Site icon คุณแม่ลูกอ่อน

ท้องอ่อน…ห้าม! ทำอะไรบ้าง?

การเพิ่งเริ่มตั้งท้องของคุณแม่นั้นมีเรื่องราวที่ต้องปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์และข้อควรระวังเพิ่มขึ้นมาอยู่บ้างเพื่อความปลอดภัยของทั้งร่างกายของคุณแม่เองและลูกในท้อง แต่ช่วงที่อยากจะมาเน้นกันในวันนี้ให้คุณแม่ดูแลและใส่ใจตัวเองเป็นพิเศษนั่นก็คือช่วงที่ท้องอ่อน 1-3 เดือนแรกนั่นเอง ส่วนจะมีอะไรกันบ้างมาติดตามไปพร้อมๆ กันได้เลย

ท้องอ่อน…ให้ระวังสิ่งเหล่านี้ให้ดี

ความเครียด

ขอเลือกมาเป็นอันดับแรกกันเลยเพราะเชื่อว่าคุณแม่หลายคนต้องเจอกับความเครียดกันเป็นส่วนใหญ่ทั้งเรื่องส่วนตัว เรื่องงานรวมไปถึงเรื่องของการเพิ่งเริ่มตั้งท้องนั้นน่าจะทำให้เครียดกันได้ไม่น้อยเลยทีเดียว ซึ่งความเครียดมันก็เป็นสิ่งที่ทำร้ายร่างกายของคุณและทำร้ายลูกน้อยในท้องได้ไม่น้อยเลยทีเดียว

ซึ่งความเครียดสามารถทำร้ายอะไรคุณแม่ได้บ้างก็บอกได้เลยว่า มันเพิ่มโอกาสการแท้ง กระตุ้นการเกิดสารเคมีและฮอร์โมนในร่างกาย หลอดเลือดแคบลง ออกซิเจนไปเลี้ยงมดลูกไม่พอ และอาจส่งผลยาวทำให้ลูกต้องคลอดก่อนกำหนดก็เป็นได้ และในช่วงที่ลูกอยู่ในท้องสมองของเขาสามารถรับความเครียดจากคุณแม่ได้ทำให้เมื่อเขาคลอดออกมาแล้วอาจจะต้องเจอกับปัญหาของโรคสมาธิสั้น โรคในกลุ่มออทิสติก ด้วยก็เป็นได้

โบกมือลาแอลกอฮอล์

โดยเฉพาะในช่วง 3 เดือนแรกนั้นแอลกอฮอล์ที่คุณแม่ดื่มเข้าไปนั้นสามารถทำลายเซลล์ประสาทของลูกน้อยได้ ทำให้เขามีปัญหากับภาวการณ์เติบโต ทั้งน้ำหนักน้อย ศีรษะเล็ก โครงสร้างสมองผิดปกติ สติปัญญาอาจจะบกพร่อง ความจำไม่ดี ลามไปถึงอาจมีปัญหาเรื่องพฤติกรรมเลยก็เป็นได้

และถ้าคุณแม่ดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมากนั้นอาจทำให้ลูกเกิดอาการเฉพาะกลุ่มที่เรียกว่า Fetal alcohol syndromeได้อีกด้วย

เลี่ยงสภาพแวดล้อมที่ไม่ดี

คำว่าสภาพแวดล้อมไม่ดีในที่นี้หมายถึงไม่ดีทั้งกับร่างกายและจิตใจของคุณแม่นั่นเอง โดยเฉพาะสภาพแวดล้อมที่ไม่ดีกับร่างกาย เช่น สกปรก มีควันบุหรี่ มีสารเคมี อย่างเช่น การทาสี ฉีดยากันยุง เมื่อสูดดมหรือผิวหนังสัมผัสอาจจะเกิดอันตรายได้นั่นเอง

การวิจัยพบว่าถ้าคุณแม่ที่ตั้งท้องอ่อนๆ ในช่วง 1-3 เดือนแรกอยู่ในสภาวะแวดล้อมที่ไม่ค่อยดีนั้นจะเสี่ยงต่อภาวะครรภ์เป็นพิษมากยิ่งขึ้นรวมทั้งอาจมีผลทำให้คลอดก่อนกำหนดได้อีกด้วย

นอกจากนี้เรื่องของการล้างผักผลไม้ที่ทานก็เป็นเรื่องสำคัญเพราะถ้าคุณแม่ทานผักผลไม้ที่ปนเปื้อนยาฆ่าแมลงเข้าไปเยอะๆ แล้วล่ะก็จะทำให้ลูกเสี่ยงแขนขาพิการตั้งแต่กำเนิดได้อีกด้วย และสุดท้ายอยากให้คุณแม่เลี่ยงการเจอกับรังสีจากการเอ็กซเรย์หรือบริเวณที่มีการแผ่รังสี เพราะอาจมีผลกระทบกับลูกได้ ทำให้เขาพิการแต่กำเนิด เติบโตช้า มีผลกับพัฒนาการทางด้านสมองและเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งได้อีกด้วย

การใช้ยา

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นอย่างมากการที่คุณแม่จะทานยาอะไรระหว่างที่ท้องนั้นจำเป็นที่จะต้องปรึกษาแพทย์ก่อนทุกครั้งว่าสามารถทานได้หรือไม่และอย่าใช้เกณฑ์จากคุณแม่คนอื่นๆ ตัดสินเพราะร่างกายของแต่ละคนไม่เหมือนกันการปรึกษาแพทย์แบบตัวต่อตัวเป็นสิ่งที่ควรทำการทานยาทุกอย่างมากที่สุด

อาหารปรุงไม่สุกและอาหารทะเล

แน่นอนว่าอาหารที่ปรุงไม่สุกอาจจะมีเชื้อแบคทีเรียก็เป็นได้โดยเฉพาะโรคทอกโซพลาสโมซิส (toxoplasmosis) ที่เกิดจากการติดเชื้อ ทอกโซพลาสมา กอนดิไอ (Toxoplasma gondii) และมันคือสาเหตุที่ทำให้คุณแม่ต้องเจอกับอาการท้องเสียนั่นเอง

และเชื้อเหล่านี้ยังสามารถลามไปยังลูกน้อยในท้องของคุณแม่ได้อีกด้วย ถ้าคุณแม่ติดเชื้อทอกโซพลาสมา กอนดิไอในช่วง 3 เดือนแรกของการตั้งท้องนั้นจะทำให้มีความเสี่ยงถึง 45 เปอร์เซ็นต์ที่จะติดต่อสู่ลูกน้อยในครรภ์ผ่านทางรก โดยทารกที่ติดเชื้อนี้มีโอกาสแท้ง หรือตายแรกคลอดได้เลยทีเดียว