Site icon คุณแม่ลูกอ่อน

ไบโอติน สำคัญต่อแม่ตั้งครรภ์อย่างไร?

ไบโอติน สำคัญต่อแม่ตั้งครรภ์อย่างไร?

เพราะคุณแม่ตั้งครรภ์นับได้ว่าต้องดูแลถึง 2 ชีวิต คือ ดูแลสุขภาพของตัวเอง และดูแลสุขภาพของลูกน้อยในท้อง ซึ่งมีสารอาหารสำคัญหลายอย่างทีเดียวค่ะที่ร่างกายของคุณแม่ตั้งครรภ์ที่นอกเหนือจากโฟเลต แคลเซียม และธาตุเหล็ก ซึ่ง “ไบโอติน” ก็มีความสำคัญไม่แพ้กันเลย

ไบโอติน คืออะไร?

หลายคนคงพอคุ้น ๆ หูกับชื่อ “ไบโอติน” มาบ้างจากโฆษณาแชมพูสระผม อ้าว…แล้วไบโอตินกินได้ไหม? ได้ค่ะ เพราะไบโอติน หรือก็คือวิตามินบี 7 ที่ช่วยในการเผาผลาญไขมันในร่างกายเหมือนกับวิตามินบีชนิดอื่น ๆ เลยค่ะ ละลายได้ในน้ำ ช่วยบำรุงผม เล็บ และผิวหนังให้มีสุขภาพดี แต่ไบโอตินก็อยู่ในอาหารหลาย ๆ ชนิดค่ะ เราสามารถทานได้ ซึ่งสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ควรทานให้ได้ 0.025 – 0.03 กรัมต่อวันค่ะ

หากแม่ตั้งครรภ์ขาดไบโอติน จะเป็นอย่างไร

ไบโอตินนับเป็นอีกหนึ่งสารอาหารที่สำคัญค่ะ ซึ่งถ้าคุณแม่ตั้งครรภ์ได้รับในปริมาณที่ไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย จะส่งต่อร่างกาย ดังนี้

  • มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคผิวหนังมากขึ้น
  • สุขภาพเส้นผมไม่แข็งแรง ผมร่วง ผิวหนังแห้ง และเล็บเปราะ ฉีกขาดง่าย
  • เสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวาน
  • มีอาการเบื่ออาหาร
  • เสี่ยงต่อการเป็นโรคปลายประสาทอักเสบ
  • เหนื่อยง่าย อ่อนเพลียง่าย อยากนอนทั้งวัน รู้สึกไม่สดชื่น
  • มีอาการซึมเศร้า เบื่อ ๆ
  • อยากนอนแต่นอนไม่หลับ
  • ลูกที่เกิดมา อาจมีความพิการแต่กำเนิดได้ อาทิ เป็นโรคปากแหว่ง เพดานโหว่ หรืออาจมีกระดูกที่ผิดรูป เป็นต้น

แหล่งอาหารที่มีไบโอติน

คุณแม่หลายคนอาจพอทราบว่าถ้าร่างกายอยากได้ธาตุเหล็กต้องทานอะไร อยากได้แคลเซียมจะหาได้จากที่ไหน แล้วไบโอตินล่ะ? ไม่ต้องกังวลแล้วค่ะ เพราะวันนี้เรามีข้อมูลมาฝากค่ะ ที่สำคัญเป็นแหล่งอาหารตามธรรมชาติอีกด้วยนะคะ

ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากไข่และนม

จากแหล่งข้อมูลหลาย ๆ แหล่ง ระบุว่า ไข่แดงเป็นแหล่งที่อุดมไปด้วยไบโอตินชั้นเยี่ยม นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์จากนมที่อุดมไปด้วยไบโอติน ได้แก่ นม ชีส และโยเกิร์ต เป็นต้น ซึ่งคุณแม่สามารถจัดเมนูอาหารที่ทานสลับกันก็ได้ค่ะ จะได้ไม่เบื่อ

