Site icon คุณแม่ลูกอ่อน

ทำอย่างไรให้ลูกน้อยเลิกติดขนม

ขนมกับเด็กเล็กคือสิ่งที่ขาดกันได้ยากเพราะเด็กๆ เขามักจะตื่นเต้นและอยากรู้อยากลองไปเสียทุกอย่างโดยเฉพาะกับขนมที่ชอบมีหน้าตาน่าสนใจดึงดูดให้เด็กๆ จะต้องงอแงร้องขอคุณพ่อคุณแม่ให้ได้กิน แต่ก็อย่างที่รู้กันดีว่าขนมเป็นสิ่งที่เด็กชอบแต่ก็ไม่เป็นผลดีกับสุขภาพของเด็กๆ มากนักเช่นเดียวกัน เพราะสามารถทำให้มีความเสี่ยงกับไตและเสี่ยงกับทั้งเบาหวาน ความอ้วน ฟันผุ แถมในบางครั้งเขายังกินขนมกันเพลินจนอิ่มและไม่ยอมที่จะกินอาหารที่มีประโยชน์ถูกหลักโภชนากันอีกด้วย จึงมีผลต่อสุขภาพของเขาโดยตรงอย่างแน่นอน ถ้าเป็นแบบนั้นแล้วลองมาหาวิธีให้ลูกเลิกติดขนมกันไปเลยดีกว่า

มาเริ่มรู้จักกับเคล็ดลับที่ทำให้ลูกน้อยเลิกติดขนมกันดีกว่า

1.เปลี่ยนเวลาในการให้กินขนม

หากคุณลองเปลี่ยนมาให้ลูกกินขนมในช่วงหลังมื้ออาหารแทนวิธีนี้น่าจะทำให้ลูกค่อยๆ กินขนมได้น้อยลงเองเพราะอิ่มแถมยังไม่ขัดใจลูกที่อยากกินขนมอีกด้วย หากเขาติดขนมมากอาจจะต้องยอมให้กินทุกครั้งหลังมื้ออาหารตามที่เขาเรียกร้องแต่ถ้าเป็นไปได้ถ้าเขาไม่เรียกร้องอยากกินขนมหลังมื้ออาหารก็ให้คุณพ่อคุณแม่หากิจกรรมดีๆ มาเบี่ยงเบนความสนใจของเขาแทน

2.เล่าถึงผลลัพธ์ในทางลบที่ลูกอาจจะได้รับหากกินขนมเยอะเกินไป

ไม่มีอะไรที่ทำให้คนเข้าใจได้นอกจากความเป็นจริง การนำกรณีต่างๆ มายกตัวอย่างให้ลูกฟังอย่างมีเหตุผลไม่ใช่การขู่ให้เขากลัวจะค่อยๆ ทำให้เขาซึมซับและเห็นภาพมากยิ่งขึ้น อาจจะเริ่มจากการอธิบายถึงอาการฟันผุที่อาจทำให้ลูกต้องเจ็บปวด หรือความอ้วนที่อาจจะทำให้เขาอึดอัดและเป็นผลเสียกับสุขภาพได้ในอนาคต เป็นต้น

3.เลิกให้ขนมเป็นรางวัล

การให้รางวัลถือเป็นการสร้างทัศนคติบวกให้กับลูก ถ้าลูกตั้งใจทำอะไรแล้วสำเร็จและได้ขนมถุงหรือขนมที่ไม่ค่อยมีประโยชน์เป็นรางวัลบ่อยๆ แล้วล่ะก็เขาก็จะคิดว่าสิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่ดีจนต้องได้เป็นรางวัลเมื่อคุณห้ามไม่ให้เขากินในโอกาสอื่นอาจจะทำให้เขาไม่เข้าใจและขัดแย้งกับคุณได้ ควรหันไปให้อย่างอื่นกับเขาแทนและควรเป็นสิ่งที่มีประโยชน์และลูกชอบไปพร้อมๆ กัน

