หลังการคลอดลูกใหม่ ๆ แน่นอนว่าทารกยังไม่สามารถสื่อสารกับคุณพ่อคุณแม่ได้เป็นคำพูด และก็เป็นธรรมดาที่คุณพ่อคุณแม่อยากให้ลูกมีพัฒนาการด้านการพูดที่ดี และคิดว่าเมื่อลูกพูดได้คงไม่เหงา และสิ่งสำคัญคือ คุณพ่อคุณแม่รู้หรือไม่คะว่าการที่ลูกพูดเก่งนั้น จะมีแนวโน้มที่จะประสบความสำเร็จได้มากกว่าคนอื่น ๆ อีกด้วยนะคะ แล้วคราวนี้เราจะรู้ได้อย่างไรว่าลูกจะเป็นเด็กพูดเก่ง ไปติดตามกันเลยค่ะ
เด็กพูดเก่ง จะประสบความสำเร็จมากกว่า เพราะอะไร?
เด็กที่พูดเก่ง คุยเก่ง มีแนวโน้มที่จะประสบความสำเร็จได้มากกว่าด้วยเหตุผล ดังนี้
ไหวพริบดี คิดได้เร็ว
โดยมากเด็กที่พูดเก่ง มักจะเป็นเด็กที่เก็บข้อมูลได้เร็ว ประมวลผลเร็ว วิเคราะห์เร็ว จึงส่งผลให้สื่อสารออกมาได้เร็ว ที่สำคัญ หากลูกได้เข้าสังคมกับเพื่อน ๆ หรือได้พูดคุยกับผู้อื่นบ่อย ๆ จะส่งผลให้ลูกได้มีการแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างกันนั่นเอง
เรียนรู้เรื่องการสื่อสารได้มากกว่า
เพราะการที่ลูกพูดเก่งจะเท่ากับว่าลูกจะมีโอกาสในการฝึกเรื่องการสื่อสารได้คล่องขึ้น ชำนาญมากขึ้น ลูกจะได้เรียนรู้คำศัพท์ต่าง ๆ ได้มากขึ้น และนำมาเรียงประโยคได้มากขึ้นไปด้วย
ช่างถาม ช่างสงสัย ใฝ่รู้
เมื่อเด็กพูดเก่ง เขาก็จะมีนิสัยที่ชอบสังเกตสิ่งที่ต่าง ๆ รอบข้าง เมื่อเกิดความสงสัย เขาก็จะต้องถาม ดังนั้น หากลูกได้มีโอกาสพูดคุย สอบถามข้อมูลกับผู้รู้ ลูกก็จะได้ความรู้ไปมากทีเดียว ดังนั้น หากมีโอกาสคุณพ่อคุณแม่ควรพาลูกไปเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ นอกสถานที่กันด้วยนะคะ
ชอบที่จะมีส่วนร่วม
เด็กที่พูดมาก พูดเก่ง เขาจะชอบเข้าสังคม ชอบที่จะเข้าไปมีส่วนร่วมกับกิจกรรมต่าง ๆ และเขาจะได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนความรู้ไปโดยอัตโนมัติ
มีทักษะทางสังคมที่ดีกว่า
เพราะเมื่อเด็กเป็นคนที่ชอบในการมีส่วนร่วมกับผู้อื่น ก็เท่ากับเป็นการให้เด็กได้เข้าสังคม นอกจากเรื่องการสื่อสาร และความรู้ที่เด็กจะได้รับแล้ว เด็กยังได้เรียนรู้ในเรื่องของการปรับตัวเข้ากับสังคมอีกด้วย
กล้าคิด กล้าพูด
เด็กที่มีพื้นฐานการพูดที่เก่ง หากคุณพ่อคุณแม่ให้การสนับสนุนลูกได้อย่างถูกทาง ให้ลูกกล้าคิด กล้าพูดในสิ่งที่ถูกต้อง และเหมาะสม ลูกจะเป็นอีกคนหนึ่งที่สามารถใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างมีความสุข และสำเร็จแน่นอน
พลังล้นเหลือ
“จะเงียบเสียงได้ก็ตอนหลับเท่านั้น” ประโยคนี้คงเป็นความจริงสำหรับคุณพ่อคุณแม่หลาย ๆ คน ซึ่งการมีพลังล้นเหลือนั้น คือ ขณะทำกิจกรรมในช่วงกลางวันนั้น ลูกจะชอบทำนั่นทำนี่ ทำอันโน้นเสร็จก็หาเรื่องทำสิ่งอื่นต่อ เรียกได้ว่าต่อมของความคิดสร้างสรรค์ทำงานได้อย่างต่อเนื่อง ยิ่งถ้าลูกได้รับการสนับสนุนที่ถูกทาง รับรองลูกมีอนาคตที่ไกลทีเดียวค่ะ
6 สัญญาณ ลูกพูดเก่ง
