เรื่องของการเลือกโรงเรียนนั้น เชื่อเหลือเกินค่ะว่าคุณพ่อคุณแม่ต้องใช้เวลาในการเลือกกันอยู่นานทีเดียว คุณพ่อคุณแม่บางคนเริ่มหาข้อมูลกันตั้งแต่ลูกยังอยู่ในท้องเลยก็มี อาการนี้ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นกับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ ที่ไม่รู้ว่าจะเลือกโรงเรียนไหนดี วันนี้ผู้เขียนมีแนวทางในการเลือกโรงเรียนอนุบาลมาฝากค่ะ จะมีอะไรบ้างไปดูกัน
10 แนวทางการเลือกโรงเรียนอนุบาลให้ลูก
ไม่อัดวิชาการแน่นเกินไป
เพราะความที่ “เด็กก็คือ เด็ก” ลำพังว่าเค้าต้องเข้าโรงเรียน ฝึกเรื่องวินัย การอยู่ร่วมกัน การช่วยเหลือตัวเอง ฯลฯ เท่านี้สำหรับเด็กที่ต้องเจอกับสังคมใหม่ๆ ก็น่าจะพอแล้ว หากต้องให้เด็กนั่งเรียนวิชาการอย่างเดียวเป็นเวลานานๆ แน่นอน…เค้าคงเกิดความรู้สึกไม่ดีกับคำว่า “การเรียน”
ซึ่งทั้งที่จริงแล้ว เราควรทำให้เค้ารู้สึกว่า “เค้าอยากเรียนรู้” ทำให้เค้ามีความสุขกับการไปโรงเรียน น่าจะดีกว่าเป็นไหน ๆ ที่สำคัญ คุณพ่อคุณแม่จะได้ไม่ต้องมานั่งเคี่ยวเข็ญให้ทำการบ้านอีกด้วยค่ะ
ให้เวลาเล่นเยอะ
เพราะการเล่นจะทำให้เค้าได้เรียนรู้อะไรหลายๆ อย่างและเรียนรู้ได้รวดเร็วกว่าการนั่งอยู่แต่ในห้องเรียน ยกตัวอย่างเช่น หากเล่นกับเป็นกลุ่มกับเพื่อนๆ ก็จะทำให้เค้าเรียนรู้ที่จะอยู่กับคนหมู่มาก เรียนรู้ที่จะเสียสละก่อน-หลัง เรียนรู้เรื่องการวางแผนว่าต้องทำอะไรก่อน-หลัง และอีกมากมาย ซึ่งจะทำให้เค้าจำได้ขึ้นใจเลยค่ะ
ได้ฝึกกล้ามเนื้อ
การได้ฝึกกล้ามเนื้อในกิจกรรมที่ต้องออกกำลัง เช่น การเล่นในสนามเด็กเล่นของโรงเรียน ก็เป็นการฝึกกล้าเนื้อทั้งมัดเล็กและมัดใหญ่ให้กับลูก เพื่อเป็นการเสริมพื้นฐานทางร่างกายให้แข็งแรงและเติบโตสมวัยค่ะ ไม่ใช่แค่นั่งอ่านหนังสือ หรือแค่จับดินสอในห้องอย่างเดียว
สามารถช่วยเหลือตัวเองได้
แน่นอน…เรื่องนี้ เป็นอะไรที่คุณพ่อคุณแม่จะดีใจมาก หากวันนึงไปรับลูกจากโรงเรียน แล้วเห็นว่าลูกหยิบกระเป๋าสะพายเอง ใส่รองเท้าเอง ยกแก้วน้ำดื่มและเก็บเข้าที่ได้เอง ฯลฯ
สิ่งเหล่านี้ คือ “วินัยต่อตัวเอง” ทั้งสิ้น เพราะเวลาที่อยู่บ้านต่อให้คุณพ่อคุณแม่สอนหรือจ้ำจี้จ้ำไชทุกวันก็ไม่เท่าอยู่โรงเรียน เพราะเค้าจะมีเพื่อนๆ ช่วยบิ้วท์ และไม่ทำไม่ได้ เพราะไม่มีใครทำให้
มีคุณครูที่ดูแลดี
นี่คือสิ่งสำคัญ….(ไม่ใช่เพลงของดา เอ็นโดรฟินนะคะ 555) แต่ข้อนี้สำคัญจริงๆ เพราะหากลูกต้องไปอยู่กับคุณครูที่ขาดการดูแลเอาใจใส่เด็กๆ แล้ว ทุกอย่างจะเละเทะมาก อาทิ ปล่อยให้เด็กแกล้งกัน ซึ่งจะทำให้ลูกไม่อยากไปโรงเรียน หรือแม้แต่ตัวคุณครูเอง หากมีการดุเด็กเสียงดังบ่อยๆ ก็ทำให้เด็กเกิดความกลัวไม่อยากไปโรงเรียน เป็นต้น
