อาหารที่แม่ให้นมไม่ควรกิน แม่ลูกอ่อนต้องรู้

เชื่อได้เลยว่าเมื่อคุณแม่คลอดลูกแล้ว ในอีกความกังวลนอกเหนือจากที่คุณแม่จะห่วงเรื่องการดูแลตัวเองแล้ว ยังกังวลเรื่องลูกจะมีได้น้ำนมแม่ไม่เพียงพอซึ่งทำให้กังวลเรื่องอาหารที่แม่ให้นมไม่ควรกินมีอะไรบ้าง โดยในหัวข้อนี้สำหรับแม่ที่ให้ลูกกินนมตัวเอง จะต้องงดกินอาหารต่าง ๆ เหล่านี้อย่างเด็ดขาด เพื่อให้พัฒนาการของลูกเป็นไปอย่างสมวัย

อาหารต้องห้ามแม่ลูกอ่อน ควรหลีกเลี่ยง

อาหารทะเล

อาหารทะเลอาจจะมีสารเคมีปนเปื้อนหรือตกค้าง ซึ่งจะเป็นอันตรายต่อพัฒนาการของเด็ก จำพวกกุ้ง หอย ปู และปลาบางประเภท โดยในช่วงที่คุณแม่ให้ลูกกินนม อาจจะต้องงดอาหารทะเลเหล่านี้ไว้ก่อน แต่หากเป็นพวก ปลาแซลมอน ปลาทูน่า ก็สามารถจะกินได้เพราะมีโอเมก้า 3 และสารอาหารที่จำเป็นต่อพัฒนาการของลูกอยู่มาก

อาหารปรุงสุก ๆ ดิบ ๆ

งดอาหารปรุงไม่สุก ๆ ดิบ ๆ หรืออาหารค้างคืนซึ่งอาจจะทำให้ท้องเสียหรือคุณแม่มีสุขภาพแย่ลง ยังรวมไปถึงอาหารที่จะต้องมีการต้มหรือใช้เวลาในการตุ๋นเป็นเวลานานซึ่งอาหารเหล่านี้จะมีคุณค่าทางโภชนการอยู่น้อย หรือแทบจะเป็นอาหารที่ไม่มีประโยชน์ คุณแม่ในช่วงให้นมลูกกินจึงควรหลีกเลี่ยง

ยาดอง ของมึนเมา

เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่าของมึนเมา ยาดองเหล้า หรือเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมแอลกอฮอล์ คุณแม่ตั้งแต่ในระยะตั้งครรภ์มาจนถึงคลอดแล้วจำเป็นจะต้องหลีกเลี่ยงอย่างสิ้นเชิง เพราะแอลกอฮอล์จะมีผลต่อพัฒนาการทางสมองของลูก โดยเฉพาะในช่วงที่ให้นมลูกกินหรืออาจจะพลาดดื่มไปแล้ว ก็ต้องรอให้ร่างกายขับแอลกอฮอล์ให้หมดก่อน จึงให้นมลูกได้

ผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวบางชนิด

ซึ่งหากคุณแม่รับประทานไปแล้วก็ต้องสังเกตลูกด้วยว่ามีอาการผิดปกติอะไรบ้างหรือไม่ เช่นมีผดผื่นขึ้นตามตัว มีอาการตัวร้อน มีไข้ ซึ่งหากพบว่าลูกมีอาการเหล่านี้ คุณแม่ก็ควรจะหลีกเลี่ยงผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวชนิดนั้น หรือหากต้องการจะทานจริง ๆ ก็แนะนำให้เป็นสับปะรดหรือมะม่วงได้

อาหารจำพวกนมถั่วเหลือง ข้าวสาลี ข้าวโพด และถั่ว

ซึ่งจะเป็นอาหารที่มีความเสี่ยงที่จะทำให้ลูกเป็นโรคภูมิแพ้ได้ โดยเกิดจากการได้รับโปรตีนมากจากอาหารเหล่านี้ หากคุณแม่รับประทานไปแล้วก็จะต้องสังเกตอาการลูกด้วยเช่นกันว่าจะมีอาการหายใจลำบาก มีผดผื่นหรือลมพิษขึ้นตามตัว บางครั้งก็อาจจะท้องเสีย ท้องอืดได้เช่นกัน

