ความเครียดเป็นเรื่องที่คุณพ่อคุณแม่น่าจะรู้จักกันดีแถมคุณพ่อคุณแม่บางคนก็ยังต้องเผชิญกับมันอยู่บ่อยๆ อีกด้วยและแน่นอนว่าทุกคนต้องพยายามหาทางคลายความเครียดของตัวเองกันอย่างแน่นอน แต่มีอีกข้อหนึ่งที่คุณพ่อคุณแม่หลายๆ คนอาจจะละเลยไปนั่นก็ถือลูกน้อยเองเขาก็สามารถเผชิญกับความเครียดได้เหมือนกันและที่แย่ไปกว่านั้นคือเขาไม่รู้จักว่านั่นคือความเครียดทำให้เขาแสดงออกมาหลากหลายรูปแบบและบางครั้งคุณพ่อคุณแม่ก็ไม่เข้าใจในจุดนี้…ปล่อยเอาไว้นานไม่ดีแน่เพราะความเครียดจะคอยกัดกินความสดใสของลูกน้อยไปเรื่อยๆ อย่างแน่นอน วันนี้เรามารู้จักลักษณะอาการของความเครียดที่เด็กๆ มักจะทำกันเวลาเครียด และแนวทางการคลายเครียดให้กับเขากันดีกว่า
สารบัญ
อาการอะไรบ้างที่บอกให้คุณรู้ได้ว่าลูกกำลังเครียด
- ชอบร้องไห้ หงุดหงิดง่าย งอแงมาก และกลายเป็นเด็กดื้อของพวกคุณไปเฉยเลย
- มีพฤติกรรมแปลกๆ อย่างเช่น กัดเล็บ ดึงผม ดูดนิ้ว เช็ดจมูกตลอด
- ปวดท้อง ปวดหัว บางครั้งอาการเหล่านี้มากไปจนถึงขั้นทำให้เขาอาเจียน
- เป็นเด็กน้อยยาก ตื่นกลางดึก ละเมอ ปัสสาวะรดที่นอนเป็นประจำ
- เป็นเด็กไม่กล้าแสดงออกเอามากๆ ไม่มั่นใจในตัวเองแต่กลับมีความเอาแต่ใจตัวเองสูง
- ชอบแอบไปอยู่คนเดียว หลบมุมตลอด ดูซึมเศร้า ไม่ค่อยชอบเขาสังคม
- บางครั้งไม่นิ่งและดื้อซนตลอดเวลาจนถึงขั้นอาละวาดทำลายข้าวของอย่างไม่มีเหตุผล
- พบว่าเขาโกหกคุณบ่อยๆ แม้แต่เรื่องเล็กน้อยโกหกจนเหมือนจะกลายเป็นนิสัย
- มีนิสัยที่ก้าวร้าวขึ้นไปเรื่อยๆ ตามอายุที่มากขึ้น
- สมาธิสั้น สั้นจนสามารถสังเกตได้ชัดเจนว่าเขาไม่สามารถจดจ่อกับอะไรได้เลย
คุณพ่อคุณแม่จะช่วยลูกคลายเครียดได้อย่างไรบ้าง?
