Site icon คุณแม่ลูกอ่อน

10 แง่คิดที่จะทำให้ชีวิตคู่อยู่ยืด

เรื่องของชีวิตคู่…ไม่รู้ว่าครอบครัวอื่นจะเป็นเหมือนกันไหม ช่วงแรกๆ ที่เราอยู่ด้วยกันยังไม่มีลูก อะไรๆ ก็ดูโอเค ยังหวานชื่น ได้ไปดูหนัง ได้ไปไหนมาไหนบ่อยๆ แต่พอมีลูกจากคนที่เคยทำงานนอกบ้านกลับมาเป็นคุณแม่ฟูลไทม์ แถมสามีก็ไปทำงานต่างจังหวัดทีเป็นอาทิตย์ๆ งานเลี้ยงลูกส่วนใหญ่ก็จะตกที่โน้ตคนเดียว ซึ่งเหนื่อยแสนเหนื่อย บางทีก็เลยทำให้เราปรี๊ดแตกง่ายมาก เวลาที่เค้ากลับมาทีก็อยากยกงานเลี้ยงลูกทั้งหูมดให้เค้าแป้บหนึ่ง แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะลูกจะติดที่เราเลี้ยง

แต่…พอมาคิดอีกที เค้าก็คือผู้ชายคนเดิม ทำงานแบบเดิมที่เราเองก็เลือกเค้ามาเป็นคู่ชีวิตเรา และที่สำคัญ ในวันที่ลูกเราโตขึ้น วันที่ลูกมีสังคม มีชีวิตเป็นของตัวเองแล้ว ชีวิตเราก็จะเหลือเค้าที่นี่แหละที่อยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่า วันนี้โน้ตจึงอยากแชร์ข้อคิดดีๆ ที่จะทำให้เรามีชีวิตคู่ที่อยู่กันยืดและเป็นชีวิตคู่ที่น่ารักมากขึ้นไปดูกันค่ะว่ามีอะไรบ้าง

สารบัญ

10 ข้อคิดชีวิตคู่

ต่างคนต่างโมโห ให้เงียบไว้ก่อนดีที่สุด

เวลาที่เราทะเลาะกัน ต่างคนต่างอารมณ์ขึ้นทั้งคู่ แต่ถ้าหากยังคงสาดอารมณ์ใส่กันด้วยคำพูดก็จะมีแต่พังกับพัง ยิ่งพูดยิ่งไม่มีใครยอมกัน เพราะฉะนั้น…ตั้งสติ แล้วหันหลังกลับ ไปหาอย่างอื่นทำ รอให้สถานการณ์สงบก่อนแล้วค่อยว่ากัน

ในวันที่ทะเลาะกัน ให้นึกถึงวันแรกที่รักกัน

วันแรกที่เรารักเค้า ที่เราตกลงคบกันเป็นแฟนอะไรๆ ก็ดูช่างหอมหวาน เป็นช่วงโปรโมชั่น แต่มันก็คือสิ่งดีๆ ที่เราได้ทำร่วมกัน เป็นสิ่งที่ทำให้เรายิ้มได้

ในวันที่หมดรัก ให้ทบทวนว่าอะไรคือสิ่งที่ทำให้เรารักและเลือกเค้า

ในวันที่เรารู้สึกว่าเหมือนกับต่างคนต่างหมดรัก ให้ลองใช้เวลานั่งทบทวนอีกทีว่า “อะไรที่ทำให้เรารักเค้าและอะไรที่ทำให้เราเลือกเค้ามาเป็นชีวิตคู่ มาเป็นพ่อของลูกเรา” อย่างน้อยก็เพื่อทำให้เราได้รู้ตัวเองค่ะ

แม้เค้าไม่ค่อยมีเวลา ให้คิดว่า ที่เค้าทำทุกอย่างก็เพื่อครอบครัว

ข้อนี้เชื่อว่าหลายบ้านอาจเป็นกัน โดยเฉพาะคนที่มีลูกและเลี้ยงลูกเอง เพราะมันจะเหนื่อย เหนื่อยมาก เหนื่อยจนไม่รู้ว่าคำว่าทนไม่ได้มันเป็นอย่างไร เพราะเหนื่อยแค่ไหนเราก็ต้องทำต่อไปอยู่ดี