เน้นการสร้าง EF
คุณพ่อคุณแม่ควรพิจารณาแนวทางการสอนโดยให้เน้นเรื่อง EF (Executive Function) เป็นหลัก เพราะ EF สำคัญกว่า EQ และ IQ
EF จะเน้นการสอนในเรื่องของกระบวนการคิด การไตร่ตรอง การควบคุมอารมณ์ การตั้งเป้าหมาย การยืดหยุ่นทางความคิด การตั้งเป้าหมาย และ การจัดลำดับความสำคัญของเรื่องต่างๆ ซึ่งคุณพ่อคุณแม่สามารถสอบถามกับทางโรงเรียนก่อนได้ค่ะ
มีกิจกรรมที่ได้อยู่กับธรรมชาติ
การให้เด็กๆ ได้อยู่กับธรรมชาติ ให้เด็กได้เรียนรู้โลกกว้าง ไม่ว่าจะเป็นเล่นน้ำ ทราย หิน ดิน และแมลงต่างๆ ฯลฯ ดีกว่าการหันซ้าย หันขวาไปก็เจอแต่อาคารเรียน
ลูกมีอารมณ์แจ่มใสดี
ข้อนี้คุณพ่อคุณแม่จะเห็นได้ชัดค่ะ ว่าลูกชอบโรงเรียนหรือเปล่า หรือเอาง่ายๆ หากตื่นมาตอนเช้าลูกไม่อยากตื่น ไม่อยากแต่งชุดนักเรียน ร้องไห้ตั้งแต่ออกจากบ้าน นั่นเป็นสัญญาณแล้วค่ะ ว่า โรงเรียนนี้ไม่ได้นั่งอยู่ในใจเด็ก ๆ
ความสะอาดของโรงเรียน
นี่คือสิ่งสำคัญ….(เอาอีกละ 555) สำคัญมากด้วยค่ะ เพราะหากโรงเรียนไม่สะอาดแล้วจะกลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์เชื้อโรคได้ง่ายมากทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นพวกหนู มด แมลงต่างๆ และอีกหนึ่งตัวร้าย คือ ยุง อาจทำให้ลูกเป็นไข้เลือกออกได้
ช่วยเด็กค้นพบตัวเองเร็ว
ข้อนี้สืบเนื่องมาจากการที่มีคุณครูที่ดี คำว่า “คุณครูที่ดี” มีหลายด้านนะคะ อาทิ ใส่ใจ ละเอียดอ่อน อ่อนโยน ตลอดจนมีวิธีการพูดที่นุ่มนวลกับเด็ก คุณครูประเภทนี้เด็กมักจะวิ่งเข้าหาเมื่อไปโรงเรียน หรือยอมให้คุณครูจูงมือเข้าห้องเรียนแต่โดยดี
การที่มีคุณครูดี ช่างสังเกตพฤติกรรมของเด็กแต่ละคนนั้น จะทำให้คุณครูรู้ได้ว่าเด็กคนไหน ชอบเรียนรู้เรื่องอะไร แล้วจะป้อนในสิ่งที่เด็กสนใจเพื่อทดสอบว่าเด็กคนนั้นชอบในสิ่งที่คุณครูสันนิษฐานหรือเปล่า เหล่านี้ก็ทำให้คุณพ่อคุณแม่รวมถึงตัวเด็กเองค้นพบตัวเองได้เร็วขึ้นค่ะ
แต่ทั้งนี้ ทั้งนั้น คุณพ่อคุณแม่จะไม่มีโอกาสได้รู้เลยว่าโรงเรียนอนุบาลที่เราเลือกให้ลูกนั้นจะดีหรือไม่ดีแค่ไหน จนกว่าลูกเราจะได้ไปเข้าเรียนที่นั่นแล้วเท่านั้น ซึ่งในระหว่างที่เรียนอาจมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดจนทำให้ต้องย้ายโรงเรียน สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรรู้คือ การ “รับมือลูกย้ายโรงเรียนกลางคันชั้นอนุบาล งอแง พร้อมกฎการย้ายโรงเรียนที่ควรรู้” เพื่อการรับมือได้อย่างถูกต้องนะคะ
เลือกโรงเรียนอนุบาลให้ลูก สอนแนวไหนดี
นพ.นิธิ หล่อเลิศรัตน์ กุมารแพทย์ รพ.กรุงเทพ กล่าวว่า
