Site icon คุณแม่ลูกอ่อน

มาปรับเปลี่ยนตัวเองเพื่อลูกกันดีกว่า

คนเราก็มักจะต้องปรับเปลี่ยนตัวเองกันอยู่หลายครั้งในชีวิตอย่างก่อนจะแต่งงานและหลังแต่งงานต่างก็ต้องมีแผนการและการปรับเปลี่ยนเพื่ออยู่ร่วมกันเป็นชีวิตคู่มากขึ้นและยิ่งถ้าก้าวมาอีกขั้นของการมีครอบครัวนั่นก็คือการมีสมาชิกคนใหม่เพิ่มเข้ามาด้วยแล้วล่ะก็คงจะมีบางจุดของคุณพ่อคุณแม่ที่ควรรู้ทันตัวเองและเร่งปรับปรุงเปลี่ยนแปลงเพื่อลูกไม่ว่าจะเพื่อให้เขาอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดีและการเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเขาก็ตามก็ถึงเวลาแล้วที่คุณทั้งสองคนต้องเริ่มยอมเปลี่ยนเพื่อลูกกัน

อะไรบ้างที่เมื่อมีลูกแล้วควรปรับเปลี่ยน

มีลูกต้องมีเวลา

มันคือการวางแผนที่ถูกต้องว่าถ้าหากคุณมีลูกแล้วคุณทั้งสองจะเลือกแบ่งเวลาและหน้าที่กันอย่างไรเพื่อให้ลูกได้รับความรักความอบอุ่นมากที่สุด และไม่ทิ้งเขาเอาไว้ในช่วงเวลาที่เขาต้องการพวกคุณมากที่สุดโดยข้ออ้างที่บอกว่าไม่มีเวลา

เด็กในวัยแรกเกิดไปจนถึงประมาณ 6 ขวบเป็นวัยแห่งการเรียนรู้และจดจำการที่คุณสามารถทุ่มเทเวลาให้กับเขาได้อย่างเต็มที่คุณจะสามารถสอนและดูแลเขาได้อย่างครอบคลุมทั่วถึงและถือเป็นจุดสำคัญในการปูพื้นฐานชีวิตที่ดีให้กับเขาต่อไป ดังนั้นการมีลูกก่อนอื่นคุณต้องมีเวลาก่อน

เลิกขี้หงุดหงิด

ต้องบอกไว้ก่อนเลยว่าการมีลูกส่วนใหญ่แล้วมักทำให้คุณพ่อคุณแม่ขี้หงุดหงิดมากกว่าเดิมด้วยปัจจัยหลายๆ อย่างที่เปลี่ยนไปและมีภาระต่างๆ หนักขึ้นแต่นั่นแหละเมื่อคุณรู้ทันก่อนแล้วว่ามันอาจจะเกิดขึ้นกับครอบครัวคุณได้ดังนั้นคุณต้องฝึกควบคุมความหงุดหงิดกันไว้ตั้งแต่วันนี้เลย

แยกแยะทุกเรื่องออกจากกันอย่างปล่อยให้อารมณ์จากเรื่องอื่นมาๆ มาผสมปนกับเรื่องในครอบครัวกลายเป็นบ่อเกิดของอารมณ์ที่อึมครึมกันไปทั้งบ้างเพราะแน่นอนว่าแม้ว่าเด็กจะยังไม่รู้เรื่องแต่เขาก็พอที่จะมีความรู้สึกสัมผัสได้และเมื่อเขาโตขึ้นเรื่อยๆ การที่เขาเห็นคุณหงุดหงิดกันบ่อยๆ อาจจะค่อยๆ ซึมเข้าไปในนิสัยของเขาอย่างช้าๆ อีกด้วย

อย่าตามใจลูกจนเกินไป

แม้ว่าการเลี้ยงดูเอาใจใส่เขาอย่างใกล้ชิดคือสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรทำมากที่สุดแต่มันคือคนละความหมายกับการตามใจเขาเสียทุกเรื่องที่เขาต้องการ และแม้ว่าคุณอาจจะคิดว่าเอาใจแค่ไม่กี่เรื่องแค่ช่วงเวลาสั้นๆ ซึ่งนั่นแหละคุณเองก็อาจจะติดเป็นนิสัยและความรักอาจจะทำให้คุณชินและไม่กลายขัดใจเขาไปเลยก็เป็นได้ แล้วถ้าลูกเกิดติดการถูกตามใจแล้วล่ะก็บอกได้เลยว่าเป็นเรื่องยากมากที่จะแก้ไขเพราะมันจะกลายเป็นปมเหมือนว่าพวกคุณรักเขาน้อยลงเลยไม่ยอมตามใจเขาเหมือนที่เคย