4.มีข้อกำหนดในการกินอย่างชัดเจน

หากจะห้ามไม่ให้ลูกกินขนมโดยเด็ดขาดน่าจะเป็นผลเสียมากกว่า พูดได้เลยว่าสำหรับเด็กเล็กการยิ่งห้ามเหมือนการยิ่งยุและอาจจะทำให้ลูกเครียดโดยใช่เหตุ จะดีกว่ามากหากคุณแค่กำหนดปริมาณที่เขาจะสามารถกินขนมในแต่ละครั้งได้โดยพิจารณาจากความเหมาะสมของอายุลูกและหลักโภชนาการมาประกอบกันและอธิบายให้ลูกเข้าใจไปพร้อมๆ กันด้วย เหมือนให้เขาได้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจนั่นเอง

5.พ่อแม่คือตัวอย่างที่ดีที่สุด

คงไม่ต้องอธิบายเลยว่าถ้าคุณห้ามลูกกินขนมแต่ทั้งคุณพ่อคุณแม่เองนั่งกินขนมถุงไปดูหนังกันไปลูกน่าจะเกิดความสงสัยและไม่เข้าใจคิดว่ามันเป็นความไม่ยุติธรรมเสียมากกว่าความหวังดี ดังนั้นในครอบครัวควรอดทนและทำทุกอย่างไปในแนวทางเดียวกัน นี่อาจจะทำให้ลูกเลิกอยากกินขนมได้ง่ายขึ้นเพราะว่าเขาไม่เคยเห็นเลยว่าพ่อแม่ของเขานั้นกินขนมที่ไม่มีประโยชน์อย่างที่เคยสอนเขาเอาไว้นั่นเอง

แล้วถ้าจะให้ลูกกินขนมควรเลือกอย่างไรดี

นอกจากผลไม้ที่มีรสชาติหวานถูกใจเด็กๆ และเป็นตัวช่วยในการเบี่ยงเบนความสนใจจากขนมได้ดีตัวเลือกหนึ่งแล้วนั้นอย่างไรก็ต้องยอมรับว่าไม่มีทางที่ลูกจะไม่รู้สึกอยากกินขนมเพราะต่อให้เขาชอบผลไม้มากแค่ไหนก็อาจจะมีบางวันที่เบื่อและอยากจะกินขนมดูบ้าง ถ้าเป็นแบบนั้นแล้วมาหาความลงตัวของขนมที่สามารถให้ลูกๆ ทานได้อย่างสบายใจกันไว้ด้วยดีกว่า

1.ตรวจสอบข้อมูลทางโภชนาการกันก่อน

ทั้งน้ำตาล โซเดียม และไขมัน รวมไปถึงปริมาณแคลอรี่ในขนมแต่ละอย่างนั้นคือจุดที่คุณพ่อคุณแม่ควรพิจารณาให้ดีก่อนการเลือกซื้อขนมให้ลูกโดยดูจากอายุและน้ำหนักของลูกเพื่อความเหมาะสมนั่นเอง

2.พยายามเลือกขนมที่ทำมาจากธรรมชาติ

การมองาขนมที่ผ่านการแปรรูปมาน้อยที่สุดหรือเป็นขนมที่ผ่านการพาสเจอร์ไรซ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรียต่างๆ เรียบร้อยแล้วย้อมปลอดภัยกับลูกมากกว่าเพราะจะไม่มีสารกันบูดนั่นเอง

3.ขนมที่ดีจะไม่ทำให้ลูกต้องหิวน้ำ

การที่ลูกได้รับโซเดียมมากเกินไปอาจจะทำให้เขามีอาการหิวน้ำมากซึ่งไม่ดีกับไตของเขาอย่างแน่นอน ซึ่งส่วนใหญ่จะพบในขนมถุง ถ้าเป็นไปได้ควรให้ลูกหลีกเลี่ยงขนมประเภทนี้ไปเลยจะเป็นการดีที่สุด

การดูแลเอาใจใส่และการสอนลูกให้เข้าใจถึงประโยชน์และโทษของสิ่งต่างๆ อย่างแท้จริงนั้นจะเป็นเรื่องที่ต้องค่อยๆ ปลูกฝังควบคู่ไปกับเหตุผลและการเป็นตัวอย่างที่ดีของคุณพ่อคุณแม่ อย่าใจร้อนและหงุดหงิดกับลูกหากเขายังไม่เข้าใจสิ่งที่คุณหวังดีเพราะอย่างไรก็ตามหากคุณดูแลใส่ใจเขาอย่างที่สุดแล้วเวลาจะเป็นตัวช่วยให้ลูกค่อยๆ เข้าใจความหวังดีของคุณเอง