Site icon คุณแม่ลูกอ่อน

สามีควรรู้ ข้อห้าม ห้ามพูดเมื่อภรรยาท้อง

สามีควรรู้ ข้อห้าม ห้ามพูดเมื่อภรรยาท้อง

เชื่อว่าคุณพ่อหลาย ๆ คนคงจะพอรู้กันมาบ้างใช่ไหมคะว่าเมื่อศรีภรรยาท้องแล้ว อารมณ์จะแปรปรวนง่ายถึงง่ายมากกกก คุณพ่อบางคนบอกว่านี่ขนาดรู้มาก่อนนะ พอเจอของจริงไปไม่เป็นเลยทีเดียว เข้าใจค่ะว่าบางทีคุณพ่อก็คงมีเผลอไป เพียงแต่โยโย่เอฟเฟกต์ที่คุณพ่อได้รับมันเกินคาด 555 วันนี้แม่โน้ตจะชวนคุณพ่อมาทำความเข้าใจที่มาที่ไปในเรื่องอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงของคุณแม่กันสักหน่อย รวมถึงสิ่งที่คุณพ่อห้ามทำ ห้ามพูด เมื่อภรรยาท้องกันค่ะ

ทำไมอารมณ์แม่ท้องถึงเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

เมื่อคุณแม่ตั้งครรภ์ร่างกายมีการเปลี่ยนแปลง ส่งผลกระทบต่ออารมณ์ที่แปรปรวนโดยเฉพาะในช่วง 12 สัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์ คุณพ่ออาจเห็นคุณแม่มีอารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ หงุดหงิดง่าย ขี้น้อยใจ ร้องไห้เก่ง อ่อนไหวกับเรื่องง่าย ๆ
ทั้งนี้เกิดมาจากการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของฮอร์โมนที่เพิ่มสูงขึ้น จนส่งผลให้เกิดอาการต่าง ๆ เช่น เวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน หรือที่เรียกกันว่า อาการแพ้ท้อง นั่นเอง

หมายเหตุ

หากคุณแม่รู้ว่าตัวเองตั้งครรภ์จากชุดทดสอบการตั้งครรภ์แต่ยังไม่ได้ฝากครรภ์กับคุณหมอ แนะนำว่าควรไปตรวจเช็คกับคุณหมออีกครั้งเพื่อความมั่นใจนะคะ เพราะอาการที่คล้ายว่าแพ้ท้องนี้อาจเป็นอาการของคนท้องหลอก หรือภาวะท้องลมได้ค่ะ (คลิกที่นี่ >> “อาการคนท้องหลอก หรือภาวะท้องลม เป็นอย่างไร


รู้สึกคัดตึงเต้านม คลื่นไส้ อาเจียนมา 2 เดือน พอไปหาคุณหมอ คุณหมอบอกว่าเป็น ท้องลม งงมาก มันคืออะไร? ท้องหลอก กับท้องลม มีอาการเป็นอย่างไร ติดตามได้ที่นี่ คลิกเลย

สามีควรรู้ ข้อห้าม ห้ามพูดเมื่อภรรยาท้อง

บางครั้งคำพูดในบางคำที่สามีพูดออกมาไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม อาจส่งผลต่ออารมณ์ของภรรยา ทำให้เสียใจได้นะคะ ซึ่งคำพูดหรือประโยคที่ไม่ควรพูดเลย ได้แก่


“จะเหนื่อยอะไรขนาดนั้น”

เพราะฮอร์โมนที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ร่างกายของคุณแม่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน ไหนจะแพ้ท้อง ไหนจะกินอะไรไม่ได้ ไหนจะต้องพยายามปรับตัวอีก ดังนั้น คุณแม่จึงเหนื่อยและต้องการการพักผ่อนมากกว่าปกติค่ะ


“ทำไมท้องมันดูตึงใหญ่จัง น่ากลัวอะ”