อาหารที่มีคาเฟอีน

ควรหลีกเครื่องดื่มรวมไปถึงขนมที่มีส่วนผสมของคาเฟอีน เช่น ชา กาแฟ พวกน้ำอัดลม  หรือเครื่องดื่มชูกำลัง โดยพวกนี้จะส่งผลต่อระบบสมองของลูกโดยตรงซึ่งอาจจะทำให้เกิดอาการกระวนกระวาย ไม่ยอมนอน หรืออาจจะมีน้ำมูกไหล จมูกแดง ตาแดง หากคุณแม่ได้รับคาเฟอีนเข้าไปแล้วจะต้องใช้เวลาประมาณ 24 ชั่วโมงจึงจะถูกขับออกหมด

อาหารที่มีรสจัด

เค็ม หวาน หรือเผ็ดมาก ๆ ซึ่งนอกจากจะส่งผลต่อระบบส่งผลทางอารมณ์ของลูกแล้ว ยังส่งผลต่อการทำงานของกระเพาะอาหาร ทำให้ลูกจะมีอาการหงุดหงิด ไม่ยอมนอน หรืออาจจะร้องไห้งอแงไม่รู้สาเหตุ ซึ่งหากลูกมีอาการเหล่านี้บ่อย ๆ จะส่งผลต่อพัฒนาการของลูก อีกทั้งยังทำให้ลูกกินนมได้น้อยลงอีกด้วย

อาหารที่ทำจากนมวัว

ซึ่งเมื่อแม่ดื่มนมวัวเข้าไปแล้วก็จำเป็นจะต้องสังเกตอาการของลูกอีกด้วยเช่นกัน เพราะจะมีความเสี่ยงที่ลูกจะเกิดแพ้โปรตีนจากนมวัวได้ ส่งผลให้ลูกอาจจะมีเป็นกรดไหลย้อน มีผื่นขึ้นตามตัว และอาจจะทำให้มีไข้ ดังนั้นทางที่ดีคุณแม่ควรจะหลีกเลี่ยงการดื่มนมวัวไว้ก่อนในระยะที่ให้ลูกกิน

ผัก ผลไม้ที่ทำให้เกิดแก๊สในกระเพาะอาหาร

ก็เป็นอาหารต้องห้ามแม่ลูกอ่อนด้วยเช่นกัน นอกจากคุณแม่จะท้องอืดได้แล้ว ยังส่งผลต่อลูกซึ่งจะทำให้เกิดแก๊สในกระเพาะอาหาร ทำให้แน่นท้อง ท้องอืด ไม่สบายตัว และจะทำให้ลูกงอแงไม่ยอมนอน โดยผักผลไม้เหล่านี้จะมี กะหล่ำปลี หน่อไม้ฝรั่ง กล้วยหอม ลูกพรุน เป็นต้น

อาหารหมักดอง

ควรหลีกเลี่ยงอาหารหรือผลไม้ที่มีการหมักดอง ซึ่งโดยส่วนมากแล้วอาหารประเภทนี้จะมีโซเดียมและเกลือสะสมอยู่เป็นจำนวนมาก หากคุณแม่รับประทานในปริมาณมาก ๆ ในขณะให้ลูกกินนมจะส่งผลต่อพัฒนาการของลูกโดยตรง และยังมีผลต่อสุขภาพของคุณแม่ได้อีกด้วยเพราะเป็นอาหารที่แม่ให้นมไม่ควรกิน ด้วยเพราะแทบจะไม่มีประโยชน์ต่อร่างกายเลย

ก่อนทานยาควรปรึกษาแพทย์ก่อน

หลีกเลี่ยงการรับประทานยาเองโดยไม่มีการปรึกษาแพทย์ เพราะยาบางชนิดจะส่งผ่านน้ำนมให้กับลูกโดยตรง ซึ่งเป็นอันตรายและในยางบางชนิดก็ยังส่งผลให้น้ำนมแห้งไว หรือผลิตน้ำนมได้น้อยลงจนไม่เพียงพอสำหรับลูก โดยยาจำพวกนี้ก็จะมี ยาแอสไพริน, ยาแก้อาการไมเกรน, ยาปฏิชีวนะ, ยาต้านเศร้า และยังมีอีกหลายชนิดด้วยกัน

อาหารที่แม่ให้นมไม่ควรกิน หรือแม้กระทั่งเริ่มมีการตั้งครรภ์ เพื่อที่จะให้มีสุขภาพที่แข็งแรงควรจะรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ทั้งต่อแม่และทารก และเพื่อที่พร้อมจะคลอดลูกออกมาให้มีร่างกายแข็งแรง พัฒนาการต่าง ๆ พร้อมที่จะเรียนรู้ รวมไปถึงได้รับน้ำนมแม่ที่เต็มเปี่ยมด้วยสารอาหารทำให้ลูกอิ่มและเจริญเติบโตได้อย่างสมวัยนั่นเอง