Site icon คุณแม่ลูกอ่อน

ภาวะน้ำเดินก่อนกำหนด ความเสี่ยงที่มีผลต่อลูกในครรภ์

ภาวะน้ำเดินก่อนกำหนด ความเสี่ยงที่มีผลต่อลูกในครรภ์

ภาวะน้ำเดินก่อนกำหนด เป็นภาวะที่มักจะเกิดขึ้นกับคุณแม่ตั้งครรภ์ ที่เริ่มเข้าสู่ช่วงระยะในการเจ็บท้องคลอด ซึ่งถือว่าเป็นภาวะที่ค่อนข้างเสี่ยงที่เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นได้บ่อยครั้ง เนื่องจากว่าภาวะเหล่านี้ ถือว่าเป็นภาวะที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อทั้งตัวคุณแม่และทารกในครรภ์ได้ ดังนั้น เป็นประโยชน์และให้ความรู้แก่คุณแม่ที่กำลังอยู่ในช่วงตั้งครรภ์ เราจึงได้รวบรวมข้อมูลและรายละเอียดของอาการเหล่านี้ ให้ได้ทราบ และรู้จักภาวะน้ำเดินให้มากยิ่งขึ้น โดยจะมีรายละเอียด ดังต่อไปนี้

ภาวะน้ำเดิน คืออะไร

ภาวะน้ำเดิน หรือ เรียกอีกอย่างว่า “น้ำคร่ำแตก” นั้น เป็นอาการที่เกิดขึ้นในช่วงไตรมาสสุดท้ายของการตั้งครรภ์ ซึ่งจะเกิดจากการที่มดลูกเริ่มมีการหดตัว หรือบีบให้เด็กทารกสามารถเคลื่อนตัวไปสู่บริเวณอุ้งเชิงกรานได้โดยง่าย แน่นอนว่าแรงกดจากมดลูกบีบตัวนั้น มีผลทำให้ถุงน้ำคร่ำแตก ซึ่งจะสังเกตได้จากเริ่มมีของเหลวไหลออกมา ทั้งหมดนี้เป็นอาการที่ถูกเรียกว่า “น้ำเดิน” นั่นเอง

อย่างไรก็ตาม อาการน้ำเดินในคนท้องถือว่าเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้ แต่หากเป็นภาวะน้ำเดินก่อนกำหนด ถือว่าเป็นอาการผิดปกติที่มีความเสี่ยงต่อทั้งตัวคุณแม่และทารกภายในครรภ์ และถือว่าเป็นสัญญาณความเสี่ยงที่ค่อนข้างอันตราย

ภาวะน้ำเดินในคนท้องเกิดขึ้นได้ในช่วงไหน

ภาวะน้ำเดินก่อนกำหนด หรือ PROM (Premature rupture of membranes) ซึ่งเป็นชื่อเรียกทางการแพทย์นั้น ถูกเรียกว่า ภาวะถุงน้ำคร่ำแตกหรือรั่วนั่นเอง ซึ่งจะมีอาการที่เป็นสัญญาณเตือนก่อนจะมีการเจ็บท้องคลอดของคุณแม่ที่อยู่ในช่วงของการตั้งครรภ์และมักจะเกิดขึ้นในช่วงอายุครรภ์ก่อนครบ 37 สัปดาห์ ในขณะที่น้ำเดินในภาวะปกติ มักจะเกิดขึ้นที่อายุครรภ์ประมาณ 37-40 สัปดาห์

น้ำคร่ำ คืออะไร

น้ำคร่ำ เป็นของเหลวสีใสหรือมีสีออกไปทางเหลืองเล็กน้อย โดยจะมีสภาวะอยู่บริเวณรอบตัวของทารกภายในครรภ์ หรืออยู่ในถุงน้ำคร่ำ ซึ่งจะมีปริมาณอยู่ที่ 30 มิลลิลิตรเมื่อคุณแม่มีอายุครรภ์อยู่ที่ประมาณ 10 สัปดาห์ และเมื่อคุณแม่มีอายุครรภ์ประมาณ 16 สัปดาห์ น้ำคร่ำจะเพิ่มปริมาณขึ้นไปอยู่ที่ 200 มิลลิลิตร และอาจเพิ่มได้มากสูงสุดอยู่ที่ประมาณ 800 มิลลิตร เมื่อคุณแม่มีอายุครรภ์อยู่ที่ 36 สัปดาห์ขึ้นไป

ภาวะน้ำเดินก่อนกำหนด อันตรายอย่างไร

ถือว่าเป็นภาวะที่มีความอันตรายอย่างมาก เนื่องจากเป็นภาวะที่ก่อให้เกิดการติดเชื้อบริเวณโพรงมดลูกของคุณแม่ได้ และยังสามารถทำให้ทารกภายในครรภ์มีอาการติดเชื้อที่ค่อนข้างรุนแรงได้อีกด้วย ซึ่งแน่นอนว่าอาการติดเชื้อของทารกนั้น ก่อให้เกิดปัญหาทางด้านพัฒนาการต่างๆ ของเด็กทารกที่ส่งผลระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นหัวใจทำงานผิดปกติ ปอดไม่สมบูรณ์ ไม่เพียงเท่านั้น ทารกที่คลอดออกมา อาจเกิดภาวะทุพพลภาพได้อีกด้วย

