ปัญหาน้ำร้อนลวกเด็กเป็นเรื่องร้ายที่มักเกิดขึ้นกับเด็กบ่อยๆ ด้วยความอยากรู้อยากลองและในบางครั้งผู้ดูแลก็ไม่สามารถมองเห็นเขาอยู่ในสายตาได้ตลอดจึงทำให้เรื่องไม่คาดฝันแบบนี้สามารถเกิดขึ้นกับลูกน้อยได้
และเมื่อเกิดขึ้นแล้วขั้นตอนการดูแลเป็นเรื่องที่สำคัญมากเนื่องจากเด็กยังมีภูมิคุ้มกันที่ไม่ค่อยแข็งแรงจึงทำให้ต้องใส่ใจดูแลเรื่องของแผลให้กับเขาเป็นอย่างมากเพื่อป้องกันการติดเชื้อและอักเสบซึ่งอาจก่อให้เกิดปัญหาอื่นนอกจากนี้ตามมาได้
แล้วถ้าเกิดลูกโดนน้ำร้อนลวกขึ้นมาควรรีบปฐมพยาบาลเบื้องต้นอย่างไรดี?
- ถ้าลวกแค่ในระดับหนังกำพร้าก็เพียงแค่ทำความสะอาดแผลและบริเวณรอบๆ ให้สะอาด และหากบังเอิญมีสิ่งสกปรกติดอยู่ในแผลด้วยก็อาจจะค่อยๆ ใช้สบู่ล้างสิ่งสกปรกออกก่อน จากนั้นหาผ้าสะอาดมาปิดแผลไว้แล้วรีบพาเขาไปพบแพทย์ ถึงแม้จะไม่ได้ลวกและทำร้ายลูกแรงมากแต่แน่นอนว่าเขาจะรู้สึกแสบร้อนและงอแงอย่างแน่นอน
- ถ้าบาดเจ็บเข้าไปถึงหนังกำพร้าและหนังแท้ อาการนี้จะสังเกตได้ว่าผิวหนังของลูกจะบวม แดง พร้อมทั้งมีอาการพุพองร่วมด้วย ซึ่งทำให้เขาเกิดอาการเจ็บปวดและแสบเป็นอย่างมาก ก่อนจะพาไปพบแพทย์เมื่อดูแลความสะอาดเบื้องต้นให้กับเขาแล้วก็ให้เขาได้ทานยาพาราเซตามอนก่อนได้เพื่อเป็นการลดความเจ็บปวดเบื้องต้นนั่นเอง
- ถ้าเกิดความเสียหายกับเขาอย่างรุนแรง ซึ่งร้ายแรงจนถึงขั้นที่ทำให้ผิวหนังของลูกเปลี่ยนเป็นสีดำไหม้ หนังลอกจนอาจจะเห็นเส้นประสาท ให้รีบถอดเสื้อผ้าของเขาออกยกเว้นว่าเสื้อผ้าจะไหม้ติดกับหนังไปแล้ว จากนั้นรีบนำส่งโรงพยาบาล ในช่วงขณะกำลังเดินทางพยายามหาผ้าชุบน้ำเย็นประคบบริเวณแผลเขาเรื่อยๆ เพื่อช่วยรักษาความเย็นเอาไว้ และห้ามเด็ดขาดที่จะเอาแผลไปแช่น้ำเย็นแทนการประคบเพราะอาจจะทำให้เขาช็อกได้เลยทีเดียว
อะไรบ้างที่ ‘ห้าม’ ทำเมื่อลูกโดนน้ำร้อนลวก
- ห้ามใช้น้ำแข็งและน้ำที่เย็นจัดประคบเพราะนอกจากจะไม่ช่วยกลับทำให้บาดแผลลึกกว่าเดิมได้อีกด้วย
- ห้ามใช้ยาสีฟันหรือครีมใดๆ ประคบลงไปบนแผลเด็ดขาดเพราะมันคือการเพิ่มโอกาสในการติดเชื้อให้กับลูกมากยิ่งขึ้นนั่นเอง
- ห้ามนำลูกไปแช่น้ำเย็น ให้เอาน้ำเย็นประคบได้ แต่ห้ามแช่เพราะว่าจะทำให้เขาช็อกและแน่นอนว่ามันสามารถรุนแรงไปจนถึงขั้นเสียชีวิตได้เลยทีเดียว
เรื่องของอุบัติเหตุเป็นเรื่องที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นทั้งนั้นแต่หากโชคร้ายต้องมาเกิดขึ้นกับลูกของคุณแล้วจริงๆ ล่ะก็การดูแลเบื้องต้นและรู้ข้อห้ามต่างๆ เอาไว้ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญและช่วยได้มากเลยทีเดียว เพราะมันสามารถป้องกันไม่ให้เหตุการณ์เลวร้ายไปมากกว่าเดิม และการที่เด็กถึงมือแพทย์ได้เร็วเท่าไรก็ยิ่งลดความเสี่ยงกับสิ่งต่างๆ ให้กับเขาได้ดีเท่านั้นอีกด้วย