ทาวที่ดีเลี้ยงลูกให้อยู่ในทางสายกลาง ใส่ใจและมอบสิ่งต่างๆ ให้เขาตามที่ควรจะได้และควรจะเป็นไม่ตามใจเขาจนเกินพอดีแต่มีความรักความอบอุ่นให้เขาสัมผัสถึงได้อยู่เสมอ นั่นแหละจะทำให้เขากลายเป็นเด็กดีในอนาคตได้อย่างไม่ยากแน่นอน

เลิกจู้จี้ขี้บ่นไปเสียทุกเรื่อง

ความใส่ใจทำให้เราเห็นจุดบอดและรายละเอียดต่างๆ เยอะขึ้นไม่ว่าจะเป็นคุณพ่อเห็นจากคุณแม่หรือคุณแม่เห็นจากคุณพ่อก็ตามแล้วนำรายละเอียดเหล่านี้กลับมาจู้จี้ขี้บ่นกันจนกลายเป็นเรื่องที่แก้ไขไม่หายนอกจากจะสร้างความน่ารำคาญและความอึดอัดระหว่างคุณสองคนแล้วนั้นเมื่อลูกสามารถรับรู้ได้เขาก็อาจจะเกิดความเครียดและซึมซับนิสัยเหล่านี้ไปตามเมื่อเขาไปเข้าสังคมในอนาคตเขาจะกลายเป็นคนที่คอยจับผิดและจู้จี้กับทุกคนไปเสียหมดจนอาจจะทำให้มีปัญหาในการเข้าสังคมไปเลยก็เป็นได้

เพราะฉะนั้นอย่าบ่นไปเรื่อยถ้าคุณต้องการอะไรให้บอกและสอนลูกตรงๆ พูดถึงแค่ประเด็นนั้นและมุ่งไปแค่เรื่องนั้นอย่าหยิบยกสิ่งรอบข้างเข้ามาอย่างไม่จบไม่สิ้นเพื่อเป็นการทำให้ลูกรู้จักทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งให้สำเร็จโดยที่ไม่หลงประเด็นนั่นเอง

เลิกที่จะคอยระแวงและไม่เคยจะไว้ใจ

มันเริ่มต้นมาจากความห่วงใยเหมือนเดิมแต่มันกลับกลายมาเป็นความไม่เชื่อมั่นใจตัวลูกได้เฉยเลยและแน่นอนว่ามันทำให้ลูกกลายเป็นเด็กที่ไม่มีความมั่นใจไปได้โดยอัตโนมัติ เปลี่ยนกันดีกว่าเพราะการที่คุณแสดงออกให้เขาเห็นว่าคุณเชื่อใจและไว้ใจเขานะจะทำให้เขามีความกล้าจะแสดงออก แสดงความมั่นใจ และแสดงความคิดเห็น และเขายังกล้าถามในสิ่งที่สงสัยรวมทั้งยอมรับในสิ่งที่ผิดอีกด้วย มันเป็นจุดเริ่มต้นของความภูมิใจในตัวเองของลูกเลยทีเดียว

อย่าให้ความรัก ความใส่ใจ ของคุณพ่อคุณแม่กลายมาเป็นต้นเหตุของปมในใจของลูกน้อย ลองมองเขาอย่างเปิดกว้าง ให้โอกาส แต่ไม่ละเลย เลี้ยงให้เขาได้เติบโตและรับฟังในสิ่งที่เขาอยากพูด และการปรับปรุงตัวตามแบบอย่างที่แนะนำกันมาข้างบนก็ถือว่าเป็นการปรับตัวและเปลี่ยนแปลงตัวเองที่สำคัญอีกก้าวหนึ่งของคู่รักที่กำลังจะก้าวขึ้นไปสู่ความเป็นพ่อเป็นแม่อย่างแท้จริงนั่นเอง