เนื้อปลา

เนื้อปลาที่อุดมไปด้วยไบโอติน ได้แก่ เนื้อปลาซาร์ดีนและเนื้อปลาแซลมอน ซึ่งเนื้อปลาทั้ง 2 ประเภทนี้เรียกได้ว่ามีไบโอตินที่สูงมากทีเดียวค่ะ

ถั่วและธัญพืช

ต้องเน้นว่าเป็นถั่วและธัญพืชที่ไม่ขัดสีนะคะ เช่น ถั่วพีแคน วอลนัท อัลมอนด์ ถั่วลิสง ถั่วดำ และถั่วเหลือง ซึ่งคุณแม่สามารถหาซื้อได้ที่ร้านสะดวกซื้อหรือตามซุปเปอร์มาร์เก็ตทั่วไปได้เลยคะ มีให้เลือกหลายแบบ หลายยี่ห้อเลย

ผักและผลไม้

ผักและผลไม้ที่อุดมไปด้วยไบโอติน ได้แก่ อะโวคาโด ราสเบอร์รี กะหล่ำดอก เห็ด แครอท หัวหอม และแตงกวา เป็นต้น

อะโวคาโด นับเป็นแหล่งสารอาหารชั้นเลิศของคุณแม่ตั้งครรภ์เลยก็ว่าได้ค่ะ เพราะในอะโวคาโดมีสารอาหารสำคัญมากมาย ที่เด่น ๆ เลยก็คือ โอเมก้า 3 ที่ช่วยบำรุงเซลล์ประสาทสมองของลูกน้อยในครรภ์ให้มีพัฒนาการที่สมบูรณ์แข็งแรงค่ะ

ข้อควรรู้ในการทานไบโอติน

แม้ว่าไบโอตินจะมีประโยชน์มากมาย แต่คุณแม่ตั้งครรภ์ก็ควรศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับการทานให้ถูกต้องก่อน ดังนี้

  • ร่างกายจะดูดซึมไบโอตินได้ไม่ดีเท่าที่ควร หากคุณแม่ตั้งครรภ์ทานไข่ขาวดิบ แอลกอฮอล์ ยาที่มีส่วนผสมของฮอร์โมนเอสโตรเจน และยาที่อยู่ในกลุ่มซลเฟตมากเกินไป
  • ไบโอตินควรทานคู่กับวิตามินอื่น ๆ ด้วย เช่น วิตามินเอ วิตามินบี 1 วิตามินบี 3 วิตามินบี 6 เป็นต้น เนื่องจากวิตามินดังกล่าวจะช่วยในการดูดซึมอาหารเข้าสู่ร่างกาย
  • ในช่วงการตั้งครรภ์ในไตรมาสที่ 3 คุณแม่ควรทานไบโอตินตามปริมาณที่แพทย์แนะนำอย่างเคร่งครัด เนื่องจากไบโอตินในร่างกายของคุณแม่จะลดลงเร็วมาก หากกินน้อยเกินไปอาจทำให้คุณแม่อ่อนเพลีย และล้าได้
  • การทานไบโอตินมากเกินไปก็อาจเสี่ยงแท้งได้
  • หากคุณแม่ตั้งครรภ์ต้องการจะทานไบโอตินเสริม ควรปรึกษาแพทย์ก่อนนะคะ

คุณแม่ตั้งครรภ์ต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงมากมายตั้งแต่ไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์เลยค่ะ เนื่องจากฮอร์โมนมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว จึงผลต่อร่างกายและอารมณ์ แต่ทั้งนี้ คุณแม่ก็อย่าลืมที่จะดูแลตัวเองและลูกน้อยนะคะ ทานอาหารที่มีประโยชน์ บางอย่างควรเพิ่มมากขึ้นสักเล็กน้อยอย่างธาตุเหล็ก แคลเซียม และโฟเลต ซึ่งหากคุณแม่ต้องการทานอาหารเสริมชนิดไหน ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทุกครั้ง เพื่อความปลอดภัยของทั้งคุณแม่และลูกน้อยนะคะ