Site icon คุณแม่ลูกอ่อน

ท้อง 11 สัปดาห์ ไม่ได้ยินเสียงหัวใจลูกเต้น ลูกยังปลอดภัยอยู่ไหม?

มีคุณแม่บางคนบอกว่าท้องได้ 11 สัปดาห์แล้ว ไปฟังเสียงหัวใจลูกในครรภ์ทำไมได้ยิน จึงเกิดความกังวล น้ำหนักตัวก็ขึ้นน้อยมาก ในขณะที่บางคนก็บอกว่าท้องมาได้ 16 สัปดาห์แล้วก็ยังไม่ได้ยินเสียงหัวใจทารกในครรภ์เช่นกัน เป็นเพราะอะไรไปติดตามเรื่องนี้กันค่ะ

ไม่ได้ยินเสียงหัวใจลูกในครรภ์เต้น เพราะอะไร?

วางตำแหน่งไม่ตรงกัน

ทุกครั้งที่แพทย์หรือคุณแม่ต้องการฟังเสียงหัวใจของลูกในครรภ์ ก็มักจะใช้อุปกรณ์ที่เรียกว่า Doppler เนื่องจากใช้งานง่าย แต่บางครั้งการใช้อุปกรณ์นี้ก็อาจทำให้ไม่สามารถรับรู้ถึงการเต้นของหัวใจทารกในครรภ์ได้ เพราะทารกในครรภ์เขาก็จะอยู่ในน้ำคร่ำที่ซึ่งจะหมุนไปหมุนมา เปลี่ยนท่าไป ไม่ค่อยอยู่กับที่ จึงทำให้หาตำแหน่งของทารกไม่เจอ

ตอนที่แม่โน้ตอยู่ในห้องฉุกเฉิน เนื่องจากครรภ์เป็นพิษ ก็จะมีพยาบาลฝึกหัดเอาเครื่องฟังเสียงการเต้นของหัวใจมาตรวจวัดทุกชั่วโมง มีอยู่ครั้งหนึ่งไม่ได้ยินเสียงลูก เราก็ใจเสีย น้องก็หน้าเสีย แต่พอย้ายตำแหน่งไปครั้งที่ 3 ถึงเจอ เฮ้อ…โล่งอก

คุณแม่มีน้ำหนักตัวมาก

หากคุณแม่มีน้ำหนักมาก โดยคิดดัชนีมวลกายที่มากกว่า 25 จะส่งผลให้การได้ยินเสียงหัวใจลูกน้อยในครรภ์นั้นลำบากขึ้น เนื่องจากชั้นไขมันที่ค่อนข้างหนา แบบนี้ต้องอาศัยเครื่องมืออื่นแทน Doppler ค่ะ โดยต้องใช้เป็นเครื่องอัลตร้าซาวด์ของแพทย์แทน

ตำแหน่งในการฟังเสียงหัวใจทารกในครรภ์

การที่จะสามารถได้ยินเสียงทารกนั้น ตำแหน่งการฟังมีผลมากค่ะ ซึ่งตำแหน่งของทารกมีความสัมพันธ์กับเสียงที่ได้ยิน ดังนี้

  • หากส่วนนำของทารกในครรภ์ คือ ก้น เสียงหัวใจจะได้ยินสูงกว่าระดับของสะดือ
  • หากส่วนนำของทารกในครรภ์ คือ ศีรษะ เสียงใจจะได้ยินในระดับที่ต่ำกว่าสะดือ
  • หากท้ายทอยของทารกอยู่ทางด้านหน้าข้างขวาของช่องอุ้งเชิงกราน ตำแหน่งที่ฟังเสียงหัวใจที่จะได้ยินชัดเจน คือ ด้านขวาล่างของหน้าท้องคุณแม่
  • หากท้ายทอยของทารกอยู่ทางด้านหน้าข้างซ้ายของช่องอุ้งเชิงกราน ตำแหน่งที่ฟังเสียงหัวใจที่จะได้ยินชัดเจน คือ ด้านซ้ายล่างของหน้าท้องของคุณแม่

