เทคนิคฝึกลูกนอนยาว หลับสบายตลอดคืน

เลี้ยงลูก

ปัญหากวนใจของเหล่าคุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกน้อยอยู่ในครอบครัวว คงหนีไม่พ้นปัญหาการนอนในบางคืนอาจมีอาการงอแงจนลุกขึ้นมาส่งเสียงร้องในยามค่ำคืน หรือมีอาการตื่นนอนในยามดึกจนทำให้คุณพ่อคุณแม่ต้องตื่นด้วย เพื่อมาดูแลไม่ให้ลูกน้อยเกิดอาการร้องไห้โยเย ซึ่งอาการเหล่านี้ก็จะทำให้คุณพ่อคุณแม่กลายสภาพเป็นซอมบี้ไปในตอนเช้าและกลางวันแทน

ดังนั้น เพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้ เราก็ได้เตรียมวิธีที่จะช่วยเหลือเหล่าคุณพ่อคุณแม่เพื่อนำไปฝึกให้ลูกนอนยาวและหลับได้สบายตลอดทั้งคืน โดยที่ไม่มีอาการตื่นตาสว่างในกลางดึกอย่างแน่นอน และจะช่วยทำให้คุณพ่อคุณแม่สามารถนอนหลับได้อย่างเต็มอิ่ม รวมถึงการนอนอย่างเต็มอิ่มของลูกน้อยก็จะช่วยทำให้ลูกมีพัฒนาการทางสมองที่แข็งแรง และคุณพ่อคุณแม่ก็จะมีพลังเหลือล้นในการเล่นสนุกกับลูกน้อยในยามเช้าอีกด้วย

ระยะเวลาการนอนที่เหมาะสมของลูกน้อย

เรามักจะได้ยินคำว่า “หลับยาว” ซึ่งหากตีความหมายในการหลับยาวของเด็กในวัยทารก มักจะหมายถึงการที่ลูกน้อยสามารถนอนหลับได้ยาวนานอยู่ในช่วง 6 – 8 ชั่วโมงขึ้นไป รวมถึงมีระยะเวลาในการเริ่มนอนหลับ และตื่นได้อย่างตรงเวลา ในส่วนนี้จะอธิบายได้ว่าเด็กมีระยะเวลาในการนอนที่ค่อนข้างดีและถูกต้อง

ช่วงเวลาในการฝึกลูกนอนยาวตอนกี่เดือน

แน่นอนว่าการจะทำให้ลูกน้อยนอนเป็นเวลาได้ จะต้องอาศัยการฝึกฝนที่มีการสอนจากคุณพ่อคุณแม่ โดยปกติแล้วเด็กในวัยทารกจะมีพัฒนาการทางสมองของตนเองที่ดีอยู่แล้ว โดยสามารถสังเกตได้ตามช่วงอายุ ดังต่อไปนี้ หากต้องการเริ่มสอนลูกให้นอนเป็นเวลา

เด็กในช่วงวัย 1 – 2 เดือน

เด็กในช่วงวัยนี้จะเริ่มเรียนรู้ระยะเวลาสำหรับกลางวันและกลางคืน ซึ่งเด็กจะเริ่มสามารถแยกแยะระยะเวลาใน 2 ช่วงนี้ได้ และจะเริ่มนอนเป็นเวลามากยิ่งขึ้น แต่จะมีระยะเวลาในการนอนต่อครั้งที่ค่อนข้างสั้น อยู่ที่ 2 – 3 ชั่วโมงต่อครั้ง

เด็กในช่วงวัย 3 – 4 เดือน

ในช่วงนี้เด็กจะมีระยะเวลาในการนอนมากยิ่งขึ้น โดยหากเป็นในช่วงกลางคืน จะมีระยะเวลานอนตั้งแต่ 4 ชั่วโมงขึ้นไป และในช่วงกลางวัน อาจจะนอนหลับได้ 1 – 2 ช่วง คือ ช่วงสาย และ ช่วงเที่ยง ซึ่งในช่วงที่ลูกมีอายุ 3 – 4 เดือน จะเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการฝึกให้ลูกนอนเป็นเวลา

