Site icon คุณแม่ลูกอ่อน

อากาศร้อน คนท้องดื่มน้ำอัดลมหรือน้ำโซดาซ่าๆ ได้ไหม?

ถ้าถามเรื่องฤดูในประเทศไทยดูเหมือนว่าจะมีแค่ 2 ฤดูเท่านั้นคือ ฤดูร้อน กับร้อนมาก โดยเฉพาะช่วงเดือนเมษายนนี้เป็นอะไรที่พีคสุดแล้ว ลำพังถ้าเป็นคุณแม่ที่ไม่ได้ตั้งครรภ์ยังพอทำเนา ยังพอได้ดื่มน้ำเย็นบ้างแค่ชื่นใจหรืออาจเป็นน้ำอัดลมบ้างพอหอมปากหอมคอ แต่…ถ้าเป็นคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์อยู่ล่ะ? จะดื่มน้ำอัดลมหรือน้ำผสมโซดาซ่าๆ ได้ไหม?

ก่อนจะไปดูกันว่าได้หรือไม่ได้อย่างไรนั้น เราคงต้องหันมามองที่ตัวน้ำอัดลมกันก่อนซึ่งเชื่อว่าทุกคนทราบดีว่าน้ำอัดลมนั้นมีน้ำตาลในปริมาณที่สูง ไม่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ยิ่งดื่มนานๆ ไปก็จะสะสมในร่างกายทำให้อ้วน แต่วันนี้เราจะมาไขข้อข้องใจกันว่าในน้ำอัดลมมีส่วนผสมอะไรบ้าง? และ…คุณแม่ตั้งครรภ์ดื่มได้หรือไม่? เราไปไล่เรียงกันค่ะ

ในน้ำอัดลมมีส่วนผสมอะไรบ้าง?

ขึ้นชื่อว่าน้ำอัดลมไม่ว่ารสชาติไหน สีไหนก็มีส่วนผสมที่เหมือนกันหมดนะคะ ไปดูกันเลยค่ะว่ามีอะไรบ้าง

น้ำ

ในร่างกายคนเรามีน้ำเป็นองค์ประกอบประมาณ 60-70% น้ำ…นอกจากจะทำให้เราสดชื่นขึ้นแล้ว ยังเป็นตัวรักษาสมดุลต่างๆ ในร่างกาย เช่น การรักษาอุณหภูมิในร่างกายให้คงที่ เพราะน้ำมีตัวที่จุความร้อนมาก นอกจากนี้ยังช่วยละลายสารอาหารต่างๆ เช่น วิตามิน แร่ธาตุ ทำให้ร่างกายนำไปใช้ได้ แต่น้ำไม่ได้พลังงานอะไรแก่ร่างกาย

น้ำตาลซูโครส

หรือก็คือน้ำตาลทรายนั่นเอง ซึ่งเป็นสารอาหารที่จัดอยู่ในประเภทคาร์โบไฮเดรต ให้พลังงาน 4 กิโลแคลอรีต่อกรัม

ซึ่งถ้าดูข้างขวดจะพบว่า ทุกๆ 100 มิลลิลิตร จะประกอบด้วยน้ำตาลประมาณ 10.6 กรัม (แต่ละชนิดมีไม่เท่ากัน) หรือประมาณ 42.4 กิโลแคลอรี ถ้าเราดื่มน้ำอัดลม 1 ลิตร จะได้พลังงาน 424 กิโลแคลอรี

ในแต่ละวันร่างกายคนเราต้องการพลังงาน 2000-2500 กิโลแคลอรี ดังนั้น น้ำอัดลมจึงทำให้รู้สึกสดชื่นและอิ่ม แต่การที่ร่างกายมีน้ำตาลมาก อินซูลินจะทำงานหนัก เพราะมันต้องการจะเก็บน้ำตาลไว้ในกระแสเลือดซึ่งมากกว่าที่ร่างกายต้องการ ส่วนนี้จะกลายเป็นไกลเจนและไขมันใต้ผิวหนัง ทำให้เราอ้วนขึ้นนั่นเอง

