Site icon คุณแม่ลูกอ่อน

5 โรคที่ชอบมาทักทายช่วงคุณแม่ตั้งครรภ์

นอกจากการดูแลสุขภาพของลูกในครรภ์แล้ว สุขภาพของคุณแม่ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ควรให้ความสำคัญเป็นอย่างมากเพราะถ้าสุขภาพของแม่ดีอย่างไรก็ส่งผลดีถึงลูกอย่างแน่นอน
แต่ในเวลาที่กำลังตั้งครรภ์อยู่นั้นก็แอบมีโรคที่ชอบแวะเวียนมาหาในช่วงนี้อยู่เหมือนกันทั้งแบบที่เป็นแล้วก็สร้างความรำคาญใจไปจนถึงบางโรคที่ถ้าเกิดเป็นละก็ยุ่งกันแน่นอน
วันนี้เราจะมีเตือนภัยถึง 5 โรคที่ชอบแวะเวียนมาทักทายคุณแม่ในช่วงตั้งครรภ์กันก่อนให้ได้เตรียมตัวป้องกันให้ถูกวิธี รู้ทันได้ถูกทางกัน และห่างไกลจากโรคเหล่านี้กัน

รู้จักไว้ให้ครบ 5 โรคช่วงตั้งครรภ์

ไข้หวัดใหญ่

ว่ากันว่าการเป็นไข้หวัดหรือไข้หวัดใหญ่อย่างไรก็จะแวะเวียนมาหาคุณแม่ในช่วงตั้งครรภ์อย่างน้อย 1 ครั้ง แต่ไม่ต้องกังวลไปเจ้าไข้หวัดไม่ได้มีผลกับลูกในครรภ์แต่ยาบางตัวที่ต้องทานมากกว่าที่อาจจะมีผลกระทบกับเขาได้ ดังนั้น เมื่อคุณแม่ไม่สบายควรรีบไปปรึกษาแพทย์เพื่อจะได้ทานยาให้หายและปลอดภัยกับลูกน้อยด้วย
แต่ถ้าตอนนี้คุณแม่กำลังเผชิญอยู่กับไข้หวัดกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วนั้นเราก็มีวิธีดูแลตัวเองมาแนะนำกันด้วย

  • คอยดูแลร่างกายให้อบอุ่นอยู่เสมอ
  • เวลานอนพยายามยกศีรษะให้สูงขึ้นเล็กน้อยเพื่อให้หายใจได้สะดวกขึ้น
  • พยายามทานอาหารให้ได้ตามปกติไม่ว่าจะหิวหรือไม่หิวก็ตามเพราะลูกยังรออาหารอยู่
  • ควรมีน้ำเปล่าให้เป็นของคู่กายในช่วงนี้
  • นำน้ำเกลืออุ่นๆ มากลั้วคอเพื่อช่วยฆ่าเชื้อโรคในลำคอของคุณ
  • ถ้ายังมีไข้สูงควรหมั่นเช็ดตัวและดื่มน้ำเย็นเพื่อช่วยลดไข้ลดความร้อนภายในร่างกาย

หัดเยอรมัน

อยู่ไทยก็เป็นได้กับโรคหัดเยอรมันโดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณแม่ในช่วงตั้งครรภ์ควรระวังตัวกันไว้ให้ดี ซึ่งโดยปกติแล้วผู้ที่วางแผนจะมีลูกจะได้รับคำแนะนำจากแพทย์ให้ฉีดวัคซีนป้องกันหัดเยอรมันกันไว้ก่อนแล้ว แต่ถ้าคุณแม่คนไหนยังไม่ได้ฉีดก็ควรไปตรวจเพื่อตรวจดูว่ามีภูมิต้านทานอยู่หรือไม่

แต่ถ้าพลาดพลั้งเป็นหัดเยอรมันกันแล้วนั้นก็ต้องมาดูกันที่อายุครรภ์ก่อนว่ามีอายุประมาณเท่าไร แต่ต้องคอยหมั่นสังเกตกันให้ดีเพราะ 2-3 สัปดาห์แรกที่มีการติดเชื้อจะแสดงอาการออกมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เช่น มีไข้ต่ำๆ ปวดเมื่อยตัว และต่อมน้ำเหลืองโตเล็กน้อย แต่การติดเชื้อหัดเยอรมันนั้นน่ากลัวตรงที่จะมีผลกับเด็กทารกโดยตรงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เลย

โดยอายุของครรภ์มีผลกับอาการติดเชื้อด้วยถ้าติดเชื้อตั้งแต่อายุครรภ์ยังไม่มากนักในช่วงเดือนแรกๆ อาจจะทำให้หลังจากคลอดเด็กอาจมีโอกาสพิการมากถึง 35% เลยทีเดียว แต่หากไปติดเชื้อช่วงหลัง 3 เดือนไปนั้นก็อาจมีผลกับเด็กเพียง 10-15% แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามการวางแผนและป้องกันไว้ตั้งแต่แรกนั้นถือเป็นสิ่งที่อยากจะแนะนำกันมากที่สุด

การติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ

10% ของคุณแม่ที่ตั้งครรภ์อยู่นั้นจะมีโอกาสติดเชื้อ และ 1 ใน 3 ของคนที่เป็นแล้วจะมีโอกาสเป็นซ้ำ โดยอาการที่พบของโรคนี้ก็คือ กระเพาะปัสสาวะอักเสบ และมักจะไม่แสดงอาการ แต่จะพบเมื่อมีการตรวจปัสสาวะในตอนฝากครรภ์ หากพบการติดเชื้อจะต้องรีบรักษาให้หายโดยเร็วที่สุดเพื่อป้องกันการลุกลามของเชื้อ

หากได้รับการติดเชื้อแล้วจะต้องมีการทานยาจนกว่าจะครบ แต่มีอีกหนึ่งปัจจัยเสี่ยงที่น่ากลัวนั่นก็คือ การติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะนั้นหากไม่ได้รับการรักษาอาจจะลามไปถึงการเป็นกรวยไตอักเสบได้ และถ้าเกิดมาเป็นกรวยไตอักเสบในช่วงเดือนที่ 7 อาจจะทำให้ส่งผลกระทบก็คือ การคลอดก่อนกำหนด ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่เสี่ยงต่อลูกน้อยเป็นอย่างมาก ดังนั้นหากพบว่าตนเองมีอาการติดเชื้อดังกล่าวควรรีบไปปรึกษาแพทย์และรับยามาทานตามที่แพทย์สั่ง

โรคอีสุกอีใส

ส่วนใหญ่แล้วคุณแม่หลายๆ คนตอนเป็นเด็กอาจจะเคยเป็นอีสุกอีใสกันมาแล้วแต่บางคนที่ยังไม่เป็นและยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนนั้นก็อาจจะต้องระวังให้มากเพราะหากเป็นโรคอีสุกอีใสแล้วในผู้ใหญ่จะมีความรุนแรงมากกว่าการเกิดตอนเป็นเด็ก และภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ที่เกิดขึ้นนั้นจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อลูกในครรภ์อย่างแน่นอน

จำเป็นที่จะต้องเข้ารับแกมม่าโกลบูลินภายใน 96 ชั่วโมงหลังการสัมผัสโรค จะช่วยลดความรุนแรงของโรคได้

โรคท็อกโซพลาสโมซิส

คุณแม่ที่เลี้ยงแมวจำเป็นจะต้องระวังโรคนี้เป็นพิเศษเพราะการติดเชื้ออาจจะมาจากอุจจาระของแมวที่คุณเลี้ยงได้ หรืออาจจะมาจากสาเหตุของการทานเนื้อดิบที่มีเชื้อนี้เข้าไปอีกด้วย

และหากคุณแม่เกิดติดเชื้อนี้เข้าไปอาจมีผลต่อลูกในครรภ์จนถึงขั้นทำให้ลูกเสียชีวิตในครรภ์เลยก็เป็นได้หรือหากคลอดออกมาก็อาจจะต้องพบกับอาการคลอดก่อนกำหนด หรือเกิดความผิดปกติของสมองได้เลยทีเดียว

แต่อาการของโรคนี้บางรายอาจจะไม่แสดงอาการหรือเป็นเพื่อการแสดงอาการแบบมีไข้ต่ำๆ อ่อนเพลีย ต่อมน้ำเหลืองโต และหลังจากนั้นประมาณ 2-3 สัปดาห์จะมีผื่นคันตามตัว แต่คุณแม่ที่เลี้ยงแมวมาเป็นเวลานานอาจโชคดีมีภูมิต้านทานโรคนี้อยู่ แต่อย่างไรก็ตามการป้องกันก็ย่อมดีกว่านั่นก็คือการหมั่นไปตรวจเลือดทุกๆ 1-2 เดือนจนกว่าจะคลอดเพื่อจะได้รักษาและป้องกันได้อย่างมทันท้วงทีนั่นเอง

โรคภัยไข้เจ็บในสมัยนี้มีวิวัฒนาการที่รวดเร็วมากจนทำให้คุณแม่อาจจะต้องหาวิธีมาคอยดูแลป้องกันทั้งตัวเองและลูกในครรภ์ให้ปลอดภัย แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ การออกกำลังกาย รวมไปถึงการฝึกจิตใจให้สงบให้มีจิตใจที่ดีอยู่เสมอก็จะเป็นตัวช่วยหลักๆ ที่สำคัญในการที่ทั้งคุณแม่และลูกในครรภ์จะมีสุขภาพที่แข็งแรงไปได้ด้วยกัน