“การศึกษาปฐมวัยในไทยจะมีแนวทางใหญ่ ๆ อยู่ 2 แนว ได้แก่ แนววิชาการ และ แนวบูรณาการ”
ซึ่งถ้าเป็นโรงเรียนที่เน้นวิชาการ เขาก็จะเน้นการเรียนการสอน เน้นเนื้อหาสาระต่าง ๆ ที่เข้มข้น เพื่อเตรียมให้เด็ก ๆ ได้สอบเข้าในโรงเรียนที่มีชื่อเสียง ส่วนโรงเรียนที่สอนแนวบูรณาการจะมีการเรียนการสอนที่ต่างกันไปในหลายรูปแบบ ดังนี้
แนวมอนเตสซอรี่ (Montessori)
จะเน้นในการจัดสภาพสิ่งแวดล้อมให้เอื้อต่อการเรียนรู้ของเด็ก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของอุปกรณ์และสถานที่ เช่น อ้างล้างหน้า ล้างมือ โต๊ะอาหารหรือเก้าอี้ก็จะถูกออกแบบมาให้เท่ากับขนาดของเด็กโดยเฉพาะ แนวมอนเตสซอรี่มีความเชื่อมั่นในศักยภาพของเด็ก และเห็นว่าการเรียนรู้ของเด็กจะเกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ คุณครูและโรงเรียนเป็นเพียงผู้เกื้อหนุนและสร้างโอกาสในการเรียนรู้ของเด็กเท่านั้น
คอนเซ็ปต์ของมอนเสตซอรี่จะเป็นแบบ Organized Life คือ การจัดวางระเบียบแบบแผนในชีวิต โดยที่จะเน้นเรื่องการเล่นมากนัก แต่จะเน้นเรื่องการให้เด็กได้เรียนรู้จากการพึ่งพาตนเองได้ในชีวิตจริง เช่น การแปรงฟัน การนำถาดอาหารไปเก็บเอง หรือแม้แต่การเก็บที่นอนที่ตัวเองนอน เป็นต้น
แนววอลดอร์ฟ (Waldorf)
แนวนี้มีหลักการและแนวคิดมาจากมนุษย์ปรัชญา เน้นในเรื่องความเป็นมนุษย์ ความเป็นตัวเอง และความเชื่อมโยงระหว่างมนุษย์กับสิ่งแวดล้อม และสังคม เน้นเรื่องการค้นหาศักยภาพที่แท้จริงของตัวเอง โดยไม่ได้อ้างอิงความนิยมของสังคมหรือความต้องการของตลาดมากนัก ซึ่งเด็กในระดับก่อนปฐมวัยจะเน้นการเล่นโดยมีคุณครูคอยดูแล ส่วนการศึกษาจะเริ่มอย่างจริงจังในระดับประถมศึกษาขึ้นไป
แนวเรกจิโอ เอมิเลีย (Reggio Emilia)
แนวนี้มีความเชื่อว่าเด็กจะได้เรียนรู้ผ่านการลงมือทำ หรือแบบ Co-constructivism ได้ลองผิดลองถูกด้วยตัวเอง ภายใต้การแลกเปลี่ยนการทางความคิดเห็นภายในกลุ่ม จนนำไปสู่หัวข้อหรือเรื่องราวที่น่าสนใจ และลงมือทำในที่สุด
การเรียนรู้จะผ่านสื่อต่าง ๆ มากมาย อาทิ การวาด การปั้น การดัดลวด ระบายสี ภาพถ่าย ดนตรี หรือแม้แต่การฟังเพลง รวมถึงการเคลื่อนไหวส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย หลักสูตรการเรียนจะไม่มีการวางรูปแบบที่ตายตัว ขึ้นอยู่กับว่าเด็กมีความสนใจในเรื่องใด
การเลือกโรงเรียนอนุบาลให้ลูกต้องอาศัยความรอบคอบในหลาย ๆ ด้าน คุณพ่อคุณแม่อาจไปดูสถานที่จริง แล้วพิจารณาเรื่องความสะอาด ระบบรักษาความปลอดภัย ฯลฯ และที่สำคัญคือ หลักสูตร ใจเย็น ๆ ลองศึกษาหลาย ๆ ที่แล้วค่อยตัดสินใจนะคะ