Site icon คุณแม่ลูกอ่อน

งานบ้านสอนลูกได้มากกว่าที่คิด

การสอนลูกน้อยให้เติบโตนั้นมีเทคนิควิธีการหลากหลายที่จะหยิบมาสอนลูกเพื่อให้พัฒนาทั้งในด้านความคิด พฤติกรรม ทักษะและพัฒนาการต่างๆ ถ้านอกเหนือจากการสอนและส่งเสริมให้เรื่องพื้นฐานอย่างการเรียน การเล่นกีฬา การเข้าสังคมต่างๆ แล้วนั้น การสอนให้ลูกได้รู้จักกับการทำงานบ้านตั้งแต่ยังเด็กๆ ก็น่าจะเป็นอีกหนึ่งทักษะที่จะมีประโยชน์มากกว่าแค่การทำงานบ้านเป็นติดตัวลูกไปในอนาคต

เพราะถ้าจะมองกันให้ดีๆ แล้วนั้นการให้ลูกมาลองทำงานบ้านดูเป็นการฝึกทักษะในการเอาตัวรอดและการรักความสะอาดรวมไปถึงยังช่วยให้ลูกได้ออกกำลังกายและเรียนรู้กับสิ่งที่เรียกว่าความรับผิดชอบไปในตัวอีกด้วย

ดังนั้นการลองมอบหน้าที่ในการทำงานบ้านให้กับลูกโดยแบ่งให้เหมาะสมตามวัยของเขาแล้วนั้นนอกจากจะไม่กดดันและทำให้เขาเบื่อจนเกินไปแล้วยังถือเป็นการค่อยๆ ปลูกฝังให้เขาชื่นชอบการทำงานบ้านและทำมันได้อย่างมีความสุขอีกด้วยและคุณพ่อคุณแม่ต้องไม่ลืมที่จะคำนึงถึงวัยของเขาด้วยว่าเหมาะสมที่จะทำงานบ้านประเภทไหน อย่างไรบ้าง หรือถ้ายังไม่รู้ว่าจะเริ่มกันตรงไหนดีวันนี้เราจะมาไกด์ให้ลองเอาไปปรับใช้ให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของแต่ละครอบครัวกันดีกว่า

มาดูขอบเขตของแต่ละวัย…ควรทำงานบ้านแบบไหนกันดี

แล้วแต่ละวัยจะเลือกให้ลูกทำอะไรกันดี

วัย 2-3 ปี

ก่อนอื่นคุณพ่อคุณแม่ต้องสูดหายใจลึกๆ กันก่อนเพราะว่าการสอนสิ่งต่างๆ ให้เด็กวัยนี้นั้นอาจจะยังไม่สำเร็จในครั้งเดียวเพราะเด็กๆ อาจจะยังไม่ค่อยเข้าใจนั่นเอง และที่สำคัญอย่าเพิ่งมอบหมายให้เขารับผิดชอบหรือจัดการงานบ้านคนเดียว ให้เขาอยู่ในตำแหน่งผู้ช่วยของพวกคุณไปก่อน แล้วก็คอยหยอดคำชมเมื่อเขาทำในสิ่งที่ถูกต้องเพื่อเพิ่มกำลังใจและความอินในสิ่งที่ทำมากขึ้นนั่นเองหรือจะให้ดีขึ้นไปอีกก็ลองหาอะไรมาเสริมความสนุกระหว่างการทำงานบ้านด้วยก็ได้ไม่ว่าจะเป็นการร้อง เล่น เต้น ก็จะช่วยทำให้ลูกได้เพลิดเพลินไปกับการทำงานบ้านมากขึ้นได้อย่างแน่นอน

ส่วนงานบ้านที่เหมาะกับเด็กในวัยนี้ก็อย่างเช่น เก็บของเล่นของตัวเอง เก็บที่นอนของตัวเอง เอาเสื้อผ้าของตัวเองที่ใส่แล้วแยกใส่ตะกร้าผ้า ช่วยเช็ดโต๊ะ เป็นต้น แต่การทำงานบ้านทั้งหมดยังมีความจำเป็นที่จะต้องอยู่ในสายตาของคุณพ่อคุณแม่เสมออีกด้วย

วัย 3-4 ปี

โตขึ้นตารางการทำงานก็ควรปรับเปลี่ยนไปตามอายุของลูกด้วยแต่ลองให้ตารางการทำงานบ้านเป็นเรื่องที่เขามีส่วนร่วมสนุกในการจัดด้วยสิรับรองว่าเขาจะมีความสุขกับมันอย่างแน่นอน และเมื่อมีหน้าที่รับผิดชอบแบบเต็มตัวและเยอะขึ้นแน่นอนว่าแรกๆ ลูกอาจจะยังทำมันไม่ได้เต็มร้อยและนี่ก็เป็นหน้าที่ของคุณพ่อคุณแม่ที่จะสังเกตที่ความตั้งใจพร้อมทั้งไม่ลืมที่จะชมในจุดที่สมควรได้รับและในส่วนที่ยังบกพร่องอยู่ก็ค่อยๆ สอนและเติมเต็มให้กับเขาไปอย่างใจเย็นแล้วมีเหตุมีผล