กรดคาร์บอนิก

เป็นส่วนประกอบที่ทำให้น้ำอัดลมซ่า มีฟอง และมีรสเปรี้ยวอ่อนๆ กรดนี้เกิดจากการทำปฏิกิริยากันระหว่างน้ำกับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ โดยใช้ความดันสูงบังคับหรืออัดนั่นเอง
กรดคาร์บอนิกสามารถย่อยสลายหินปูนได้ ดังนั้น จึงสามารถกัดกร่อนกระดูกและฟันได้เช่นกัน นอกจากนี้ ยังทำให้ระคายเคืองต่อระบบทางเดินอาหาร นอนหลับยาก ได้อีกด้วย

คาเฟอีน

พบมากในชา และกาแฟ มีฤทธิ์กระตุ้นประสาทส่วนกลาง ทำให้ตื่นตัวและลดง่วง หากดื่มน้ำอัดลมเป็นประจำอาจส่งผลให้เวลาในการนอนหลับพักผ่อนเพี้ยนไป ส่งผลเสียต่อร่างกายทั้งคุณแม่และลูกในท้อง

วัตถุกันเสียหรือสารกันบูด

ในน้ำอัดลมนิยมใช้กรดซิตริก (เป็นกรดที่อยู่ในมะนาว) ป้องกันการเติบโตของยีสต์และแบคทีเรียได้ดี แต่เป็นกรดที่ค่อนข้างแรง หากร่างกายได้รับมากเกินไป อาจเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งได้

ผลเสียของคุณแม่ตั้งครรภ์ที่ดื่มน้ำอัดลม

เสี่ยงต่อโรคเบาหวาน ขณะตั้งครรภ์

จากข้อมูลข้างต้นคุณแม่คงได้ทราบกันแล้วว่าในน้ำอัดลมนั้นมีปริมาณน้ำตาลสูง หรือบางคนบอกว่าไม่เป็นไร ขอดื่มแบบน้ำตาล 0% แทน แนะนำว่าเปลี่ยนความคิดนี้ด่วนค่ะ เพราะสารที่ให้ความหวานแทนน้ำตาลนั้นจะส่งผลเสียต่อลูกน้อยในครรภ์เช่นกัน

ท้องอืด

เดิมที่คุณแม่ตั้งครรภ์ การย่อยก็ลำบากอยู่แล้ว ยิ่งถ้าคุณแม่เอาน้ำอัดลมเข้าไปอัดในท้องอีกก็จะยิ่งทำให้แน่นท้อง ไม่สบายตัวไปกันใหญ่

เสี่ยงต่อโรคกระดูกพรุนและฟันผุ

น้ำอัดลมจะเป็นตัวยับยั้งการดูดซึมของแคลเซียม ซึ่งขณะที่คุณแม่ตั้งครรภ์นั้น ลูกน้อยก็ต้องดึงแคลเซียมจากคุณแม่ไปใช้ แต่หากลูกและคุณแม่ไม่สามารถได้รับแคลเซียมเพียงพอ ก็จะเกิดผลเสียต่อทั้งคุณแม่และลูกได้ค่ะ

ผลเสียต่อลูกในครรภ์

  1. พัฒนาการช้า ร่างกายไม่สมบูรณ์นัก
  2. น้ำหนักตัวเกิน และเสี่ยงเป็นโรคอ้วนได้ในอนาคต
  3. มีโอกาสเสพติดคาเฟอีนตั้งแต่เกิด
  4. เสี่ยงเป็นมะเร็งได้ตั้งแต่เกิด เพราะสารกันบูดและสารปรุงแต่งในน้ำอัดลมนั่นเอง

มาถึงตรงนี้แล้ว คุณแม่คงจะตัดสินใจเลือกดื่มน้ำได้อย่างเหมาะสมแล้วใช่ไหมล่ะคะ^^