5 เทคนิคฝึกให้ลูกนอนยาว หลับสบายตลอดคืน

ฝึกให้ลูกรู้จักเวลากลางวันและกลางคืน

อย่างที่เราจะบอกไปว่าเด็กในช่วงอายุ 1 – 2 เดือน จะเริ่มเรียนรู้ช่วงเวลากลางวันและกลางคืนในช่วง 1 – 2 เดือนขึ้นไป ซึ่งคุณแม่สามารถสังเกตได้จากเด็กทารกในช่วงแรกๆ ที่ยังไม่สามารถแยกเวลาได้ มักจะมีการตื่นในช่วงกลางดึกบ่อยๆ ซึ่งวิธีการฝึกสามารถทำได้ง่ายๆ เพียงสร้างบรรยากาศตอนกลางคืนให้ลูกน้อยสามารถนอนหลับสบายได้ และงดส่งเสียงรบกวน

ใช้เวลากับลูกในช่วงกลางวันให้มากที่สุด

เราจะสังเกตได้ว่าบางครอบครัว มักจะให้เวลานอนในช่วงกลางวันสำหรับลูกน้อยที่มากเกินไป นั่นไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง การทำแบบนี้จะทำให้ในเวลากลางคืน ลูกน้อยของคุณแม่อาจจะไม่ยอมนอน หรือมีอาการตื่นบ่อยครั้งในช่วงเวลากลางดึก ดังนั้น ควรให้เวลาในการเล่นสำหรับลูกในช่วงเวลากลางวันอย่างเต็มที่ และแบ่งเวลาให้นอนกลางวัน เพียง 1 – 2 ชั่วโมงเท่านั้น

สร้างบรรยากาศให้เหมาะสม

อุณหภูมิภายในห้องที่เหมาะสม จะช่วยทำให้ลูกน้อยหลับสบายมากยิ่งขึ้น รวมถึงการจัดที่นอนที่จะสามารถให้ความอบอุ่นแก่ลูกได้อย่างพอดี แสงไฟในห้องนอนก็สามารถทำให้ลูกนอนหลับสบายได้ เพราะฉะนั้นงดเปิดแสงไฟสว่างในช่วงที่กำลังพาลูกเข้านอน โดยให้ใช้การเปิดไฟสลัวแทน หรือเปิดเพลงคลอเบา ๆ สบาย ๆ ลูกก็จะเริ่มเคลิ้มหลับไป

ความรู้สึกสบายตัว ทำให้ลูกผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น

การที่ลูกน้อยรู้สึกไม่สบายตัว อาจทำให้ลูกน้อยตื่นในช่วงกลางดึกได้ ดังนั้น คุณแม่ควรเลือกเสื้อผ้าที่เบาสบาย หรือ เสื้อผ้าที่สวมใส่ให้กับลูกน้อยแล้วไม่รู้สึกอึดอัด สามารถระบายอากาศได้ค่อนข้างดี รวมถึงการเลือกที่นอนที่เหมาะสมก็มีส่วนสำคัญที่จะทำให้ลูกนอนหลับสบายได้

หากทำทุกขั้นตอนแล้ว ลูกยังตื่นกลางดึก ให้หาสาเหตุ

ในบางครั้งที่คุณแม่ได้ให้ความใส่ใจแก่ลูกน้อยในทุกขั้นตอนแล้ว แต่ยังพบว่าลูกน้อยมีการตื่นนอนในช่วงกลางดึก หรือมีการร้องไห้งอแง นั่นอาจเป็นสัญญาณได้ว่าลูกน้อยอาจมีอาการเจ็บปวดอื่นๆเกิดขึ้นได้ อย่างเช่น อาการเจ็บเหงือก หรือ ปวดฟัน โดยปกติเด็กทารกจะมีหน่อฟันอยู่ใต้เหงือกตั้งแต่ยังเล็ก และจะเริ่มงอกให้เห็นในช่วง 6 เดือน ซึ่งอาจทำให้มีอาการปวดได้

เพราะการนอนสำหรับลูกน้อย ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญที่คุณพ่อและคุณแม่ต้องให้ความใส่ใจ เพราะมันให้ผลดีในด้านการเจริญเติบโตของลูกน้อย และคุณพ่อคุณแม่ยังสามารถนอนหลับได้อย่างสบาย ไม่มีอาการง่วงนอนอีกด้วย เรียกได้ว่าการนอนหลับยาวของลูกน้อยนับว่าเป็นสวรรค์ของคุณพ่อคุณแม่เลยก็ว่าได้ ซึ่งเทคนิคฝึกให้ลูกนอนยาวที่เราได้แนะนำไปนั้น เชื่อว่าจะทำให้ลูกน้อยสามารถนอนหลับได้อย่างสบาย ไม่รบกวนการนอนของคุณพ่อคุณแม่อย่างแน่นอน

