Site icon คุณแม่ลูกอ่อน

ท้องแต่มีประจำเดือน เป็นไปได้หรือ?

ท้องแต่มีประจำเดือน เป็นไปได้หรือ?

ตรวจการตั้งครรภ์ก็พบว่าตัวเองกำลังตั้งครรภ์ แต่ทำไมยังมีประจำเดือนอยู่ สรุปแล้วท้องจริงไหม สรุปแล้วเกิดจากอะไร มีอะไรที่ต้องกังวลหรือเปล่า วันนี้เราจะมาไขข้อข้องใจกันค่ะ

ทำไมถึงมีประจำเดือน

ปกติแล้ว ผู้หญิงเราจะมีประจำเดือนออกมา ซึ่งประจำเดือนเกิดจากไข่ที่ตกมาไม่ได้รับการผสมกับอสุจิ ไม่เกิดการปฏิสนธิ จึงส่งผลให้เยื่อบุผนังมดลูกหลุดลอกออกมา ซึ่งการที่ไม่มีประจำเดือนมานั่นหมายถึง ไข่ได้รับการผสมและปฏิสนธิ หรือก็คือการตั้งครรภ์นั่นเอง แต่กลับพบว่าในคุณแม่บางคนที่ตั้งครรภ์ กลับยังคงมีประจำเดือนมาอยู่
อาการนี้สามารถพบได้บ่อยในคุณแม่ท้องในช่วงแรก ๆ ของการตั้งครรภ์ค่ะ หลายคนเรียกว่าเลือดล้างหน้าเด็ก โดยจะมีเลือดออกจากช่องคลอดเล็กน้อย ทำให้หลายคนเข้าใจไปว่าคือประจำเดือน

อาการเลือดออกขณะตั้งครรภ์

เลือดออกขณะตั้งครรภ์ฟังดูแล้วน่ากลัว แต่ความเป็นจริงแล้วเลือดที่ว่าคือเล็กน้อยเท่านั้นค่ะ ซึ่งเกิดจากการฝังตัวของตัวอ่อนที่เยื่อบุโพรงมดลูก ส่วนใหญ่จะมีอาการนี้ประมาณ 5-7 วัน หลังจากที่ไข่ได้รับการผสมแล้ว อาการที่เกิดขึ้นนี้ไม่ถือว่ามีอะไรที่น่ากังวล และไม่เป็นอันตรายแต่อย่างใดค่ะ หากคุณแม่ได้รับการตรวจและยืนยันจากแพทย์แล้วว่ามีการตั้งครรภ์จริง

ประจำเดือน กับ เลือดล้างหน้าเด็ก ต่างกันอย่างไร

โดยทั่วไปประจำเดือนจะมีปริมาณที่มากกว่า และมีสีที่สดกว่า เลือดล้างหน้าเด็กค่ะ ส่วนเลือดที่ล้างหน้าเด็กนั้นจะมีปริมาณที่น้อยกว่ามาก ซึ่งถ้าไม่แน่ใจ แนะนำว่าให้ซื้อที่ตรวจครรภ์มาตรวจค่ะ ซึ่งถ้าผลออกมาว่าตั้งครรภ์ เลือดที่ออกมาแสดงว่าเป็นเลือดล้างหน้าเด็ก แต่ถ้าผลออกมาว่าไม่ได้มีการตั้งครรภ์ แปลว่า เลือดที่ออกมาคือ ประจำเดือน

มีประจำเดือนแต่ท้อง เสี่ยงต่ออะไรได้บ้าง?

ภาวะแท้งคุกคาม

หากระหว่างการตั้งครรภ์ คุณแม่พบว่าตัวเองมีเลือดไหลออกจากช่องคลอด (และมีปริมาณมากว่าเลือดล้างหน้าเด็ก) มีระยะการตั้งครรภ์ที่ 20 สัปดาห์ รวมถึงมีอาการปวดท้องน้อยร่วมด้วย (แต่ในบางรายก็ไม่พบอาการปวด) แบบนี้ให้สันนิษฐานได้ว่ามีภาวะแท้งคุกคามค่ะ ซึ่งภาวะแท้งคุกคาม เกิดได้จากหลายสาเหตุค่ะ เช่น ทารกมีความพิการ หรือโครโมโซมมีความผิดปกติ เป็นต้น

