เริ่มสอนภาษาให้ลูกน้อยเมื่อใด

การเลี้ยงลูกวัย 3-5 ขวบ

คุณแม่หลายท่านคงกำลังคิดถึงพัฒนาการด้านภาษาของลูกน้อยกันแล้ว แต่อาจยังคงไม่มั่นใจเรื่องพัฒนาการด้านภาษาของลูกว่าลูกน้อยนั้นมีความสามารถเท่าใด คุณแม่จะต้องเริ่มช่วยพัฒนาการด้านภาษาลูกตั้งแต่เมื่อใด สิ่งใดบ้างที่เหมาะจะสอนลูกน้อยให้เข้าใจภาษา

เด็กสามารถรับรู้เสียงตั้งแต่ในครรภ์ของแม่ เพราะเสียงของแม่จะเป็นเสียงที่ทารกได้ยินชัดเจนที่สุด เมื่อลืมตาดูโลกก็จะสามารถแยกแยะเสียง ภาษาของแม่ และภาษาอื่น ๆ ได้ เด็กที่เกิดในครอบครัวสองภาษาจะมีความได้เปรียบกว่าเด็กที่เกิดในครอบครัวภาษาเดียว ดังเช่น

ความสามารถ

เมื่อก้าวเข้าสู่สังคมโรงเรียนเด็กที่ได้สองภาษาจะใช้ความรู้ความสามารถได้อย่างเต็มที่ พร้อมรับความรู้ใหม่ ๆ เสมอ ต่างจากเด็กที่ได้รับภาษาเดียว เด็กจะเริ่มภาษาได้ช้ากว่า

บุคลิกภาพ

หากต้องเริ่มต้นเรียนภาษาที่สองในโรงเรียน เด็กที่ไม่คุ้นเคยกับภาษาที่สองจะขาดความมั่นใจ ในขณะที่เด็กสองภาษาจะสามารถตอบคำถามได้อย่างมั่นใจ

ด้านสังคม

เมื่อได้ภาษาที่สองเป็นอย่างดี อาจเป็นการเปิดโลกสังคมใหม่ ๆ วัฒนธรรม ภาษาอื่น ๆ และเพื่อนต่างชาติ ซึ่งจะไม่เป็นสิ่งที่น่ากลัวสำหรับลูก

หน้าที่การงาน

อนาคตการสื่อสารภาษาเดียวอาจจะน้อยเกินไป การที่มีภาษาที่สองจะเป็นการช่วยส่งเสริมหน้าที่การงานในอนาคตของลูก เพราะไม่ว่าการไปสมัครงานที่ใดภาษาที่สองจะเป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่ในองค์กรต้องการคนที่มีความรู้ความสามารถด้านภาษา

เริ่มสอนภาษาให้ลูก โดยไม่ต้องรอให้ลูกอายุใกล้เข้าโรงเรียน การสอนภาษาที่หนึ่ง และภาษาที่สองเริ่มได้ตั้งแต่ยังทารกแรกเกิดจากการพูดคุยเป็นประจำ อายุที่ควรเริ่มสอนภาษาที่สอง คือ อายุ 6 – 12 เดือน และสอนลูกต่อจนเมื่อเข้าโรงเรียน คุณพ่อคุณแม่สามารถสอนลูกน้อยเองได้ที่บ้าน โดย

ใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน

วิธีนี้เป็นวิธีที่สร้างความคุ้นเคยในการแยกแยะภาษาให้ลูกง่าย ๆ เช่น คำทักทาย สวัสดีตอนเช้า (Good morning) หรือ ข้าว (rice) โดยคุณพ่อคุณแม่สลับกันพูดภาษาไทย และภาษาอังกฤษ สอนให้ลูกฝึกพูดตามช้า ๆ จะทำให้ลูกจดจำได้พร้อมกันสองภาษา

เพลง

เสียงเพลงเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่เด็ก ๆ สนใจ ทั้งยังเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ลูกได้จดจำตัวอักษรตามเพลงพร้อมภาพประกอบ คำศัพท์ใหม่ ๆ ที่ประกอบไปพร้อมภาพการ์ตูน เพิ่มความสนุกสนานให้ลูก ทั้งยังให้ลูกได้ฝึกพูดตามได้