Featured post

โพสต์ที่อยากให้คุณแม่อ่าน

  1. 346 ชื่อจีนความหมายดี ๆ มีให้ลูกสาวและลูกชาย

  2. วิธีสต๊อก นมแม่ และการจัดเรียงให้ประหยัดเนื้อที่ในตู้เย็น

  3. 10 อาหารว่างคนท้อง และลูกน้อยในครรภ์

  4. หน้า 7 หลัง 7 คืออะไร? นับยังไง ไม่ท้องจริงหรือ

  5. 12 กลุ่มดาวจักรราศี มีอะไรบ้าง พร้อมเลขมงคลปี 2564

  6. 10 นิทานอีสป กับ 10 หนังสือนิทาน 2 ภาษา ปลูกฝังเรื่องราวดี ๆ สอนใจเด็ก ๆ

  7. ความฉลาด 11 ด้าน หรือ 11Q (11 Quotients) ที่เด็กยุคใหม่ควรมี

  8. 14 นิทานพื้นบ้านของไทย สอนใจเด็กได้ดี

หมวดหมู่โพสต์

บทความล่าสุด

  1. เช็คลิสต์ “ของเตรียมคลอด” “ของใช้เด็ก” “ของใช้หลังคลอด” เพื่อใช้หลังคลอดที่จำเป็น

  2. 8 อาหารที่แม่ให้นมห้ามทาน

  3. แนะวิธีเพิ่มปริมาณน้ำนมแม่อย่างถูกวิธี

  4. รีวิว นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก 10 ยี่ห้อ เปรียบเทียบกันตัวต่อตัว ยี่ห้อไหนดี พร้อมแนะวิธีการเลือกนมกล่องให้ลูก

  5. White Noise เสียงคลื่นความถี่ที่กล่อมลูกให้หลับฝันดี เพิ่มสมาธิได้อีกด้วย

รีวิวผลิตภัณฑ์แม่และเด็ก

  1. รีวิว นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก 10 ยี่ห้อ เปรียบเทียบกันตัวต่อตัว ยี่ห้อไหนดี พร้อมแนะวิธีการเลือกนมกล่องให้ลูก

  2. เปรียบเทียบนมผงสูตร 1 ในท้องตลาด สารอาหารที่น่าสนใจ

  3. 4 แปรงสีฟันเด็กยุคใหม่ แบรนด์ไหนใช้ดี เทียบแบรนด์ต่อแบรนด์

  4. รีวิวเปรียบเทียบชัดๆ ล้างจมูกให้ลูกด้วย Hashi Plus VS ไซริงค์

  5. รีวิว แชมพูสบู่เหลว Head to toe 5 แบรนด์ เทียบกันแบรนด์ต่อแบรนด์

  6. รีวิว นมผง สำหรับลูกน้อย 11 ยี่ห้อ ละเอียดยิบ ปี 2566 พร้อมหลักการเลือกซื้อนมผงให้ลูกน้อย

  7. 12 คาร์ซีท ยี่ห้อไหนดี 2023 ปลอดภัย คุ้มค่า คุ้มราคา

  8. 10 แป้งเด็ก ยี่ห้อไหนดี 2023 ปกป้อง อ่อนโยนต่อผิวลูก

  9. 10 เครื่องปั๊มนม ยี่ห้อไหนดี ปี 2023 ใช้งานง่าย ปั๊มเกลี้ยงเต้า

  10. 10 เบบี้โลชั่น ยี่ห้อไหนใช้ดี 2023 เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวลูกได้ดั่งใจแม่

ท่องเที่ยวกับครอบครัว

  1. 5 ที่เที่ยวปีใหม่ใกล้กรุงเทพ 2566 อิน ไม่มีเอ้าท์

  2. 5 พิกัดเช็คอิน ที่เที่ยวโคราช เมืองย่าโม

  3. 6 ที่เที่ยวเชียงใหม่ สำหรับครอบครัว ลูกแฮปปี้ พ่อแม่ดี๊ด๊า

  4. 5 พิกัด พาลูกเที่ยวญี่ปุ่น เปิดประสบการณ์การเรียนรู้

  5. 8 ที่เที่ยวครอบครัว หน้าหนาว ที่ไม่ควรพลาด

  6. 6 สถานที่พาลูกเที่ยว เรียนรู้ธรรมชาติ เสริมสร้างพัฒนาการ

TOP