Site icon คุณแม่ลูกอ่อน

“คลอดลูกในน้ำ” ทางเลือกใหม่ของคุณแม่มีดีอย่างไร

การคลอดลูกในน้ำนั้น ถือเป็นทางเลือกใหม่ในไทย แต่ในต่างประเทศมีกันมานานแล้วและเป็นที่นิยมอย่างมาก เพราะเป็นวิธีการคลอดแบบธรรมชาติอย่างหนึ่ง แค่เพียงเปลี่ยนจากการคลอดบนเตียงมาเป็นในอ่างน้ำแทน เชื่อว่าคุณแม่หลายท่านก็ให้ความสนใจกับการคลอดแบบนี้ไม่น้อย วันนี้จะมาอธิบายถึงข้อดีของการคลอดในน้ำให้ฟังกันค่ะ

การคลอดลูกในน้ำ

สำหรับการคลอดลูกในน้ำ จะใช้น้ำอุ่นซึ่งช่วยให้ร่างกายของคุณแม่ผ่อนคลายได้ ลองหลับตานึกภาพเวลาที่ได้แช่น้ำในอ่างอุ่นๆ ดูนะคะ ขนาดคนปกติได้นอนแช่น้ำเล่นแบบนั้นยังรู้สึกดีเลย ฉะนั้นหลักการนี้จึงนำมาช่วยในการคลอดในน้ำได้เช่นกันค่ะ เพราะด้วยแรงพยุงของน้ำจะช่วยให้ร่างกายลอยตัวได้ และน้ำอุ่นเองก็ยังช่วยลดความเจ็บปวดจากการคลอดได้ดีกว่าการนอนรอคลอดบนเตียงปกติ อุณหภูมิของน้ำที่เหมาะสมสามารถช่วยให้ร่างกายของคุณแม่หลั่งสารเอนโดฟินออกมาและช่วยกระตุ้นให้ฮอร์โมนที่ทำให้มดลูกหดตัวเร็วขึ้น จึงลดระยะเวลาเจ็บปวดลงด้วย

ธรรมชาติของน้ำนั้นจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ร่างกายได้

เมื่อคุณแม่ได้เอนกายลงในอ่างน้ำ ก็จะช่วยให้ช่องคลอด ปากช่องคลอด และฝีเย็บมีความชุ่มชื้นขึ้นกว่าตอนที่คลอดบนเตียง ทำให้บริเวณดังกล่าวได้รับการบาดเจ็บจากการคลอดเพียงเล็กน้อย และแผลก็จะหายไวขึ้นโดยไม่ต้องเย็บแผลเลย ส่วนใหญ่คนที่ได้นอนแช่ในน้ำขณะรอคลอด ปากมดลูกจะเปิดได้ไวและเบ่งลูกน้อยออกมาได้ง่าย คุณแม่บางท่านแทบไม่ต้องรอคุณหมอก็คลอดน้องก่อนเลยค่ะ เพราะทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก จะว่าไปถ้าเป็นคุณแม่ที่ไม่รู้สึกเจ็บท้องเตือนว่าจะคลอด สามารถไปนอนรอในน้ำอุ่นๆ เพื่อให้น้ำเป็นตัวช่วยกระตุ้นการคลอดแบบธรรมชาติได้ค่ะ

ช่วยทำให้ร่างกายขยับตัวได้อย่างอิสระ

เมื่อคุณแม่ได้นอนลงในอ่างน้ำ ร่างกายจะสามารถขยับตัวไปมาได้อย่างอิสระกว่าตอนคลอดบนเตียง จึงสามารถปรับท่าและตำแหน่งที่คลอดได้สะดวกกว่า ช่วยให้คุณแม่เก็บแรงไว้เบ่งน้องตอนคลอดได้เยอะเลยค่ะ เพราะไม่ต้องมัวดิ้นทุรนทุรายอยู่บนเตียง สมาธิของคุณแม่ก็จะจดจ่อกับการคลอดได้ดีขึ้นเพราะไม่ต้องกังวล นับว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีเลยค่ะ พอคุณแม่ผ่านพ้นช่วงเวลานี้ไปได้ คุณแม่ก็จะแข็งแกร่งมากขึ้นและจดจำช่วงเวลาที่ดีนี้ไปได้ตลอดชีวิต

เพิ่มความสัมพันธ์ในครอบครัว

นอกจากการคลอดในน้ำนี้จะมีข้อดีทางด้านสรีระร่างกายของคุณแม่แล้ว ยังมีข้อดีทางด้านความสัมพันธ์ในครอบครัวอีกด้วยนะคะ เพราะทางโรงพยาบาลได้อนุญาตให้คุณพ่อเข้าไปร่วมให้กำลังใจคุณแม่ได้ด้วย ถ้าเป็นในต่างประเทศ บางครอบครัวก็ให้คุณพ่อลงไปนอนและประครองคุณแม่ไว้ขณะคลอดด้วยค่ะ พอคลอดน้องปุ๊บ ก็จะได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งสามคนพ่อแม่ลูกกันเลยทีเดียว ช่างน่าอบอุ่นมากๆ เลยค่ะ สำหรับลูกน้อยที่คลอดด้วยวิธีนี้ จะไม่บอบช้ำหรือได้รับการบาดเจ็บมากนัก เพราะเป็นการคลอดที่นุ่มนวล ก็จะมีโอกาสเติบโตมาเป็นคนที่นุ่มนวล อ่อนโยน สามารถจัดการกับปัญหาได้อย่างสันติวิธีมากกว่าใช้ความรุนแรง แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการเลี้ยงดูด้วยนะคะ

ข้อจำกัดของการคลอดในน้ำ

มาดูข้อจำกัดของการคลอดในน้ำกันบ้างค่ะ ในด้านสุขภาพของคุณแม่นั้นจะต้องแข็งแรงและไม่มีภาวะแทรกซ้อนขณะตั้งครรภ์ เพราะขณะทำการคลอดจะไม่สามารถฟังเสียงหัวใจของทารกในครรภ์ได้ โดยรวมแล้วถ้าคุณหมอพิจารณาแล้วว่าคุณแม่ไม่สามารถคลอดแบบธรรมชาติได้ จำเป็นต้องใช้วิธีผ่าคลอดก็จะไม่สามารถคลอดในน้ำได้เช่นกันค่ะ อย่างเช่น คุณแม่ที่คลอดก่อนกำหนดหรืออายุครรภ์น้อยกว่า 37 สัปดาห์, คุณแม่ตั้งครรภ์ลูกแฝด, คุณแม่ที่มีภาวะความดันโลหิตสูง, น้ำคร่ำแตกเกิน 24 ชั่วโมงไปแล้ว, มีเลือดออกจากช่องคลอดผิดปกติ, หรือคนที่ต้องใช้ยาเร่งคลอด และทารกที่อยู่ในท่าก้นไม่พร้อมคลอด

โรงพยาบาลในประเทศไทยที่รองรับการคลอดในน้ำ มีเพียงแห่งเดียวคือ โรงพยาบาลสมิติเวชสุขุมวิท ซึ่งคิดรวมอยู่แพ็คเกจคลอดธรรมชาติ ราคาจะอยู่ที่ 64,000 บาท และ 76,000 บาท ขึ้นอยู่กับห้องพักที่เลือกด้วยค่ะ