คราวนี้เรามาดูกันค่ะว่า การที่ลูกพูดเก่งนั้นมีสัญญาณอะไรบ้าง
เล่นน้ำลาย
ลูกเล่นน้ำลายถือเป็นเรื่องพื้นฐานปกติในส่วนของพัฒนาการด้านการพูดค่ะ ทารกจะเริ่มเรียนรู้วิธีการใช้ปาก, ริมฝีปาก และลิ้น เพื่อทดสอบว่าการทำปากแบบไหนให้เสียงอย่างไร หรือการเป่าน้ำลายออกมานั้นผลจะเป็นอย่างไร รวมไปถึงถ้าแลบลิ้นพร้อมกับส่งเสียงออกมา เสียงที่ได้เป็นแบบไหน เพื่อรองรับพัฒนาการด้านการพูดในลำดับขั้นต่อ ๆ ไป ดังนั้น เมื่อเห็นลูกเล่นน้ำลาย ให้คุณแม่ชวนลูกพูดคุยได้เลยค่ะ เพราะลูกจะได้เรียนรู้การออกเสียง และคำศัพท์ไปด้วยในตัว
ร้องเพลงตามขณะที่ฟังเพลง
แน่นอนว่าทารกคงร้องออกมาเป็นคำ ๆ ไม่ได้ แต่เขาสามารถฮัมเพลงไปด้วยได้ค่ะ ดังนั้น เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณแม่เปิดเพลง แล้วได้ยินลูกน้อยมีเสียงอ้อแอ้ ให้เข้าใจได้เลยค่ะว่านั่นคือ ลูกร้องเพลงตาม
ชอบพูดคุยกับแม่
ลำดับแรกเลย คือ ลูกจะจำเสียงแม่ได้ตั้งแต่ในครรภ์แล้วค่ะ ดังนั้น หลังคลอดลูกจึงชอบฟังเสียงของคุณแม่ และอยู่ใกล้กับคุณแม่มาก ๆ เพราะเขาจะรู้สึกได้ถึงความปลอดภัยและความอบอุ่น ดังนั้น เมื่อคุณแม่ชวนลูกคุยแล้วลูกคุยตอบ แสดงว่าลูกมีแนวโน้มพัฒนาการด้านการพูดที่ดี
พูดคนเดียว
หากคุณแม่เห็นว่าทารกวัย 2-3 เดือนนอนพูดอ้อแอ้คนเดียวก็ไม่ต้องแปลกใจค่ะ เพราะนี่คือ หนึ่งในสัญญาณที่บ่งบอกว่าลูกเป็นคนพูดเก่ง หากคุณแม่เห็นแบบนี้แล้วล่ะก็ แนะนำให้เข้าไปคุยกับลูกเลยค่ะ เพราะจะเป็นการกระตุ้นพัฒนาการของลูกได้ดีเลยทีเดียว
หัวเราะ
เสียงหัวเราะของลูกคือ ความสุขของคนเป็นแม่ การที่คุณแม่ได้เล่นกับลูกแล้วลูกหัวเราะ หรือเพียงแค่ทำท่าจั๊กกะจี้ลูกก็หัวเราะแล้ว ลูกจะมีแนวโน้มที่จะเป็นเด็กพูดเก่งค่ะ เพราะแสดงว่าลูกมีปฏิกิริยาและการตอบสนองที่ไว ลูกจึงเป็นเด็กที่คิดได้ไว เรียนรู้ได้ไวนั่นเอง
ลูกพูดด้วย ฟังคนอื่นพูดด้วย
ข้อนี้จะเป็นเด็กที่โตขึ้นมาสักหน่อย ซึ่งคุณแม่จะเห็นแววความฉลาดของลูกได้เมื่ออายุประมาณ 2-3 ขวบขึ้นไป ยกตัวอย่างเช่น คุณแม่กำลังสอนคำศัพท์ลูกจากแฟลชการ์ด แต่ลูกดูเหมือนไม่มีสมาธิไม่สนใจ แต่คุณแม่สามารถทดสอบลูกได้ค่ะ โดยให้ลูกทายคำศัพท์ที่แม่เพิ่งสอนไป หากลูกชี้ได้ถูกต้อง อย่างนี้คุณแม่ไม่ต้องห่วงเลยค่ะ ลูกฉลาดแน่นอน
โน้ตเคยมีโอกาสได้คุยกับคุณครูเด็กชาวฟิลิปปินส์ ครูบอกว่าคุณแม่ไม่ต้องกังวลหากเห็นว่าลูกเหมือนจะไม่ฟังในสิ่งที่เราพูดหรือสิ่งที่ครูสอน แต่ถ้าทดสอบเขาแล้ว เขาสามารถตอบได้ถูกต้อง นั่นคือธรรมชาติของเด็กที่ฉลาดค่ะ เขาสามารถแยกประสาทได้
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับเรื่องราวที่เรานำมาแนะนำกันในวันนี้ คุณพ่อคุณแม่อย่าลืมสังเกต พร้อมกับการฝึกให้ลูกพูดกันด้วยนะคะ หากไม่อยากให้ลูกกลายเป็นเด็กที่มีพัฒนาการพูดที่ล่าช้า เพราะจะกระทบกับการเรียนรู้ของลูกได้อีกด้วยค่ะ