ที่พูดอย่างนี้ก็เพราะ “เวลาที่แม่บ้านเหนื่อยมากๆ ก็มักจะพาลไปว่าทำไมสามีไม่มาช่วยเลี้ยงบ้างเลย” ซึ่งถ้าเอาจริงๆ คือ พ่อบ้านก็ต้องออกไปทำงานนอกบ้านหาเงินมาเลี้ยงลูก เลี้ยงครอบครัวนี่แหละ

เพราะฉะนั้น การที่สามีทำโน่น ทำนี่ อาจไม่ค่อยมีเวลาบ้าง ก็เพื่อครอบครัวทั้งนั้น

ฝากลูก และหาเวลาอยู่ด้วยกันบ้าง

บ้านไหนที่มีคุณปู่ คุณย่า คุณตา คุณยาย หรือพี่น้อง เราอาจฝากลูกเราให้ท่านเลี้ยงซักแป้บแล้วหาเวลาอยู่ด้วยกันบ้าง เหมือนวันแรกที่ยังมีกันแค่ 2 คน เผื่อบรรยากาศจะหอมอบอวลมากขึ้น

กิจกรรมที่เราเคยทำด้วยกันเมื่อก่อน ลองหาเวลาทำมันอีกครั้ง

อาทิ ชวนกันไปดูหนัง ทานอาหารร้านโปรดเหมือนสมัยที่คบกันหรือเพิ่งแต่งงานกันใหม่ๆ เป็นต้น

เราเปลี่ยนคนอื่นไม่ได้ แต่ปรับที่ความคิดเราและยอมรับในสิ่งที่เป็นได้

ง่ายที่สุด คือ การปรับที่ความคิดเรา เราปรับได้ก็สบายใจ เพราะไม่มีใครรู้ดีมากไปกว่าตัวเรา

หยุดคาดหวัง แล้วโฟกัสกับสิ่งดีๆ ของเค้าในปัจจุบัน

ความคาดหวัง” เป็นความคิดที่น่ากลัวของคนเราอีกอย่างหนึ่ง เพราะความผิดหวังจะทำให้เรารู้สึกหดหู่ น้อยใจ เมื่อเราคาดหวัง และผิดหวังบ่อยๆ เข้า มันจะทำให้เรามองคู่ชีวิตเราในแง่ลบ

ในเมื่อเรา “เลือกมอง” ได้ ทำไมเราไม่เลือกที่จะมองในแง่ดี? จริงไหมคะ มองสิ่งดีๆ ที่เค้าทำให้กับเราและครอบครัวดีกว่า สบายใจกว่ากันเยอะค่ะ

แม้เค้าไม่ได้อยู่กับลูกมากเท่าเรา แต่เค้าก็รักลูกไม่ต่างจากเราเลย

เพราะความที่เป็นหัวหน้าครอบครัว สามีจึงต้องออกไปทำงานหาเงิน ไม่ค่อยมีเวลาได้เล่นกับลูก หรือเลี้ยงลูก แต่สังเกตดูนะคะ ทุกครั้งที่เค้ามีเวลาก็มักจะทุ่มเทให้ลูกเสมอ เชื่อว่าหลายบ้านก็รู้สึกได้ถึง “ความรัก” ที่พ่อมีให้ลูก…ว่าไม่ต่างจากแม่เลย

พูดดี ทำดีต่อกันไว้เยอะๆ เพราะไม่รู้ว่าวันไหนใครจะไปก่อนกัน

สุดท้าย อยากจะบอกว่า ชีวิตมันสั้นกว่าที่เราคิดไว้มาก ให้พูดดี คิดดี ทำดีต่อกันไว้เยอะๆ เพราะเราไม่มีทางรู้ได้เลยว่า “วันไหน…ใครจะไปก่อนกัน

เพราะทุกคนไม่มีใครเพอร์เฟ็คต์โน้ตว่าทุกอย่างอยู่ที่ตัวเราจะเลือกมอง เลือกมองโลกในแง่บวกเราก็จะได้รับแต่เรื่องบวก การมองโลกในแง่บวกไม่ใช่การหลอกตัวเองว่าสิ่งนั้นดี ทั้งๆ ที่เป็นเรื่องร้าย แต่มันคือ ในเรื่องร้ายๆ นั้น มันย่อมมีเรื่องดีๆ แฝงอยู่ ซึ่งเราจะเลือกมองมันหรือเปล่าเท่านั้น เหมือนกับชีวิตคู่ ถ้าเราเลือกมองแง่ดี ชีวิตคู่ก็จะดีตาม