Site icon คุณแม่ลูกอ่อน

คนท้องห้ามกินวิตามินเอ อันตรายต่อทารกในครรภ์

คนท้องห้ามกินวิตามินเอ อันตรายต่อทารกในครรภ์

ทันทีที่ว่าที่คุณแม่รู้ว่าตัวเองกำลังจะมีลูก คงดีใจกันยกใหญ่ ทั้งตัวคุณแม่เอง คุณพ่อ รวมไปถึงคนรอบข้าง หลายๆ คนคงหาอาหารดีๆ หาวิตามินดีๆ มาให้ว่าที่คุณแม่ทานแต่…เดี๋ยวก่อนค่ะ!ก่อนที่จะให้ว่าที่คุณแม่ทานวิตามินนั้น เรามาดูข้อมูลตรงนี้กันซักนิดค่ะ มีวิตามินหลาย ๆ ตัวที่ว่าที่คุณแม่ต้องการ เพื่อเป็นการบำรุงลูกน้อยในท้อง แต่รู้หรือไม่…ว่า “คนท้องห้ามทานวิตามินเอ” หรือถ้าจะทานควรทานในปริมาณเท่าใดถึงจะปลอดภัยต่อลูกน้อยในท้อง

วิตามินสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์

ก่อนที่เราจะให้ว่าที่คุณแม่ทานวิตามินนั้น ทางที่ดีควรศึกษาก่อนนะคะว่าวิตามินตัวไหนช่วยในเรื่องอะไรบ้าง

วิตามินบี 1 เป็นอีกหนึ่งวิตามินที่สำคัญต่อพัฒนาการของระบบสมองส่วนกลางของลูกน้อยในท้อง ปริมาณที่ควรได้รับในแต่ละวันคือ 1.5-1.6 mg.
วิตามินบี 2 ควรทานให้ได้1.6 mgต่อวัน
วิตามินบี 6 ช่วยเสริมสร้างระบบประสาทและระบบสมองของลูกน้อยในท้อง และอาจมีส่วนลดอาการแพ้ท้องได้อีกด้วย
วิตามินบี 9 หรือ กรดโฟลิก ตัวนี้ต้องทำดอกจันพันตัวเลยค่ะ สำคัญมาก เพราะตัวนี้จะช่วยในเรื่องพัฒนาการที่ดีของลูกน้อยโดยเฉพาะช่วง 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ กลับกัน หากว่าที่คุณแม่ได้รับกรดโฟลิกในปริมาณที่น้อยเกินไป อาจส่งผลให้ลูกน้อยในท้องพิการทางสมอง รวมไปถึงระบบประสาทไขสันหลังได้ โดยปริมาณที่แนะนำต่อวัน คือ 360-400 mcg.
วิตามินบี 12 ปริมาณที่ควรได้รับต่อวันคือ 2.2 mg.
วิตามินซี ปริมาณที่ควรได้รับต่อวันคือ 70-95 mg.
วิตามินอี ช่วยในเรื่องการเสริมสร้างกล้ามเนื้อ รวมถึงเซลล์เม็ดเลือดของลูกน้อย หากขาดวิตามินอีหรือได้รับในปริมาณที่ไม่เพียงพอต่อความต้องการ จะส่งผลให้ลูกน้อยมีน้ำหนักแรกคลอดที่ต่ำกว่าเกณฑ์
วิตามินดี ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูกให้กับลูกน้อย ช่วยทำให้โครงสร้างของกระดูกมีความแข็งแรง สมบูรณ์เมื่อเค้าเติบโตขึ้น
แคลเซียม ตัวนี้ก็ต้องกาดอกจันเป็นพัน ๆ ตัวเหมือนกันค่ะ เพราะแคลเซียมนับเป็นสิ่งที่ทั้งว่าที่คุณแม่และลูกน้อยในท้องต้องการ เพราะแคลเซียมจะช่วยในเรื่องพัฒนาการของกระดูกลูกน้อย หากได้รับในปริมาณที่น้อยเกินไป อาจทำให้กระดูกของลูกน้อยไม่แข็งแรง หรืออาจเกิดอาการกระดูกพรุนได้ค่ะโดยปริมาณที่แนะนำต่อวัน คือ 1,200-1,500 mg.
ไอโอดีน ในช่วงระยะเวลาที่คุณแม่ตั้งท้องนั้น ต่อมไทรอยด์จะทำงานมากขึ้น ทำให้ร่างกายของคุณแม่ต้องการไอโอดีนมากขึ้น ซึ่งหากว่าที่คุณแม่ได้รับไอโอดีนในปริมาณที่ไม่เพียงพอต่อความต้องการ จะส่งผลให้ลูกน้อยมีน้ำหนักตัวน้อย ตัวเตี้ย และมีสติปัญญาต่ำ ปริมาณที่ควรได้รับต่อวัน คือ 175-200 mcg.
ธาตุเหล็ก ช่วยในเรื่องการพัฒนาของเซลล์เม็ดเลือด และมีส่วนช่วยในเรื่องการเจริญเติบโตของลูกน้อยในท้อง ปริมาณที่ควรได้รับต่อวัน คือ 30 mg.
แมกนีเซียม ปริมาณแนะนำที่ควรได้รับต่อวัน คือ 300-355 mg.
ฟอสฟอรัส ปริมาณแนะนำที่ควรได้รับต่อวัน คือ 1,200 mg.ขึ้นไป
ซีลีเนียม ปริมาณแนะนำที่ควรได้รับต่อวัน คือ 65 mcg.
น้ำมันปลา คุณแม่ควรเลือกอาหารเสริมที่มีปริมาณ DHA และ EPA สูงด้วยนะคะ เพราะตัวนี้จะช่วยส่งเสริมพัฒนาการของระบบประสาทและสมองของลูกน้อยในท้อง ซึ่งจะส่งผลให้ลูกมีความฉลาด สมองไว เรียนรู้ได้เร็ว
โปรตีน ตัวนี้มีสำคัญในเรื่องของการสร้างเซลล์ต่างๆ ของลูกน้อยในท้อง

