5 เทคนิคการสอนลูกให้รู้จักหน้าที่ พร้อมกิจกรรมที่ฝึกความรับผิดชอบ

การเลี้ยงลูกวัย 3-5 ขวบ

คนเราทุกคนย่อมมีหน้าที่ และเมื่อมีหน้าที่แล้ว “ความรับผิดชอบ” จึงเป็นสิ่งสำคัญมาก ความรับผิดชอบนี้เองจะเป็นรากฐานของความสำเร็จในชีวิตได้ คุณพ่อคุณแม่ควรปลูกฝังและสอนลูกให้รู้จักหน้าที่และความรับผิดชอบ ซึ่งสามารถทำได้ตั้งแต่อายุยังน้อย โดยมอบหมายงานเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้เขา

5 เทคนิคการสอนลูกให้รู้จักหน้าที่

คุณพ่อคุณแม่เป็นต้นแบบที่ดี

คุณพ่อคุณแม่เป็นต้นแบบที่ดี

ยกตัวอย่างง่าย ๆ จากชีวิตจริงภายในบ้านนี่แหละค่ะ จะทำให้ลูกเห็นภาพชัดเจนที่สุด อาทิ เล่าให้ลูกฟังว่า คุณพ่อทำงานอะไร มีหน้าที่อะไรที่ต้องรับผิดชอบและต้องทำให้สำเร็จลุล่วงบ้าง เพื่อสิ้นเดือนคุณพ่อจะได้เงินเดือนมาเลี้ยงดูคนในครอบครัว คุณแม่ที่เป็นแม่บ้าน ต้องรับผิดชอบงานบ้านอะไรบ้าง เช่น ล้างจาน ทำกับข้าว ฯลฯ และที่สำคัญคือ ต้องทำให้สำเร็จและให้ลูกเห็นเป็นประจำ เรียกว่าเห็นกันจนชินตาเลยก็ว่าได้ค่ะ

เพราะสิ่งนี้เองทำให้คุณพ่อคุณแม่สามารถสอนลูกได้อย่างเป็นรูปธรรม และคุณพ่อคุณแม่ก็จะเป็นต้นแบบที่ดีของลูกได้ค่ะ

ให้ลูกทำกิจวัตรประจำวันด้วยตนเอง

ให้ลูกทำกิจวัตรประจำวันด้วยตนเอง

สำหรับเรื่องของกิจวัตรประจำวันนี้ คุณพ่อคุณแม่สามารถเริ่มสอนลูกได้ตั้งแต่วัยเด็กเล็กที่เขาเริ่มฟังคำสั่งของคุณพ่อคุณแม่รู้เรื่อง ซึ่งก็จะอยู่ที่อายุ 2 ปีขึ้นไป เริ่มจากสิ่งง่าย ๆ ก่อน อาทิ

  • ให้เก็บของเล่นให้เข้าที่ด้วยตนเอง
  • นำเสื้อผ้าที่ใส่แล้วของตนเองไปไว้ในตะกร้าที่จะซัก ซึ่งเป็นการเริ่มฝึกเรื่องงานบ้านแบบง่าย ๆ
  • ฝึกให้เข้านอน ตื่นนอน อาบน้ำ และกินข้าวให้เป็นเวลา โดยกินข้าวด้วยตนเอง

ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้ นอกจากจะเป็นการฝึกในเรื่องของหน้าที่และความรับผิดชอบของตนเองแล้ว ยังเป็นฝึกเขาในเรื่องของระเบียบวินัยอีกด้วยนะคะ

มอบหมายงานบ้านให้ลูกรับผิดชอบ

มอบหมายงานบ้านให้ลูกรับผิดชอบ

งานบ้าน” มาข้อนี้เริ่มเป็นเรื่องหน้าที่และความรับผิดชอบในเรื่องส่วนรวมแล้ว โดยคุณพ่อคุณแม่สามารถฝึกลูกได้ตั้งแต่อายุ 4 ปีขึ้นไป เริ่มจากง่าย ๆ ก่อนเช่นเคย

