ผิวของลูกน้อยนั้นยังคงบอบบางกว่าผู้ใหญ่มากเลยทีเดียวสำหรับเด็กบางคนเพียงต้องเจอกับมลภาวะเพียงนิดเดียวก็อาจจะเกิดอาการแพ้และระคายเคืองได้คุณพ่อคุณแม่จึงต้องสรรหาวิธีมาป้องกันอาการเหล่านี้ของลูกกันให้วุ่นแต่อาจจะยังมีจุกที่ถูกละเลยไปนั่นก็คือเสื้อผ้าของลูกนั่นเองที่มีความจำเป็นที่จะต้องดูแลและทำความสะอาดให้ถูกวิธีและเหมาะสม…จะมีเคล็ดลับการดูแลเสื้อผ้าของลูกน้อยอย่างไรกันบ้างมาติดตามกันได้เลยค่ะ
สารบัญ
มาเริ่มกันตั้งแต่การเลือกซื้อ
เสื้อผ้าของเด็กนั้นส่วนใหญ่แล้วอยากจะขอแนะนำให้เลือกใช้เสื้อผ้าที่ทำมาจากผ้าฝ้าย 100% เพราะจะเป็นเนื้อผ้าที่ปราศจากสารเคมี น้ำหอม รวมไปทั้งสาร formaldehyde resins อีกด้วย ซึ่งสิ่งเหล่านี้มีผลทำให้ผิวของลูกน้อยสามารถเกิดอาการระคายเคืองหรือแพ้ขึ้นมาได้
และโดยสำหรับในประเทศไทยซึ่งเป็นเมืองร้อนอย่างบ้านเรานั้นผ้าฝ้ายก็ยังมีคุณสมบัติที่จะช่วยระบายอากาศได้เป็นอย่างดีถือว่าเหมาะสมกับอากาศบ้านเราที่สุดเลยและนอกจากนี้เมื่อเสื้อผ้ามีการระบายอากาศที่ดีแล้วนั้นก็จะสามารถช่วยลดในเรื่องของอาการผื่นคันรวมไปถึงเมื่อลูกไม่รู้สึกร้อนจนเกินไปเขาก็จะไม่ค่อยงอแงอีกด้วย
ต่อไปมาเรียนรู้เทคนิคการซักผ้าของลูกกันดีกว่า
ก่อนอื่นเลยเสื้อผ้าที่ซื้อมาใหม่ทุกตัวจำเป็นต้องผ่านการซักก่อนนำไปให้ลูกใส่เพื่อป้องกันเชื้อโรคต่างๆ ที่อาจจะติดมากับเสื้อผ้าได้และยังถือเป็นการทำความสะอาดฝุ่นและสารตกค้างให้ออกไปและเป็นการเริ่มต้นการเป็นเสื้อผ้าใหม่อย่างเต็มตัวนั่นเอง
เสื้อผ้าของลูกนั้นถ้าจะให้ดีควรแยกซักจากเสื้อผ้าของคนอื่นๆ ในบ้านรวมทั้งผ้าอ้อมของลูกเองก็ควรแยกออกมาซักอีกเช่นกันเพราะผ้าอ้อมจะมีความสกปรกอยู่มากกว่าเสื้อผ้าอื่นๆ ของลูกจึงควรแยกกันไว้จะเป็นการดีที่สุด ในส่วนของน้ำยาซักนั้นควรเลือกเป็นน้ำยาซักผ้าที่เป็นสูตรสำหรับเด็กโดยเฉพาะเพื่อให้เหมาะสมกับผิวที่บอบบางของลูกน้อยนั่นเอง
ซักเสร็จแล้วเอาผ้าของลูกมาตากกันดีกว่า
แม้แต่ในขั้นตอนการตากผ้าของลูกนั้นก็ยังจะต้องคอยดูแลเป็นพิเศษในเรื่องของอากาศที่ถ่ายเทในบริเวณนั้นเพื่อที่จะช่วยไม่ให้เสื้อผ้าของลูกมีความอับชื้นซ่อนอยู่ได้เพราะเป็นสาเหตุของเชื้อราและการระคายเคืองผิวของลูกนั่นเองและถ้าเป็นไปได้การให้เสื้อผ้าของลูกได้โดยแสงแดดจัดๆ นั้นก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีเช่นเดียวกันเพราะว่าแสงแดดเป็นตัวฆ่าเชื้อโรคที่ดีเลยทีเดียว
การจัดเก็บเสื้อผ้าก็ยังต้องการได้รับความใส่ใจ
คุณพ่อคุณแม่จำเป็นที่จะต้องเตรียมที่จัดเก็บเสื้อผ้าของลูกให้มีความสะอาดและอย่าลืมที่จะหมั่นตรวจสอบสิ่งแปลกปลอม เช่น มด หนู แมลงสาบ ที่อาจจะอยู่ให้ที่จัดเก็บหรืออยู่ในบริเวณนั้นซึ่งอาจจะทำความเสียหายและแพร่เชื้อโรคมาสู่เสื้อผ้าของลูกน้อยได้อีกด้วย
นอกจากนี้ที่จัดเก็บเสื้อผ้าควรที่จะไม่อับชื้นและไม่ใช่บริเวณที่ต้องเจอกับฝุ่นละอองเยอะอย่างเช่นบริเวณทางเดิน หรือบริเวณใต้บันได ใต้หลอดไฟเพราะอาจจะทำให้มีแมลงเล็กๆ ตกหล่นเข้ามาในที่จัดเก็บได้นั่นเอง และที่จัดเก็บเสื้อผ้าของลูกนั้นก็ไม่ควรที่จะแออัดยัดเยียดกันจนเกินไปหากตัวไหนที่ลูกเริ่มโตเกินวัยจะใส่ได้แล้วนั้นก็ควรนำออกไปจัดเก็บไว้ที่อื่นเพื่อช่วยลดเรื่องของฝุ่นละอองและเป็นที่หลบซ่อนของเหล่าแมลงและสิ่งสกปรกนั่นเอง