายแต่อย่างใดค่ะ แล้วลูกล่ะจะได้รับผลกระทบอะไรหรือเปล่า วันนี้ผู้เขียนจะพาคุณแม่มือใหม่ไปทำความรู้จักกับอาการผมร่วงหลังคลอด พร้อมวิธีรับมือกันค่ะ
สารบัญ
อาการผมร่วงหลังคลอด
ต้องบอกก่อนว่าตอนที่คุณแม่ท้องนั้น ร่างกายจะผลิตฮอร์โมนออกมาเป็นจำนวนมาก แต่พอคลอดน้องแล้ว ฮอร์โมนจะลดลงอย่างรวดเร็วจึงส่งผลให้ผมร่วงนั่นเองค่ะ ซึ่งอาการนี้จะเกิดขึ้นหลังจากที่คุณแม่คลอดน้องแล้ว 3 – 4 เดือน อาการจะค่อยๆ ลดลงและหายเป็นปกติได้เองภายใน 6 – 12 เดือนค่ะ ไม่มีอันตรายสำหรับคุณแม่แต่อย่างใด ยกเว้นว่าหากผมร่วงเป็นหย่อมๆ หรือกระจุก คุณแม่ควรไปปรึกษาคุณหมอนะคะ
สาเหตุของผมร่วงหลังคลอด
ในช่วงคุณแม่ท้องอยู่นั้น “ฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen Hormone)” จะเพิ่มสูงมากและต่อเนื่องตลอดการอุ้มท้อง ส่งผลให้ช่วงที่คุณแม่ท้องนั้นมีผมที่ดกดำมากกว่าปกติและไม่ค่อยร่วง จวบจนหลังจากที่คลอดน้องแล้วแหละค่ะ ถึงเริ่มร่วง ซึ่งเกิดจากอาการที่ฮอร์โมนลดลงอย่างรวดเร็วนั่นเอง ปริมาณที่ผมร่วงโดยเฉลี่ย 500 เส้นต่อวันเลยทีเดียวค่ะ ระดับนี้ถือว่าปกตินะคะ
ผมร่วงขนาดไหนถึงต้องไปพบแพทย์
เพื่อเป็นการสังเกตตัวเองเบื้องต้น ถ้าคุณแม่มีอาการดังต่อไปนี้ควรไปพบคุณหมอนะคะ
- ผมร่วงเกินกว่าค่าเฉลี่ยทั่วไปมาก
- ผมร่วงเป็นหย่อมๆ จับตรงไหนหลุดตรงนั้น
- กินระยะเวลาเกิน 12 เดือน
เพราะอาการข้างต้นอาจเป็นได้ว่าคุณแม่ขาดธาตุเหล็กทั้งระหว่างตั้งครรภ์และหลังคลอดน้อง หรืออาจภาวะไทรอยด์ในฮอร์โมนต่ำกว่าปกติค่ะ
อันตรายต่อลูกน้อยอย่างไร?
อาการผมร่วงของคุณแม่ไม่อันตรายต่อคุณแม่ก็จริง แต่เราก็ต้องระวังไม่ให้เส้นผมเราหลุดร่วงใส่ลูกน้อยจนทำให้เกิดอาการ “แฮร์ ทูนิเก้ (Hair Tuniquet)” ซึ่งก็คือ เส้นผมของคุณแม่ที่หลุดร่วงไปพันตามซอกนิ้วมือ นิ้วเท้า หรืออวัยวะอื่นๆ ของลูกน้อยจนเกิดการเสียดสีที่ผิวหนัง เพราะผิวของทารกมีความบอบบางมาก ดังนั้น คุณแม่ควรสังเกตและเอาใจใส่ในรายละเอียดต่างๆ ที่ร่างกายของลูกน้อยด้วยนะคะ
วิธีรับมือกับอาการผมร่วงหลังคลอด
- เลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะกลุ่มของธาตุเหล็ก เช่น ไข่แดง ตับ ผักคะน้า ผักโขม ผักใบเขียวอื่นๆ สังกะสี อาทิ กุ้ง หอยต่างๆ อาหารทะเล รวมไปถึงผลไม้ต่างๆ ที่มีวิตามิน และไฟเบอร์
- หากยังรู้สึกว่าได้รับวิตามินน้อยไปอาจทานเป็นวิตามินเสริมได้ค่ะ จะเป็นในกลุ่มของ วิตามินเอ วิตามินบี 6 วิตามินบี 12 และซิงค์
- “ยีสต์” คุณแม่บางท่านอาจเคยได้ยินเรื่องการใช้เบียร์หมักผมจะทำให้ผมเงางามได้ เรื่องนี้มีส่วนจริง เพราะเบียร์ทำจากยีสต์ซึ่งมีไบโอติน โฟลิก และไรโบฟลาวิน ซึ่งทำให้ผมเงางามและรากผมแข็งแรงค่ะ หมักอย่างเดียวน้าไม่ดื่มนะคะคุณแม่^^
- ตัดผมสั้นช่วยบรรเทาอาการผมร่วงได้ ที่เป็นเช่นนี้เพราะผมสั้นไม่ต้องอาศัยการหวีมากเหมือนผมยาว ช่วยลดการรบกวนหนังศีรษะ เมื่อหนังศีรษะถูกรบกวนน้อยก็จะทำให้ผมร่วงน้อยลงค่ะ แถมคุณแม่ยังดูแลทำความสะอาดง่ายอีกด้วยค่ะ
- หากคุณแม่ต้องการใช้ไดร์เป่าผม ให้ใช้ความร้อนต่ำที่สุดนะคะ หรือหากไม่ใช้เลยยิ่งดีค่ะ เพราะความร้อนจะไปทำลายเส้นผม