  • ช่วยหยิบจับจาน ช้อน ส้อม เพื่อนำไปจัดโต๊ะอาหาร โดยอุปกรณ์ทั้งหมดต้องเป็นของที่ตกแล้วไม่แตก
  • ช่วยหยิบอุปกรณ์การทำงานบ้านให้คุณพ่อคุณแม่เพื่อการทำงานบ้านต่าง ๆ
  • ช่วยตากผ้า พับผ้า (แม้ว่าจะไม่เรียบร้อยเท่าไหร่ก็ไม่เป็นไรนะคะ)

ข้อนี้จะเป็นการทำให้ลูกต้องเริ่มคิดแล้วว่า จะแบ่งเวลาส่วนตัวระหว่างหน้าที่ของตัวเองและงานบ้านของส่วนรวมได้อย่างไร แถมยังมีเรื่องของการบ้านจากโรงเรียนอีก ที่สำคัญ ควรกำหนดให้ลูกทำงานแต่ละอย่างให้สำเร็จตามระยะเวลาที่กำหนด ถ้าลูกสามารถทำได้ อย่าลืมพูดชมลูกตามสมควรด้วยนะคะ

ให้ลูกรับผิดชอบในหน้าที่ของตนเองในฐานะนักเรียน

ให้ลูกรับผิดชอบในหน้าที่ของตนเองในฐานะนักเรียน

เริ่มจากการฝึกให้ลูกมาโรงเรียนแต่เช้าทุกวัน เพื่อให้ทันเวลาเคารพธงชาติ ยิ่งถ้าคุณพ่อคุณแม่มาด้วยตัวเองก็ต้องตื่นเช้ากันนิดหนึ่งนะคะ และเมื่อถึงเวลาเลิกเรียน คุณพ่อคุณแม่ควรมารับลูกให้ตรงเวลาเช่นกัน เพื่อแสดงให้ลูกเห็นถึงความรับผิดชอบและการเป็นต้นแบบที่ดี

อีกหนึ่งเรื่องที่สำคัญคือ ควรฝึกให้ลูกทำงานที่คุณครูมอบหมายให้สำเร็จตามเวลาที่กำหนด ทั้งงานส่วนตัวและงานกลุ่ม โดยหมั่นถามถึงพฤติกรรมของลูกจากคุณครูประจำชั้น หากคุณพ่อคุณแม่พบว่ามีข้อบกพร่องตรงไหน ควรรีบแก้ไขทันทีค่ะ

รับผิดชอบงานบ้านที่ยากขึ้น และใช้เวลามากขึ้นตามช่วงอายุ

รับผิดชอบงานบ้านที่ยากขึ้น และใช้เวลามากขึ้นตามช่วงอายุ

เมื่อลูกโตขึ้น เข้าสู่วัยเรียน คุณพ่อคุณแม่ก็ควรมอบหมายงานบ้านที่ยากขึ้น ใช้เวลานานขึ้น เรียกได้ว่าควรเป็นงานที่ต้องใช้ความพยายามมากขึ้นก็ว่าได้ค่ะ และควรทำให้สำเร็จมากขึ้นตามช่วงอายุ

  • อายุ 5-7 ปี ให้ลูกพับผ้าห่มด้วยตนเอง รดน้ำต้นไม้ ยกอาหารที่ไม่ร้อนไปวางที่โต๊ะกินข้าว เป็นต้น
  • อายุ 8-10 ปี กวาดบ้าน ถูบ้าน ตากผ้า เก็บผ้า พับผ้า ล้างจาน
  • อายุ 11 ปี ขึ้นไป หัดล้างห้องน้ำ และทำอาหารเอง เป็นต้น

ขึ้นชื่อ “การสอนและการฝึก” คงไม่มีอะไรที่คุณพ่อคุณแม่จะได้มาง่าย ๆ ต้องเหนื่อยต้องเคี่ยวเข็ญกันแน่นอน แต่เพื่อให้มาซึ่งการที่ลูกเป็นเด็กที่รู้จักหน้าที่และมีความรับผิดชอบ คุณพ่อคุณแม่ต้องอดทน เพราะเมื่อวันที่เราเห็นลูกประสบความสำเร็จไม่ว่าจะด้านใดของลูกก็ตาม คุณพ่อคุณแม่นี่แหละค่ะ คือ พื้นฐานแห่งความสำเร็จของลูกอย่างแท้จริง