ตั้งครรภ์แบบไม่พบตัวอ่อน

การตั้งครรภ์แบบไม่พบตัวอ่อน หรือสามารถเรียกได้อีกอย่างหนี่งว่า “ท้องลม” นั่นเอง ข้อนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ไข่กับอสุจิที่ได้รับผสมไปเป็นตัวอ่อนแล้ว ไปฝังตัวอยู่ที่เยื่อบุโพรงมดลูก แต่ส่วนของตัวเด็กฝ่อไป เหลือเพียงแต่ถุงซึ่งไม่ฝ่อ หากเกิดกณีเช่นนี้ ต้องมีการขุดผนังมดลูก แต่ในบางรายอาจหลุดออกมาเองภายใน 6-12 สัปดาห์ นอกจากนี้ยังพบสาเหตุอื่น ๆ ที่ทำให้เกิดการตั้งครรภ์แบบไม่พบตัวอ่อนอีก ได้แก่ มดลูกและฮอร์โมนมีความผิดปกติ เป็นต้น

ตั้งครรภ์นอกมดลูก

ข้อนี้คุณแม่บางคนอาจเคยได้ยินมาบ้าง เรื่องการตั้งครรภ์นอกมดลูก เพราะเป็นกรณีที่สามารถเกิดขึ้นได้ค่อนข้างบ่อย โดยอาการคือ ปวดท้องน้อย และมีเลือดออกจากช่องคลอด ซึ่งถ้าหากถุงในครรภ์แตก อาจส่งผลให้อาการหนักขึ้น มีการตกเลือดในช่องท้อง คุณแม่จะตัวซีด ความดันต่ำลง หากเข้ารับการรักษาไม่ทันท่วงที อาจถึงขั้นเสียชีวิตได้

ตั้งครรภ์ไข่ปลาอุก

เป็นอีกหนึ่งการตั้งครรภ์ที่ผิดปกติเช่นกัน โดยจะมีเลือดออกกะปริกะปรอยและจะมีออกมามากคล้ายกับมีประจำเดือน มีอาการแพ้ท้องมาก ครรภ์เป็นพิษ มีอาการตัวบวม ขาบวม เท้าบวม

เลือดออกเมื่ออายุครรภ์เกิน 20 สัปดาห์ เกิดจากอะไร?

หลังจากที่คุณแม่อุ้มท้องมาได้ 20 สัปดาห์แล้ว แต่จู่ ๆ ก็พบว่าตัวเองมีเลือดออกมาจากช่องคลอด จะมีสาเหตุมาจากอะไรได้บ้าง ไปติดตามกันค่ะ
โดยทั่วไปแล้วคุณแม่ที่ตั้งครรภ์จะมีรกที่เกาะอยู่ในบริเวณส่วนบนของมดลูก ทั้งนี้ หากรกไปเกาะบริเวณด้านล่างของมดลูก หรือเกาะต่ำมาจนเกือบคลุมปากมดลูก แบบนี้เรียกว่า มดลูกเกาะต่ำ
รกลอดตัวก่อนกำหนด ส่งผลให้มีเลือดออกมาได้ หรืออาจมีก้อนเลือดใต้รก ด้วยเหตุนี้เองจำทำให้คุณแม่มีอาการปวดท้องน้อย และมีอาการเจ็บท้องคลอดก่อนกำหนด
มีการฉีกขาดของหลอดเลือดที่หุ้มซึ่งกรณีจะพบได้น้อยมาก

จากทั้งหมดที่กล่าวมา ทันทีที่คุณแม่รู้ว่าตัวเองตั้งครรภ์นั้น ควรรีบไปฝากครรภ์ เพื่อเข้ารับการวินิจฉัยและการดูแลจากแพทย์ให้เร็วที่สุด เพราะเมื่อตั้งครรภ์ ร่างกายของคุณแม่มีการเปลี่ยนแปลงไปมาก ซึ่งระหว่างทางของการตั้งครรภ์นั้นไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับคุณแม่หรือลูกน้อยในครรภ์ เลือดออกขณะตั้งครรภ์ หากมีไม่มาก และแพทย์ยังยืนยันการตั้งครรภ์อยู่ แบบนี้ก็สบายใจได้ค่ะ ส่วนที่เหลือคือคุณแม่ต้องดูแลตัวเองดี ๆ ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่เท่านั้นค่ะ