จัดหมวดหมู่

จัดกลุ่มคำศัพท์ที่จะสอนในแต่ละวัน เช่น กลุ่มอักษรภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ตัวเลข สี ผลไม้ ผัก สัตว์ต่าง ๆ ร่างกาย ศัพท์คำกริยาให้แสดงท่าทาง โดยการสอนอาจจะสอนหมวดใดหมวดหนึ่ง 1 – 2 วัน เพื่อให้ลูกได้ทบทวน และจำคำที่ไม่ได้

เกม

เอากลุ่มคำศัพท์มาเล่นเป็นเกม เช่น จับคู่ภาพ ทายคำ โดยเป็นสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ได้สอนคำศัพท์นั้น ๆ มาแล้ว ซึ่งจะสร้างความสนุกสนาน และให้ลูกได้ทบทวนไปในตัว

การสอนภาษาให้ลูกไม่ควรรอจนลูกรู้ความก่อน เพราะอาจจะทำให้การพัฒนาด้านภาษาไม่เท่ากับเด็กรุ่นเดียวกันที่ได้รับการสอนภาษาตั้งแต่ 6 – 12 เดือน จึงควรเริ่มให้ลูกได้ฝึกภาษาก่อนอายุ 3 ขวบ

ของเล่นเสริมพัฒนาการด้านภาษา

  1. ทารกแรกเกิด – 6 เดือน ของเล่นที่เสริมสติปัญญา คือ นิทานหนังสือภาพ โดยคุณพ่อคุณแม่เป็นผู้อ่านให้ลูกฟัง หากสามารถมีสองภาษาได้ยิ่งดี
  2. วัย 6 – 12 เดือน วัยนี้ลูกสามารถหยิบจับสิ่งของได้แล้ว หนังสือภาพยังเป็นสิ่งที่คุณพ่อคุณอ่านให้ลูกฟัง และให้ลูกเปิดหน้าหนังสือ ฝึกออกเสียงตามได้ บล็อกตัวอักษรเพื่อให้ลูกหยิบจับตัวอักษรให้ถูกต้อง
  3. วัย 1 – 2 ขวบ ของเล่นรูปทรงเรขาคณิต หนังสือภาพ บล็อกต่อตัวอักษร ของเล่นที่มีตัวอักษรอยู่ในของเล่น หรือมีรูปสิ่งของในของเล่น ดินน้ำมัน หรือสมุดภาพระบายสี ซึ่งเป็นการฝึกทั้งสติปัญญา และความคิดสร้างสรรค์
  4. วัย 2 – 3 ขวบ ฝึกการเรียนตัวอักษรที่ถูกต้อง ฝึกการคิดแก้ปัญหา เรียงสี ขนาด รูปทรง ในกลุ่มเดียวกัน บวกลบตัวเลข หรือสิ่งของจำนวนง่าย ๆ เล่นของเล่นเรียนแบบชีวิตจริง เช่น เด็กผู้หญิงเล่นของเล่นหันผลไม้ หรือทำอาหาร เด็กผู้ชายเล่นต่อจิ๊กซอว์ เลโก้

ของเล่นเด็กมาคู่กับทักษะการเรียนรู้การพัฒนาด้านภาษา และความคิดสร้างสรรค์ คุณพ่อคุณแม่จึงมีบทบาทสำคัญอย่างมากในการสอนลูกวัยก่อนวัยเรียน ให้ลูกมีความพร้อมในด้านต่าง ๆ เท่าเทียมเด็กคนอื่น ๆ การเข้าร่วมในการเล่นกับลูกยังสร้างความสนุก ความสนิทสนม จากการถามตอบ ร่วมเล่นเกม สอน และชี้แนะให้ลูก ทั้งยังฝึกให้ลูกมีความมั่นใจกล้าแสดงออกเช่นกัน และคุณพ่อคุณแม่ต้องไม่ลืมคำชมเชยให้ลูกทุกครั้ง เพราะนั้นจะเป็นกำลังใจต่อลูกให้ลูกได้มีความภูมิใจ