1.พาลูกไปออกกำลังกาย
การเคลื่อนไหวร่างกายและการใช้พลังงานเยอะๆ แบบนี้จะทำให้เขาสามารถผ่อนคลายความเครียดไปได้ไม่น้อยเลยทีเดียว แถมยังช่วยให้เขามีร่างกายที่แข็งแรง มีพัฒนาการและทักษะในด้านต่างๆ ที่ดีขึ้นได้อีกด้วย หลังออกกำลังกายเสร็จร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนแห่งความสุขออกมาด้วย
จึงไม่แปลกที่เด็กๆ จะอารมณ์ดีขึ้นหลังได้ออกกำลังกาย
2.หากิจกรรมทำพร้อมหน้าพร้อมตากันในครอบครัว
ไม่มีอะไรอุ่นใจไปกว่าบ้านของเขาสมบูรณ์อีกแล้ว ซึ่งถ้าในกรณีที่คุณพ่อคุณแม่แยกทางกันนั้นแต่สามารถหาศูนย์กลางและเวลาร่วมกันได้อย่างลงตัวก็บอกได้เลยว่าจุดนี้ก็เป็นจุดสำคัญอีกจุดหนึ่งที่ช่วยลูกในคลายจากความเครียดความกังวลต่างๆ ได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว
และยิ่งถ้ายังเป็นครอบครัวที่รักกันเหนียวแน่นเหมือนเดิมด้วยแล้วล่ะก็การได้หากิจกรรมในครอบครัวทำร่วมกันบ่อยๆ นั้นทำให้เด็กมีความสุขและค่อยๆ ลืมความเครียดได้ดีและเร็วที่สุดวิธีหนึ่งเลยทีเดียว
3.พูดอะไรในทางบวกและสร้างสรรค์ให้เขาฟังและได้ยิน
คำพูดเหล่านี้มีผลกับเขามากถ้าต้องพูดคุยกับเขาก็พยายามใช้คำที่อ่อนโยนสุภาพกับเขา ถ้าเขาทำอะไรที่ดี น่ารัก ถูกต้องก็เอ่ยปากชมเขา และแม้แต่คำพูดที่คุณพ่อคุณแม่คุยกันหรือคุยกับคนอื่นๆ ก็ควรที่จะเป็นคำที่สร้างสรรค์ดีต่อใจและเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับลูกด้วยถ้าคุณพ่อคุณแม่พูดเสียงดังโวยวายคำหยาบคายหลุดออกมาเพียบลูกได้ยินก็ไม่แปลกที่เขาจะกลายเป็นคนแบบนั้นได้เหมือนกัน
4.ปล่อยให้เขาได้แสดงอารมณ์อย่างเหมาะสม
ไม่ปล่อยให้เขางอแงร้องไห้ตลอดแต่ก็ไม่ห้ามถ้าเขาจะร้องไห้บ้าง ไม่ตามใจเขาทุกอย่างแต่บางกรณีที่สมควรก็ตามใจเขาบ้าง สิ่งเล็กน้อยพวกนี้ทำให้เขาสัมผัสได้ถึงความเข้าใจที่คุณพ่อคุณแม่มีให้กับเขา และเขาก็จะค่อยๆ เรียนรู้ถึงเหตุผลต่างๆ ได้ด้วยตัวเองว่าทำไมคุณพ่อคุณแม่ถึงให้หรือไม่ให้อะไรเขานั่นเอง ซึ่งพอเขาเรียนรู้และเข้าใจเหตุผลต่างๆ แล้วนั้นความเครียดก็จะถูกจัดการได้อย่างถูกต้องเอง
5.หาสาเหตุของปัญหาก่อนแล้วค่อยแก้ไข
ถ้าลูกเกิดทำผิดขึ้นมาสิ่งที่ควรทำไม่ใช่การพุ่งไปลงโทษเขาแต่ให้ถามเขาถึงสาเหตุที่ทำ มันจะค่อยๆ กรองความในใจของเขาออกมา และเมื่อคุณเข้าใจบางครั้งการลงโทษก็อาจจะไม่จำเป็นแต่การเยียวยาความบอบช้ำที่ลูกต้องเจอกลับเป็นเรื่องที่ควรทำมากกว่า แต่ในกรณีที่เขาผิดจริงๆ ก่อนจะลงโทษก็ควรอธิบายก่อนว่าทำไมถึงต้องมีการลงโทษเกิดขึ้น และลูกจะสามารถห่างไกลจากการถูกลงโทษได้อย่างไรบ้าง และการถามเขาถึงเหตุผลของเขาก่อนเสมอจะทำให้คุณพ่อคุณแม่ได้รู้จักเขามากขึ้นเข้าใจการช่วยเขาแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้ดีขึ้นนั่นเอง
ความเครียดสำหรับเด็กๆ นั้นควรได้รับการใส่ใจและเยียวยาโดยเร็วและด้วยความใส่ใจมากที่สุดเพราะว่าเด็กๆ ไม่รู้จักและไม่เข้าใจว่าตัวเองกำลังเผชิญกับอะไรอยู่รู้เพียงแต่อึดอัด อยากระบาย และทำพฤติกรรมต่างๆ ที่ไม่น่ารักหรือไม่เหมาะสมอย่างที่คุณเห็นกันนั่นเอง ดังนั้นถ้าสังเกตว่าลูกมีพฤติกรรมปกติควรยื่นมือเข้าไปช่วยเขา สอบถามเหตุผล อธิบายสิ่งต่างๆ ให้เขาเข้าใจและดึงความเครียดออกไปจากเขาให้เร็วที่สุดเพื่อที่สิ่งเหล่านี้จะได้ไม่วกกลับมาทำร้ายเขาในภายหลังนั่นเอง