วิตามินเอ สาเหตุทำทารกพิการ

มีผลงานการวิจัยในเชิงระบาดวิทยาชิ้นหนึ่งที่เลือกศึกษาผู้หญิงตั้งครรภ์จำนวน 22,748 คน แล้วเปรียบเทียบการได้ทารกพิการของแต่ละคนกับขนาดของวิตามินเอที่ร่างกายได้รับระหว่างการตั้งครรภ์ โดยพบว่า หากขณะที่ตั้งครรภ์นั้นร่างกายได้รับวิตามินเอมากกว่า 10,000 IU ต่อวัน จะส่งผลให้ทารกในครรภ์พิการได้มากกว่าการตั้งครรภ์ของคนทั่วไป 3.7 เท่า

นอกจากนี้ ในผลงานการวิจัยยังระบุอีกด้วยว่า ยิ่งหญิงตั้งครรภ์กินวิตามินเอเข้าไปมากเท่าไหร่ ยิ่งเป็นการเพิ่มโอกาสให้ทารกเกิดความพิการได้มากเท่านั้น แต่ว่าทั้งนี้ทั้งนั้น การวิจัยในครั้งนี้เป็นการการสุ่มตัวอย่างกับยาหลอก ซึ่งถือว่าเป็นหลักฐานที่อาจจะไม่สามารถยึดถือได้ ซึ่งถ้าจะให้ทำการวิจัยในเรื่องนี้อย่างจริงจังก็ทำได้ยากเช่นกัน เนื่องจากขัดต่อจริยธรรมมากเกินไป

แม่ท้องกินวิตามินเอเท่าไหร่ถึงจะปลอดภัย

ในวงการแพทย์ได้ให้คำแนะนำที่ได้รับการยอมรับสำหรับคนทั่วไปรวมถึงผู้ที่ตั้งครรภ์ว่า ไม่ควรกินวิตามินเอเสริมมากเกิน 4,000 – 8,000 IU ต่อวัน ถ้าจะพิจารณากันให้ละเอียดอาหารที่เรากินกันอยู่ทุกวันนี้ก็มีปริมาณของวิตามินเอมากพอแล้ว เช่น ตับ ไข่ นม เนื้อ ไก่ และปลา ดังนั้น จึงไม่จำเป็นที่จะต้องกินเสริมเข้าไปอีก

วิตามินเอในอาหารที่คนท้องต้องระวัง

ถึงแม้ว่าวิตามินเอจะมีอยู่ในอาหารที่เรากินอยู่แล้วในทุกวัน อย่างไรก็ตามยังมีบางสิ่งที่แม่ท้องพึงระวัง ดังนี้

วิตามินเอจากสัตว์

ซึ่งถูกดูดซึมในรูปของเรตินอล ได้แก่ ตับ ไข่ นม ชีส แต่ถ้าคุณแม่ไม่ได้ทานทุกวัน ในปริมาณมาก ๆ อย่างต่อเนื่องแบบนี้ก็ไม่เป็นอันตรายค่ะ

วิตามินเอสังเคราะห์

ข้อนี้จะอยู่ในรูปของยาหรืออาหารเสริม คุณแม่ควรระวังอย่างยิ่ง เพราะหากร่างกายได้รับมากเกินไปในช่วงไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์ อาจเสี่ยงต่อการแท้งหรือทารกพิการแต่กำเนิดได้ นอกจากนี้ยังมีในเรื่องของยาที่รักษาสิวอุดตันชนิดรุนแรงที่นิยมใช้กันมากอย่างไอโซเตรตติโนอิน ตัวนี้ห้ามใช้เด็ดขาด! ไม่ว่าจะในรูปแบบทาหรือแต้มบนใบหน้า เพราะสามารถส่งผลต่อทารกในครรภ์ได้ด้วยเช่นกัน

ข้อมูลอ้างอิง นพ.อานนท์ เรืองอุตมานันท์

วิตามินเอจากผัก ผลไม้ ทานได้มั้ย?

วิตามินเอในผัก ผลไม้นั้นจะอยู่ในรูปของ “เบต้าแคโรทีน” ซึ่งเป็นสารตั้งต้นที่ร่างกายจะใช้ผลิตวิตามินเอ ไม่ใช่รูปของ “เรตินเอ” เหมือนที่มีในเนื้อสัตว์ ดังนั้น ไม่มีอันตรายต่อลูกในท้องค่ะ
รู้อย่างนี้แล้วหากว่าที่คุณแม่ทานผัก ผลไม้ให้หลากหลายเข้าไว้ก็จะได้รับสารอาหารที่หลากหลายครบถ้วนนะคะ ไม่จำเป็นต้องรับวิตามินเอเสริม เพื่อลดความเสี่ยงในการสูญเสียลูกน้อย

ข้อมูลอ้างอิง medthai.com