- หลังสระผม เส้นผมจะมีความเปราะบางมาก ควรสางผมหรือหวีเบาๆ แค่ไม่ให้ผมติดกันเท่านั้น และปล่อยผมเป็นธรรมชาติ อย่าถักเปียหรือรวบตึง
- เลือกใช้แชมพูที่มีส่วนผสมของวัตถุดิบจากธรรมชาติ อาทิ แชมพูที่มีส่วนผสมของขิง มะกรูด หรืออัญชัน (หรือเน้นที่มีส่วนผสมของไบโอตินและซีลีเนียม) เหล่านี้จะช่วยบรรเทาอาการหรือลดปัญหาผมหลุดร่วงได้ค่ะ
- เปลี่ยนทรงผมหรือมัดผม อาจใช้วิธีการม้วนลอนก็ได้ค่ะ เพื่อแลดูให้ผมหนาขึ้น เป็นการสร้างความมั่นใจให้กับคุณแม่ได้ เพราะถ้าหากคุณแม่ผมยาว และปล่อยผม ลูกน้อยอาจเล่นผมหรือดึงผม ทำให้ผมขาดร่วงได้เช่นกัน ในขณะเดียวกันคุณแม่ก็ไม่ควรมัดผมให้แน่นจนเกินไป เพราะก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ผมร่วงได้เช่นกัน
- ถ้าเป็นไปได้ คุณแม่ควรหลีกเลี่ยงการใช้ความร้อนกับเส้นผม ไม่ว่าจะเป็นไดร์เป่าผมหรือเครื่องหนีบผม เพราะอาจทำให้ผมเปราะขาดง่าย ดังนั้น หลังการสระผม คุณแม่ควรปล่อยให้แห้งเองตามธรรมชาติ ซึ่งอาจใช้ผ้าขนหนูช่วยซับน้ำเพื่อให้ผมหมาด ๆ แบบนี้ก็ได้ค่ะ
วิธีการเลือกใช้หวีและแปรงที่ถูกต้อง
ประเภทของหวี
หวีซี่ห่าง (Wide-Tooth comb)
เหมาะสำหรับสางผมที่พัน โดยเฉพาะหลังสระผมเสร็จใหม่ ๆ เพราะจะช่วยลดการขาดร่วงได้ ทั้งนี้ทั้งนั้นถึงแม้ว่าคุณแม่จะใช้หวีซี่ห่างสางผมแล้ว ก็ควรสางด้วยความนุ่มนวลนะคะ เพื่อเป็นการป้องกันผมขาดร่วงให้ได้มากที่สุด อ้อ…คุณแม่ก็สามารถใช้หวีซี่ห่างนี้ในระหว่างการสระผมก็ได้นะคะ หากต้องการให้แชมพูและครีมนวดกระจายให้ทั่วศีรษะ แถมยังเป็นการนวดศีรษะไปด้วยในตัวค่ะ
หวีไม้ (Wooden hair comb)
หวีประเภทนี้มักจะทำขึ้นจากไม้เนื้อแข็ง อาทิ ไม้สน และไม้เชอรี่ ซึ่งคุณแม่หลาย ๆ คนอาจเคยเห็นที่เป็นลักษณะไม้ขัดมัน หวีไม้นี้มีทั้งซี่ถี่และซี่ห่าง ซึ่งในระยะหลังนี้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เนื่องจากหวีชนิดนี้เมื่อหวีแล้วจะไม่มีไฟฟ้าสถิตเหมือนหวีพลาสติก
การใช้หวีและแปรงที่ถูกต้อง
การหวีผมหรือการแปรงผมนับเป็นสิ่งสำคัญขั้นพื้นฐานสำหรับการดูแลผม การแปรงผมอย่างถูกวิธีจะช่วยให้ผมคุณแม่ทั้งสวยปละแข็งแรงได้ค่ะ เราไปดูเคล็ดลับกันเลยดีกว่า
- เลือกแปรงที่มีลักษณะขนแปรงกลมมน ไม่แหลมคม และสามารถโอนอ่อนตามแรงหวีได้
- ก้มศีรษะลง ใช้หวีค่อย ๆ แปรงจากส่วนท้ายทอยลงไป ช้า ๆ เพื่อเป็นการกระตุ้นการทำงานของหนังศีรษะและเป็นการนวดศีรษะไปในตัว
- เมื่อเสร็จจากท้ายทอยแล้ว ให้เปลี่ยนมาแปรงผมจากด้านข้างทั้ง 2 ข้าง และจากหน้าผากไปด้านหลัง
- ถ้าหากพบว่าผมพันกัน ให้ค่อย ๆ สางด้วยหวีอย่างอ่อนโยนและเบามือที่สุดนะคะ ไม่อย่างนั้นผมอาจขาดได้
- หมั่นทำความสะอาดแปรงหวีผมอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ด้วยแชมพูสูตรอ่อนโยน เพื่อขจัดคราบหนังศีรษะและเศษผมที่หลุดร่วง รวมถึงสิ่งสกปรกอื่น ๆ
คุณแม่บางคนบอกว่าทำใจแล้วนะ รู้ว่าผมร่วงแต่พอเห็นเส้นผมที่ร่วงอยู่กับพื้นแล้วก็อดใจหายไม่ได้ทุกที จนทำให้คุณแม่หลาย ๆ คนอดคิดไม่ได้ว่า “แม่ผมร่วง ลูกจำหน้าได้ จริงหรือ? พร้อมวิธีรับมือง่าย ๆ” มันเป็นอย่างไรกันแน่ แต่ก็เอาเถอะจะจริงหรือไม่จริง ผมก็ร่วงแล้ว ทางที่ดี คุณแม่ควรรับมือกับผมร่วงดีกว่าโนะ