งานบ้านที่เด็กๆ วัยนี้สามารถทำได้นั่นก็คือ การเริ่มให้เขาถือข้าวของส่วนตัวของตัวเองกันได้แล้ว ให้เขาลองจัดเอาจานชามช้อนส้อมไปจัดโต๊ะอาหารให้คุณดูสิ หรือจะเริ่มให้ช่วยถือของเวลาไปเดินจ่ายตลาดก็ได้เช่นกัน เอางานบ้านที่เสริมทักษะมาให้เริ่มทำกันได้ทั้งการพับผ้าหรือการจับคู่เก็บถุงเท้า หากมีขยะถุงไม่ใหญ่มากที่เขาพอจะถือได้ก็ยกให้เป็นหน้าที่ของเขาเอาไปทิ้งได้เลย และเด็กๆ วัยนี้ก็เริ่มที่จะกวาดบ้าน ดูดฝุ่น รวมไปถึงรดน้ำต้นไม้กันได้แล้วอีกด้วย

วัย 5-6 ปี

คุณพ่อคุณแม่อาจจะค่อนข้างสบายขึ้นเพราะเด็กในวัยนี้อาจจะไม่ต้องมาคอยสอนอะไรกันมากแล้วแต่อย่างไรก็ตามคำชมเมื่อเขาทำถูกต้องและทำได้ดีก็ยังเป็นสิ่งที่คุณจะละเลยมันไปไม่ได้โดยเด็ดขาดและเมื่อเขาทราบถึงหน้าที่ของเขาจากตารางประจำบ้านแล้วก็ให้เขาเริ่มทำได้เลยแต่ในวัยนี้เขาจะช่วยงานบ้านคุณได้เยอะขึ้นและมีคุณภาพขึ้นอย่างแน่นอน

เริ่มจากการให้เขาแต่งตัวด้วยตัวเองกันก่อน เก็บที่นอนเองด้วย และนอกจากจะถือของให้ตัวเองได้แล้วก็อย่าลืมให้เขามีน้ำใจช่วยเหลือถือของให้คนอื่นๆ เมื่อมีโอกาสด้วย จากช่วงวัยก่อนที่จะได้เพียงการจัดโต๊ะวัยนี้คุณพ่อคุณแม่ก็ควรเริ่มให้เขาเก็บโต๊ะอาหารหลังทานเสร็จด้วย และแน่นอนว่าการเตรียมอาหารก็ถือว่าเป็นสิ่งที่น่าจะสนุกสำหรับเขาและยังเป็นการช่วยฝึกทักษะในด้านการทำอาหารให้เขาไปในตัวอีกด้วย และคุณก็เริ่มสอนในส่วนของการซักผ้า ตากผ้า และพับผ้าให้กับเขาได้เลยเพราะเขาพร้อมจะเรียนรู้และทำมันแล้วนั่นเอง

วัย 7 ปีขึ้นไป

เมื่อคุณฝึกเขาให้ทำงานบ้านเป็นมาตั้งแต่เด็กๆ แล้วนั้นพอมาถึงวัยนี้คุณก็แทบจะไม่ต้องสอนอะไรเขาอีกเพราะเขาจะค่อนข้างเรียนรู้ได้ไวและทำได้ดีเลยทีเดียว เขาอาจจะสามารถเริ่มจัดลำดับการทำงานบ้านก่อนหลังได้เองโดยที่คุณไม่ต้องคอยบอกเหมือนเดิมอีกแล้ว แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามความเป็นเด็กของเขาก็อาจจะทำให้เขาพลาดหรือละเลยบางจุดไปการเข้าไปแนะนำเขาก็ยังเป็นสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรทำอยู่เสมอ

วัยนี้เขาแทบจะสามารถทำได้ทุกอย่างในบ้านแล้วไม่ว่าจะเป็น เลือกเสื้อผ้าเอง แต่งตัวเอง และอาจจะเริ่มให้เขาลุยเดี่ยวไปซื้อของจ่ายตลาดให้คุณกันได้แล้วด้วย เริ่มให้ห้องทั้งห้องเป็นความรับผิดชอบของเขาได้ ล้างจานและเช็ดจานก็ไว้ใจเขาได้แล้ว ให้เขาเริ่มเข้ามาดูแลความสะอาดของรถครอบครัวคุณดูสิเขาทำได้ดีเลยทีเดียว และการรับโทรศัพท์ถือเป็นทั้งงานบ้านและทักษะทางสังคมที่คุณพ่อคุณแม่ควรจะให้ลูกๆ ได้ฝึกเอาไว้อีกด้วย

การทำงานบ้านนั้นมักจะมีความแตกต่างกันไปตามไลฟ์สไตล์ของแต่ละบ้านซึ่งคุณพ่อคุณแม่ก็สามารถนำคำแนะนำข้างบนไปปรับใช้กันได้ตามสบายเลย แต่ทุกข้อและเด็กทุกวัยนั้นยังต้องการความใส่ใจทั้งในเรื่องของความปลอดภัยและสุขภาพจิตใจด้วย ถ้าคุณเห็นว่าเขาอาจจะไม่ได้ถูกใจกับการต้องทำงานบ้านแล้วนั้นก็อย่าไปฝืนเขาจนเกินไปให้ค่อยๆ ใจเย็นๆ เพื่อปรับเปลี่ยน มิเช่นนั้นแล้วเขาอาจจะมีความรู้สึกที่ไม่ดีและกลายเป็นไม่อยากทำงานบ้านไปเลยก็ได้

การที่เขามีทักษะในการทำงานบ้านติดตัวนั้นในอนาคตมันจะเป็นเรื่องที่ดีกับเขาเป็นอย่างมากเพราะว่าเขายังจะต้องโตไปเพื่อเข้าสังคมและเจอกับกิจกรรมต่างๆ อีกมากมายและทักษะนี้ก็จะเป็นสิ่งที่แสดงความรับผิดชอบรวมถึงช่วยให้เอาตัวรอดได้ดีอีกด้วย