สัญญาณเตือน ที่บ่งบอกให้คุณแม่ต้องรีบไปพบแพทย์

โดยปกติของภาวะน้ำเดิน เมื่อเกิดขึ้นแล้ว คุณแม่จะต้องรีบติดต่อแพทย์ และเข้าพบโดยเร็วที่สุด เนื่องจากว่าเป็นสัญญาณเตือนที่บอกได้ว่าเด็กทารกภายในครรภ์ กำลังจะออกมาลืมตาดูโลกในอีกไม่ช้า อย่างไรก็ตามอาจมีอาการข้างเคียงที่ถือว่าเป็นความผิดปกติ ที่บอกได้ว่าอาจมีอาการติดเชื้อเกิดขึ้นได้ โดยจะมีอาการ ดังต่อไปนี้

  • มีไข้สูงร่วมกับภาวะน้ำเดิน
  • หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ
  • มีอาการปวดท้องต่อเนื่อง ที่สามารถเข้าใจได้ว่าไม่ใช่อาการปวดท้องคลอดลูก
  • ของเหลวที่ไหลออกมามีกลิ่นไม่พึงประสงค์ หรือ กลิ่นเหม็น
  • เหงื่อออกมากผิดปกติ
  • มดลูกบาง

ปัจจัยที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงภาวะน้ำเดินก่อนกำหนด

ในปัจจุบัน ยังไม่พบปัจจัยที่เป็นสาเหตุที่เกี่ยวข้องอย่างแน่ชัด อีกทั้งการวิจัยพยาธิที่เป็นจุดกำเนิดของภาวะน้ำเดินก่อนกำหนด ก็ยังไม่เป็นที่เข้าใจ แต่ก็มีการวิจัยว่าสาเหตุของการเกิดความเสี่ยงเหล่านี้ มีความเกี่ยวข้องกับสาเหตุ ดังต่อไปนี้

การติดเชื้อบริเวณระบบอวัยวะสืบพันธุ์

มีการติดเชื้อจากเชื้อแบคทีเรียก ที่มีชื่อว่า Phospholipase ซึ่งถือว่าเป็นเอนไซม์ ที่กระตุ้นให้เกิดการสร้างสาร Prostaglandins ที่จะไปกระตุ้นการหดตัวของมดลูกอีกทีหนึ่ง จนเกิดทำให้เชื้อแบคทีเรียที่กล่าวไปในข้างต้นนั้น เข้าไปสู่บริเวณมดลูกหรือบริเวณถุงน้ำคร่ำ และกระตุ้นให้เกิดการสร้าง Inflammatory mediators ที่เป็นปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการเกิดภาวะการแตกของถุงน้ำคร่ำได้

ภาวะเลือดออกบริเวณช่องคลอด

คุณแม่ตั้งครรภ์ ที่พบว่ามีประวัติเลือดออกภายในช่องคลอดในช่วงไตรมาสสุดท้ายของการตั้งครรภ์ หรือมีประวัติเลือดออกบ่อยครั้ง มักจะทำให้เกิดภาวะน้ำเดินก่อนกำหนดได้

การสูบบุหรี่

พบว่าคุณแม่ตั้งครรภ์ที่มีการสูบบุหรี่จะมีความเสี่ยงได้มากกว่าคุณแม่ตั้งครรภ์ที่ไม่สูบบุหรี่มากถึง 2-4 เท่า และถือว่ามีความเสี่ยงค่อนข้างสูง

นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ที่อาจมีความเกี่ยวข้องกับภาวะเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็น ภาวะน้ำคร่ำที่มากจนเกินไป การเกิดเนื้องอกบริเวณมดลูก ปากมดลูกสั้น โลหิตจาง และรกลอกตัวก่อนครบกำหนด อย่างไรก็ตามคุณแม่ควรมีการตรวจครรภ์เป็นประจำ เพื่อเฝ้าระวังอาการเหล่านี้ได้

สรุปได้ว่า หากคุณแม่พบว่าตนเองมีปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ที่อาจทำให้เกิดภาวะน้ำเดินก่อนกำหนดได้ ควรเข้าพบแพทย์เพื่อปรึกษา หรือ ควรรีบฝากครรภ์ตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อให้แพทย์ช่วยเฝ้าระวังอาการต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อเกิดการตั้งครรภ์ขึ้นแล้ว คงไม่มีคุณแม่คนใด อยากอยู่ในภาวะที่ครรภ์มีความเสี่ยง และก่อให้เกิดอันตรายต่อเด็กทารกอย่างแน่นอน ดังนั้น การดูแลสุขภาพของตนเอง จึงเป็นสิ่งสำคัญ และจำเป็นต้องทำเมื่อคุณแม่เริ่มรู้ตัวแล้วว่าเริ่มมีชีวิตน้อยๆ กำลังเกิดขึ้น