เพราะคุณพ่อคงไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้ใกล้ ๆ แบบที่สามารถสัมผัสได้ แบบที่วันหนึ่งเมื่อคุณพ่อพูดคุยกับลูก แล้วลูกตอบสนอง เข้าใจได้ว่าอาจไม่คุ้น แต่เชื่อเถอะค่ะว่าท้องยิ่งโต คุณพ่อยิ่งตื่นเต้น เพราะจะได้เจอคนที่หลงรักแล้วแม้ยังไม่เคยพบหน้า


“ร้องไห้บ่อยไปไหม”

โชคดีที่คุณพ่อไม่มีอารมณ์นี้ เพราะคุณแม่ก็ไม่ได้อยากร้องไห้บ่อย ๆ เหมือนกันค่ะ เพียงแต่ฮอร์โมนที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เรียกว่าส่งผลในทุกด้านของคุณแม่เลยทีเดียว สำหรับในด้านของอารมณ์ของคุณแม่ที่คุณพ่อจะต้องเจอคือ บางเวลาอาจหัวเราะ มีความสุข บางเวลาอาจหงุดหงิด โมโห ร้องไห้ เหงา อยากอยู่คนเดียว ตื่นเต้นง่าย ฯลฯ ซึ่งคุณพ่อไม่ต้องพูดอะไรเลยก็ได้ค่ะ เพียงแค่อยู่ข้าง ๆ กัน โอบกอดให้กำลังใจคุณแม่ เท่านี้ก็พอแล้ว แถมยังส่งผลดีต่อลูกน้อยในครรภ์อีกด้วยนะคะ


“จะอยากกินอะไรตอนตี 3 เนี่ย”

คนท้องสามารถตื่นได้ตลอดเวลาค่ะ และจะหิวบ่อย แม่โน้ตนี่ก็หิวทุก 2 ชั่วโมง โชคดีที่ไม่แพ้ท้องเลย ซึ่งถ้าคุณพ่อเจอเหตุการณ์นี้ก็สามารถรับมือได้โดยการหาอาหารที่คุณแม่ชอบที่พอจะเก็บได้มาตุนไว้ แต่ถ้าคุณแม่อยากกินอะไรนอกเหนือจากที่ตุนไว้ คราวนี้งานเข้าคุณพ่อแล้วค่ะ แต่ให้คิดแบบนี้ดีกว่าค่ะว่า คุณแม่จะเป็นแบบนี้ไม่นานหรอกค่ะ ทำเพื่อภรรยา เพื่อลูกนะคะ


“ทำไมอยากกินนู่นกินนี่ตลอดเลย”

งานนี้คุณแม่มีร้องไห้แน่นอนค่ะ เพราะเขาจะรู้สึกว่าตัวเขาคือ ภาระ ที่ทำให้คุณต้องเหนื่อย ต้องรำคาญ ดีไม่ดีคิดออกอ่าวไปไกลกู่ไม่กลับอีก เรื่องใหญ่เลย อยากให้คุณพ่อกลับมาทำความเข้าใจกันใหม่ค่ะว่าที่คุณแม่มีอาการแบบนี้ก็เป็นเพราะฮอร์โมนที่คุณแม่เองก็ไม่สามารถควบคุมได้เช่นกัน แต่จะเป็นเฉพาะช่วงที่ตั้งครรภ์เท่านั้น


ความเป็นครอบครัวที่เกิดขึ้นจากพื้นฐานของ “ความรัก” ผลพวงที่ตามมามักสวยงามเสมอ แต่ความเป็นครอบครัวหากขาด “ความเข้าใจ เห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน และการให้อภัยกัน” แล้วนั้น ผลที่ตามมามันคงไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น คำพูดที่ทำทิ่มแทง ทำร้ายจิตใจกันมันสามารถส่งผลให้คน ๆ หนึ่งจิตตก และซึมเศร้าได้ เพราะฉะนั้นใจเขาใจเรานะคะ ตั้งสติก่อนพูดนะคะคุณพ่อ