Featured post

โพสต์ที่อยากให้คุณแม่อ่าน

  1. 346 ชื่อจีนความหมายดี ๆ มีให้ลูกสาวและลูกชาย

  2. วิธีสต๊อก นมแม่ และการจัดเรียงให้ประหยัดเนื้อที่ในตู้เย็น

  3. 10 อาหารว่างคนท้อง และลูกน้อยในครรภ์

  4. หน้า 7 หลัง 7 คืออะไร? นับยังไง ไม่ท้องจริงหรือ

  5. 12 กลุ่มดาวจักรราศี มีอะไรบ้าง พร้อมเลขมงคลปี 2564

  6. 10 นิทานอีสป กับ 10 หนังสือนิทาน 2 ภาษา ปลูกฝังเรื่องราวดี ๆ สอนใจเด็ก ๆ

  7. ความฉลาด 11 ด้าน หรือ 11Q (11 Quotients) ที่เด็กยุคใหม่ควรมี

  8. 14 นิทานพื้นบ้านของไทย สอนใจเด็กได้ดี

หมวดหมู่โพสต์

บทความล่าสุด

  1. รีวิว นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก 10 ยี่ห้อ เปรียบเทียบกันตัวต่อตัว ยี่ห้อไหนดี พร้อมแนะวิธีการเลือกนมกล่องให้ลูก

  2. เช็คลิสต์ “ของเตรียมคลอด” “ของใช้เด็ก” “ของใช้หลังคลอด” เพื่อใช้หลังคลอดที่จำเป็น

  3. 8 อาหารที่แม่ให้นมห้ามทาน

  4. แนะวิธีเพิ่มปริมาณน้ำนมแม่อย่างถูกวิธี

  5. White Noise เสียงคลื่นความถี่ที่กล่อมลูกให้หลับฝันดี เพิ่มสมาธิได้อีกด้วย

รีวิวผลิตภัณฑ์แม่และเด็ก

  1. รีวิว นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก 10 ยี่ห้อ เปรียบเทียบกันตัวต่อตัว ยี่ห้อไหนดี พร้อมแนะวิธีการเลือกนมกล่องให้ลูก

  2. เปรียบเทียบนมผงสูตร 1 ในท้องตลาด สารอาหารที่น่าสนใจ

  3. 4 แปรงสีฟันเด็กยุคใหม่ แบรนด์ไหนใช้ดี เทียบแบรนด์ต่อแบรนด์

  4. รีวิวเปรียบเทียบชัดๆ ล้างจมูกให้ลูกด้วย Hashi Plus VS ไซริงค์

  5. รีวิว แชมพูสบู่เหลว Head to toe 5 แบรนด์ เทียบกันแบรนด์ต่อแบรนด์

  6. รีวิว นมผง สำหรับลูกน้อย 11 ยี่ห้อ ละเอียดยิบ ปี 2566 พร้อมหลักการเลือกซื้อนมผงให้ลูกน้อย

  7. 12 คาร์ซีท ยี่ห้อไหนดี 2023 ปลอดภัย คุ้มค่า คุ้มราคา

  8. 10 แป้งเด็ก ยี่ห้อไหนดี 2023 ปกป้อง อ่อนโยนต่อผิวลูก

  9. 10 เครื่องปั๊มนม ยี่ห้อไหนดี ปี 2023 ใช้งานง่าย ปั๊มเกลี้ยงเต้า

  10. 10 เบบี้โลชั่น ยี่ห้อไหนใช้ดี 2023 เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวลูกได้ดั่งใจแม่

ท่องเที่ยวกับครอบครัว

  1. 5 ที่เที่ยวปีใหม่ใกล้กรุงเทพ 2566 อิน ไม่มีเอ้าท์

  2. 5 พิกัดเช็คอิน ที่เที่ยวโคราช เมืองย่าโม

  3. 6 ที่เที่ยวเชียงใหม่ สำหรับครอบครัว ลูกแฮปปี้ พ่อแม่ดี๊ด๊า

  4. 5 พิกัด พาลูกเที่ยวญี่ปุ่น เปิดประสบการณ์การเรียนรู้

  5. 8 ที่เที่ยวครอบครัว หน้าหนาว ที่ไม่ควรพลาด

  6. 6 สถานที่พาลูกเที่ยว เรียนรู้ธรรมชาติ เสริมสร้างพัฒนาการ

TOP