Featured post

โพสต์ที่อยากให้คุณแม่อ่าน

  1. 346 ชื่อจีนความหมายดี ๆ มีให้ลูกสาวและลูกชาย

  2. วิธีสต๊อก นมแม่ และการจัดเรียงให้ประหยัดเนื้อที่ในตู้เย็น

  3. 10 อาหารว่างคนท้อง และลูกน้อยในครรภ์

  4. หน้า 7 หลัง 7 คืออะไร? นับยังไง ไม่ท้องจริงหรือ

  5. 12 กลุ่มดาวจักรราศี มีอะไรบ้าง พร้อมเลขมงคลปี 2564

  6. 10 นิทานอีสป กับ 10 หนังสือนิทาน 2 ภาษา ปลูกฝังเรื่องราวดี ๆ สอนใจเด็ก ๆ

  7. ความฉลาด 11 ด้าน หรือ 11Q (11 Quotients) ที่เด็กยุคใหม่ควรมี

  8. 14 นิทานพื้นบ้านของไทย สอนใจเด็กได้ดี

หมวดหมู่โพสต์

บทความล่าสุด

  1. เช็คลิสต์ “ของเตรียมคลอด” “ของใช้เด็ก” “ของใช้หลังคลอด” เพื่อใช้หลังคลอดที่จำเป็น

  2. 8 อาหารที่แม่ให้นมห้ามทาน

  3. แนะวิธีเพิ่มปริมาณน้ำนมแม่อย่างถูกวิธี

  4. รีวิว นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก 10 ยี่ห้อ เปรียบเทียบกันตัวต่อตัว ยี่ห้อไหนดี พร้อมแนะวิธีการเลือกนมกล่องให้ลูก

  5. White Noise เสียงคลื่นความถี่ที่กล่อมลูกให้หลับฝันดี เพิ่มสมาธิได้อีกด้วย

รีวิวผลิตภัณฑ์แม่และเด็ก

  1. รีวิว นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก 10 ยี่ห้อ เปรียบเทียบกันตัวต่อตัว ยี่ห้อไหนดี พร้อมแนะวิธีการเลือกนมกล่องให้ลูก

  2. เปรียบเทียบนมผงสูตร 1 ในท้องตลาด สารอาหารที่น่าสนใจ

  3. 4 แปรงสีฟันเด็กยุคใหม่ แบรนด์ไหนใช้ดี เทียบแบรนด์ต่อแบรนด์

  4. รีวิวเปรียบเทียบชัดๆ ล้างจมูกให้ลูกด้วย Hashi Plus VS ไซริงค์

  5. รีวิว แชมพูสบู่เหลว Head to toe 5 แบรนด์ เทียบกันแบรนด์ต่อแบรนด์

  6. รีวิว นมผง สำหรับลูกน้อย 11 ยี่ห้อ ละเอียดยิบ ปี 2566 พร้อมหลักการเลือกซื้อนมผงให้ลูกน้อย

  7. 12 คาร์ซีท ยี่ห้อไหนดี 2023 ปลอดภัย คุ้มค่า คุ้มราคา

  8. 10 แป้งเด็ก ยี่ห้อไหนดี 2023 ปกป้อง อ่อนโยนต่อผิวลูก

  9. 10 เครื่องปั๊มนม ยี่ห้อไหนดี ปี 2023 ใช้งานง่าย ปั๊มเกลี้ยงเต้า

  10. 10 เบบี้โลชั่น ยี่ห้อไหนใช้ดี 2023 เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวลูกได้ดั่งใจแม่

ท่องเที่ยวกับครอบครัว

  1. 5 ที่เที่ยวปีใหม่ใกล้กรุงเทพ 2566 อิน ไม่มีเอ้าท์

  2. 5 พิกัดเช็คอิน ที่เที่ยวโคราช เมืองย่าโม

  3. 6 ที่เที่ยวเชียงใหม่ สำหรับครอบครัว ลูกแฮปปี้ พ่อแม่ดี๊ด๊า

  4. 5 พิกัด พาลูกเที่ยวญี่ปุ่น เปิดประสบการณ์การเรียนรู้

  5. 8 ที่เที่ยวครอบครัว หน้าหนาว ที่ไม่ควรพลาด

  6. 6 สถานที่พาลูกเที่ยว เรียนรู้ธรรมชาติ เสริมสร้างพัฒนาการ

TOP