เมื่อรู้ตัวว่าตั้งครรภ์ในช่วงไตรมาสแรก สิ่งที่ว่าที่คุณแม่ทั้งหลายมักต้องเผชิญ ก็คืออาการ แพ้ท้อง ซึ่งแต่ละคนจะมีอาการมากน้อยต่างกันไป และบางคนก็ไม่มีอาการเอาเสียเลย แต่สำหรับคุณแม่มือใหม่ที่ต้องเผชิญกับอาการแพ้ท้อง คงจะอยากรู้แล้วว่าอาการแพ้ท้องเป็นอย่างไร และเราจะสามรถรับมือกับอาการเหล่านั้นได้อย่างไรบ้าง
สารบัญ
อาการแพ้ท้องคืออะไร
อาการแพ้ท้อง หรือ Morning sickness คืออาการที่คุณแม่ที่เริ่มตั้งครรภ์เริ่มรู้สึกไม่สบายกาย เช่นเหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย คลื่นไส้ อาเจียน ไม่อยากอาหาร แต่อาการเหล่านี้จะค่อยๆ ดีขึ้นเมื่ออายุครรภ์เกิน 3 เดือนขึ้นไป แต่ถ้าหากใครตั้งครรภ์แล้วไม่แพ้ท้องก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ และโชคดีเป็นอย่างมาก อาจเกิดจากร่างกายที่แข็งแรง และสภาพจิตใจที่ดี จึงไม่มีอาการดังกล่าว
สาเหตุของอาการแพ้ท้อง
อาการแพ้ท้องเป็นอาการที่ยังไม่สามารถระบุสาเหตุแน่ชัดได้ แต่คาดว่าอาจเกิดจากสาเหตุ 2 ประการคือ เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน Human Chorionic Gonadotropin (HCG) ที่เพิ่มมากขึ้น รวมถึงประสาทการรับกลิ่นที่สูงขึ้น ประสาทรับรสที่เปลี่ยนไป รวมถึงการเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย และอีกสาเหตุหนึ่งคือ เกิดจากความเครียด และความวิตกกังวลของคุณแม่เอง ที่ส่งผลให้เกิดอาการแพ้ท้องได้เช่นกัน
อาการคนแพ้ท้อง
อาการแพ้ท้องในคุณแม่แต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน บางคนแพ้มาก บางคนแพ้น้อย และบางคนอาจไม่แสดงอาการแพ้เลย อาการที่พบในคุณแม่ตั้งครรภ์โดยทั่วไปได้แก่ อาการคลื่นไส้ อาเจียน เวียนศรีษะ เมื่อตื่นนอนตอนเช้า เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย ง่วงหงาวหาวนอนตลอดเวลา มีอาการขมปากขมคอ รู้สึกเหม็นบางสิ่งบางอย่างทั้งที่ก่อนหน้าที่จะตั้งครรภ์ไม่เคยเหม็นสิ่งนั้นมาก่อน และในบางรายก็มีอารอยากกินอะไรแปลกๆ ที่ไม่เคยกินมาก่อน
การแพ้ท้องมากกว่าปกติ
การแพ้ท้องมากกว่าปกติ หรือ Hyperemesis gravid arum คือการที่สตรีตั้งครรภ์มีอาการคลื่นไส้อาเจียนมาก ไม่สามารถรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำได้ จนทำให้เกิดภาวะขาดน้ำ น้ำหนักตัวลด หรือมีการเปลี่ยนแปลงระดับเกลือแร่ในเลือดและในร่างกาย ทำให้เกิดความผิดปกติของสารในร่างกาย ซึ่งหากมีอาการมากขนาดนี้ จำเป็นต้องไปพบแพทย์เพื่อรักษาอาการ
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้แพ้ท้องมากกว่าปกติ
- เป็นการตั้งครรภ์ครั้งแรก
- น้ำหนักตัวมารดามาก
- ตั้งครรภ์แฝด
- ตั้งครรภ์ไข่ปลาอุก
วิธีรับมือกับอาการแพ้ท้อง
ในกรณีที่แพ้ท้องไม่มากนักให้คุณแม่เข้าใจว่า เป็นเรื่องธรรมชาติ อย่าวิตกกังวลมากจนเกินไป ให้คิดเสียว่ามีออีกหนึ่งชีวิตที่เราต้องดูแล ทำจิตใจให้สบายขึ้น แล้วอาการแพ้ท้องจะดีขึ้นโดยไม่ต้องรับประทานยาใดๆ หากยังมีอาการสามารถบรรเทาอาการได้ตามวิธีดังต่อไปนี้
- ในแต่ละวันให้แบ่งมื้ออาหารออกเป็นมื้อย่อยๆ หลายๆ มื้อ หรือทานครั้งละน้อยๆ แต่ทานบ่อยๆ จะช่วยใหอาหารย่อยง่ายขึ้น เพราะหากทานแต่ละมื้อจนอิ่มเกินไป อาจทำให้เกิดอาการแน่นท้อง คลื่นไส้ อาเจียน
- เมื่อตื่นนอนตอนเช้า ให้คุณแม่รีบหาของขบเคี้ยวประเภท บิสกิต แคร็กเกอร์ หรือขนมปังกรอบมารับประทาน แล้วนอนพักต่อสัก 20-30 นาทีก่อนลุกจากเตียง
- รับประทานอาหารที่มีโปรตีนสูง จะช่วยลดอาการแพ้ท้องได้ และควรลดอาหารปรเภทไขมัน เช่น ทอด ผัด
- พยายามดื่มน้ำมากๆ เช่น น้ำผลไม้ น้ำขิงอุ่นๆ เพราะน้ำขิงจะช่วยลดอาการแพ้ท้องได้
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ทำจิตใจให้สบาย หากิจกรรมช่วยผ่อนคลายเช่น ดูหนัง ฟังเพลง ก็จะช่วยให้อาการแพ้ท้องทุเลาลงได้ แต่ไม่ควรนอนทันทีหลังจากรับประทานอาหารอิ่ม
อาการแพ้ท้องโดยส่วนมาก จะหายไปเองโดยไม่ต้องรับประทานยา ช่วงเวลานี้คุณสามีก็มีส่วนสำคัญที่จะช่วยดูแลเอาใจใส่ภรรยา ให้ผ่านพ้นช่วงเวลานี้ไปได้ เพราะสภาพจิตใจถือเป็นเรื่องสำคัญมาก แต่อาการแพ้ท้องที่แปลกๆ เช่น อยากกินของแปลกๆ ที่ไม่เคยกิน และไม่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่นบางคนอยากกินดิน อะไรแบบนี้ แนะนำให้คุณแม่หักห้ามใจอย่าไปกินเสียดีกว่า แล้วอาการเหล่านี้จะค่อยๆ หายปเอง
สำหรับคุณบางคนที่มีอาการแพ้ท้องมากกว่าปกติ เช่น รับประทานอาหารไม่ได้ อาเจียนตลอดเวลา ก็ควรไปพบสูตินรีแพทย์ก่อนถึงเวลานัด เพื่อให้แพทย์ตรวจหาสาเหตุที่ทำให้แพ้ท้องมากเกินปกติ อาจมีการให้น้ำเกลือ แต่ไม่แนะนำให้ซื้อยารับประทานเองเด็ดขาด