Site icon คุณแม่ลูกอ่อน

อยากให้ลูกรักการเรียนทำอย่างไรดี?

การเรียนนั้นเป็นสิ่งที่ลูกต้องเจอและอยู่กับมันไปอย่างน้อยๆ ก็ประมาณ 15-19 ปี ถ้าเขาจะอยู่กับมันไปแล้วไม่มีความสุขและพยายามนอกลู่นอกทางอยู่เสมอแล้วล่ะก็คงสร้างความทรมานใจให้กับเขาไม่น้อยเลยทีเดียว แต่ทำอย่างไรเมื่อการเรียนก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะขับเคลื่อนให้เขาได้พบเจอกับอนาคตที่ดีได้ ดังนั้นการปลูกฝังและทำให้เขารักในการเรียนจากตัวของเขาเองนั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญและทำให้เขามีความสุขไปพร้อมๆ กับมันได้เป็นอย่างดี

มาเริ่มทำให้ลูกรักการเรียนกันดีกว่า

สร้างแรงบันดาลใจให้กับเขา

พูดคุยถึงการทำงานของทั้งคุณพ่อและคุณแม่ให้เขาฟังและทำให้เขาเห็นว่าสิ่งเหล่านี้นั้นมาจากการเรียนรู้ทั้งในและนอกห้องเรียน และมันสำคัญมากเพียงใด ลองค่อยๆ ถามเขาเรื่อยๆ เมื่อเขามีโอกาสไปพบเจออะไรใหม่ๆ ว่าเขาชอบอะไร อยากเป็นอะไร อยากทำอะไร ก็ค่อยๆ ปลูกฝังและพาเข้าไปพบเจอกับสิ่งเหล่านั้น โดยไม่ต้องกดดันอะไรเขามาก แม้ว่าเขาจะเปลี่ยนแนวทางไปมาเรื่อยๆ ก็ขอให้คุณคอยเฝ้าสังเกตเขาและค่อยๆ ชี้แนะเขาไปเรื่อยๆ จะดีกว่า

คำชมและรางวัลคือสิ่งที่ขาดไม่ได้

เมื่อเขาทำอะไรสำเร็จ เป็นชิ้นเป็นอัน เรียนได้ผลการเรียนที่ดีขึ้นหรืออะไรก็ตามที่เรียกได้ว่าเป็นสิ่งดีๆ แล้วล่ะก็คำชมต้องมาที่หนึ่งส่วนรางวัลก็ขึ้นอยู่กับการตกลงกันระหว่างคุณพ่อคุณและลูก แต่สิ่งเหล่านี้จะต้องมีให้ไม่ขาดแต่ก็ไม่มากเกินความพอดี ให้เขาได้รับรู้ถึงความรู้สึกเมื่อเดินทางไปถึงเป้าหมายว่ามันมีความสุขมากขนาดไหนมันจะทำให้เขาภูมิใจในตัวเองและอยากที่จะทำอะไรให้สำเร็จต่อไป

บรรยากาศเป็นสิ่งสำคัญ

บรรยากาศภายในโรงเรียนนั้นคุณพ่อคุณแม่อาจจะทำได้แค่เพียงการเข้าไปชมโรงเรียนเพียงไม่กี่รอบแต่ก็ไม่สามารถปรับปรุงอะไรได้ตามใจนักก็เพียงแต่พยายามเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกไปก็เท่านั้น เมื่อเขากลับมาบ้านก็พยายามถามถึงความรู้สึกและการเรียนของเขาในแต่ละวันเพื่อที่จะได้รู้ทันความรู้สึกของเขานั่นเอง

แต่ในวันหยุดหรือวันว่างนี่คือพื้นที่ในการสร้างบรรยากาศให้กับการเรียนของลูกของคุณได้อย่างอิสระ ลองพาเข้าไปแหล่งส่งเสริมการเรียนรู้ต่างๆ หรือพาไปแวะร้านหนังสือ พาไปนั่งเรียนรู้พูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้ในร้านกาแฟบรรยากาศดีๆ สิ่งเหล่านี้จะทำให้เขารู้สึกว่าการเรียนนั้นมีความสุขมากยิ่งขึ้นและทำให้เขารักมันไปได้เองโดยที่ไม่รู้ตัว

อะไรที่ลูกไม่เข้าใจรีบตัดทิ้ง

ถ้าลูกไปเรียนแบบที่ไม่เข้าใจเนื้อหาและยังต้องจมอยู่กับสิ่งเหล่านั้นแน่นอนว่าใครๆ ก็อยากจะหนีออกมาจากสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบอย่างแน่นอน ดังนั้นจึงขอย้อนไปว่าการสอบถามลูกเกี่ยวกับการเรียนอยู่เสมอนั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญ ทำให้ลูกเปิดใจกล้าพูดในสิ่งที่เขาไม่รู้เรื่องไม่เข้าใจให้คุณฟังและพยายามทำให้เขารับรู้ได้ว่าคุณไม่ดุ ไม่โกรธและพร้อมที่จะช่วยเหลือเขาด้วยความจริงใจ

จากนั้นก็เริ่มขั้นตอนของการสอนการบ้านลูกหรืออาจจะพาเขาไปเรียนเสริมเพื่อให้ครั้งต่อไปที่เขาต้องมาเจอกับเนื้อหาที่ไม่เข้าใจนั้นเขาสามารถเข้าใจและรู้สึกดีขึ้นกับการเรียนนั่นเอง

คุณพ่อคุณแม่ส่วนใหญ่ก็น่าจะผ่านจุดของการเรียนหนังสือกันมาแล้วน่าจะพอเข้าใจว่ามันไม่ได้เป็นเรื่องที่สนุกสนานขนาดนั้นแถมยังกดดันอีกด้วย แต่เมื่อเขาไปโรงเรียนได้เจอเพื่อนๆ ที่ดี สังคมที่ดีนั่นก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่ทำให้การเรียนมีความสุข พอกลับมาบ้านแม้วันนั้นอาจจะทำการเรียนได้ไม่ดีเท่าไรนักแต่ก็มีคุณพ่อคุณแม่ที่พร้อมจะเข้าใจและแก้ไขไปกับเขา แค่เท่านี้การเรียนก็ไม่ใช่เรื่องที่ขมขื่นอีกต่อไปอย่างแน่นอน