การอัลตร้าซาวด์จะเป็นตัวชี้วัดได้ไหมว่าแท้ง

ระหว่างที่แพทย์กำลังทำการอัลตร้าซาวด์ แพทย์จะสามารถระบุได้ไหมว่าทารกยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ ซึ่งจะมีเกณฑ์เหล่านี้เป็นตัวกำหนด **อ้างอิงจากเกณฑ์ของสมาคมสูติศาสตร์ และนรีเวชวิทยาของประเทศแคนาดา

  • หากตัวอ่อนมีขนาดที่ใหญ่กว่า 5 มม. แต่ไม่มีการเต้นของหัวใจ
  • ถุงตั้งครรภ์ ที่มีขนาดใหญ่กว่า 8 มม. และไม่มีถุงไข่แดง
  • ถุงตั้งครรภ์ ที่มีขนาดใหญ่กว่า 16 มม. และไม่มีตัวอ่อน

สิ่งที่กระทบต่อการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์

การแท้ง ไม่สามารถระบุได้ชัดเพียงแค่ไม่ได้ยินเสียงหัวใจลูก แต่การที่แพทย์จะสามารถสรุปได้ต้องอาศัยปัจจัยหลาย ๆ อย่าง ดังนี้

  • คุณแม่ตั้งครรภ์มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน เป็นต้น เหล่านี้ล้วนส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ทั้งสิ้น ซึ่งหากร้ายแรง อาจถึงขั้นทารกเสียชีวิตได้
  • คุณแม่ตั้งครรภ์ที่ดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ หรือได้รับควันจากคนรอบข้างเป็นประจำ ส่งผลให้ทารกมีการเจริญเติบโตช้า รกลอดตัวก่อนกำหนด ส่งผลให้คลอดก่อนกำหนด และที่สำคัญคือ มีผลต่อพัฒนาการทางสมอง อาทิ สมองเล็ก สมาธิสั้น สมองผิดปกติ เป็นต้น
  • ไม่ได้ดูแลครรภ์อย่างดีเท่าที่ควร คุณแม่ตั้งครรภ์ละเลย ไม่ได้เอาใจใส่ในเรื่องโภชนการ ไม่ได้กินอาหารครบ 5 หมู่ ไม่ได้ออกกำลังกาย ยืดเส้นยืดสาย ซื้อยามากินเองโดยไม่ได้ปรึกษาแพทย์ ติดยาเสพติด ทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่ส่งผลต่อทารกในครรภ์ทั้งสิ้น
  • สุขภาพจิตไม่ดี เช่น คุณแม่มีความเครียด เครียดบ่อย มีอาการซึมเศร้า วิตกกังวลตลอดเวลา เหล่านี้ก็จะส่งผลต่อทารกได้เช่นกัน
  • สามีที่คอยดูแลและเข้าใจภรรยา ข้อนี้เกี่ยวมากถึงมากที่สุด เพราะหากสามีดูแลภรรยาได้ดี ให้ความเข้าใจอย่างเต็มที่โดยเฉพาะในช่วงของการตั้งครรภ์ ช่วยเหลือในส่วนต่าง ๆ ที่พอจะทำได้ ก็จะส่งผลให้คุณแม่มีอารมณ์ดี ไม่เครียด ไม่กังวล เรียกว่ามีกำลังใจขึ้นอีกเยอะ ลูกที่คลอดมาก็จะมี EQ ที่ดีอีกด้วยค่ะ

หากคุณแม่คนไหนที่ลองใช้อุปกรณ์ในการช่วยฟังเสียงหัวใจทารกในครรภ์แล้วไม่ได้ยิน อาจลองเปลี่ยนตำแหน่งดู หากพยายามแล้วแต่ก็ยังไม่ได้ยิน ควรปรึกษาแพทย์ทันที เพื่อรับการอัลตร้าซาวด์และวินิจฉัยอากาต่อไปนะคะ