ในยุคนี้คุณพ่อคุณแม่คงปฏิเสธไม่ได้ว่าอะไร ๆ ก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว หลายสิ่งหลายอย่างมีการแสดงออกมากขึ้น “อีแอบ” เป็นอีกคำหนึ่งที่สมัยก่อนเราอาจเคยได้ยินกัน นั่นก็เพราะว่าสมัยก่อนถ้าผู้ชายคนไหนรักที่จะเป็นเพศหญิงแต่จะไม่สามารถแสดงออกได้ เพราะสังคมไม่ยอมรับ ย้อนกลับมาถามที่คุณพ่อคุณแม่ว่า ถ้าวันหนึ่งลูกเดินมาบอกว่าเขาชอบคนที่มีเพศเดียวกับตัวเอง ซึ่งสมัยนี้เราก็จะได้ยอนกลุ่ม LGBTQ กันมากขึ้น ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความหลากหลายทางเพศ คุณพ่อคุณแม่จะทำอย่างไร? หรือจะรับมืออย่างไร?
สารบัญ
LGBTQ คืออะไร?
เป็นคำย่อรวมของกลุ่มที่มีความหลากหลายทางเพศ
- L คือ Lesbian หญิงรักหญิง
- G คือ Gay ชายรักชาย
- B คือ Bisexual ชอบหรือรักได้ทั้งสองเพศ
- T คือ Transgender คนที่เกิดมาแล้วมีเพศสภาพที่ไม่ตรงกับร่างกาย และสุดท้าย
- Q คือ Queer คือคนที่รักเพศใดก็ได้ แต่ไม่ได้รักเพศตรงข้าม
ลูกชอบเพศเดียวกัน พ่อแม่ควรทำอย่างไร?
ระยะหลังเราอาจเคยได้ยินเรื่องราวที่ลูกตัดสินใจเดินไปบอกกับคุณพ่อคุณแม่มากขึ้นว่าเขาเป็น LGBTQ ซึ่งถ้าเป็นคุณพ่อคุณแม่เอง…จะรับมืออย่างไร? เพราะต้องบอกว่ายังมีหลายครอบครัวที่ยอมรับได้ทันที บางครอบครัวขอทำใจก่อน และในขณะที่อีกหลายครอบครัวรับไม่ได้เลย
เป็นผู้ฟังที่ดีก่อน
ให้คุณพ่อคุณแม่ลองมองในมุมกลับกันดูว่าลูกต้องคิดมากแค่ไหน ต้องรวบรวมความกล้ามากแค่ไหน ที่จะตัดสินใจและก้าวเท้าเข้ามาบอกคุณพ่อคุณแม่ ซึ่งความจริงคุณพ่อคุณแม่น่าจะดีใจ และภูมิใจเสียด้วยซ้ำนะคะที่ลูกตัดสินใจมาพูดความจริง เพราะนั่นแปลว่าเขาไว้ใจคุณพ่อคุณแม่ระดับหนึ่งเลยทีเดียว
ถ้าคุณพ่อคุณแม่เห็นว่าลูกตื่นเต้น ร้องไห้ หรือพูดตะกุกตะกัก ให้พูดกับลูกด้วยน้ำเสียงและท่าทางที่อ่อนโยนว่าคุณพ่อคุณแม่พร้อมที่จะรับฟังลูกในทุกเรื่อง มีเหตุผลมากพอที่จะไม่ดุด่า หรือตำหนิลูก
ทำความเข้าใจกับความจริงที่เกิดขึ้น
ตั้งสติค่ะ สติมาก่อน หลังจากนั้นค่อย ๆ คิดพิจารณากับสิ่งที่เกิดขึ้นจนกระทั่งวินาทีที่ลูกตัดสินใจเดินมาบอกคุณพ่อคุณแม่ และยอมรับในสิ่งที่ลูกเป็น เพราะสิ่งที่ลูกคาดหวังอยากจะได้จากคุณพ่อคุณแม่ก็คือ ความเข้าใจ และการยอมรับในตัวตนของเขา
เรารักลูกมากพอหรือเปล่า
คุณพ่อคุณแม่ลองถามตัวเองอีกซักครั้งว่า เรารักลูกจริงหรือเปล่า รักมากพอในแบบที่ไม่เงื่อนไขเลยจริงหรือไม่ บางคนบอกว่า รักลูก รักมาก แม้ว่าลูกจะไปทำผิดอะไรมา เช่น ไปชิงทรัพย์ ไปฆ่าคน ติดยาเสพติด ฯลฯ คุณพ่อคุณแม่ก็ยังรับได้ และให้อภัยได้ เพราะฉะนั้นกับเรื่องนี้ เรื่องแค่ลูกต้องการใช้ชีวิตในแบบที่เขาเป็น คุณพ่อคุณแม่จะรับไม่ได้เลยหรือ
เราคาดหวังในตัวลูกมากไปหรือเปล่า
ก่อนอื่นต้องให้คุณพ่อคุณแม่นั่งนึกย้อนไปก่อนว่า เราเคยถูกใครคาดหวังในตัวเรามาก่อนหรือเปล่า เราจึงส่งต่อสิ่งนี้ไปที่ลูกทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัว
เลิกกำหนดมาตรฐานให้ลูก
เป็นคุณพ่อคุณแม่ยุคนี้ต้องใจกว้างค่ะ เลิกตัดสินลูก หรือใคร ๆ ก็ตามเพียงแค่แต่งตัวไม่ตรงเพศ เช่น ผู้หญิงบางคนเป็นคนห้าว ๆ ชอบไว้ผมสั้น หรือแม้กระทั่งบางครั้งมีกิริยาท่าทางแมน ๆ เหมือนผู้ชาย แต่สุดท้ายเขาก็ผู้หญิง 100% เลิกกำหนดมาตรฐานว่าคนเหล่านี้ต้องเป็นทอม ซึ่งไม่ใช่เสมอไป เช่นเดียวกันกับลูกของคุณพ่อคุณแม่นะคะ เขาจะแต่งตัวอย่างไร ไม่สำคัญเท่ากับว่าเขาแต่งตัวได้ถูกกาลเทศะ วางตัวได้เหมาะสมหรือเปล่าเท่านั้น
ไม่โทษตัวเอง
การที่ลูกรักเพศเดียวกัน ไม่ใช่ความผิดของคุณพ่อคุณแม่ เลิกโทษตัวเอง ตีอกชกตัวว่าที่ลูกเป็นแบบนี้ก็เพราะความผิดของคุณพ่อคุณแม่เอง เพราะนอกจากจะไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นแล้ว ยังสร้างความเสียใจและรอยแผลในใจให้ลูกอีกด้วย
ในวันที่ลูกรู้ตัวเองว่าเขาคือคนที่อยู่ในกลุ่ม LGBTQ สิ่งที่เขาคาดหวังที่จะได้รับจากคุณพ่อคุณแม่ก็คือ ความรัก ความเข้าใจ และการยอมรับในตัวตนของเขา เขาจะเป็นอะไรก็แล้วแต่ แต่สิ่งที่สำคัญมากที่สุด คือ การที่ลูกเราเป็นคนดีก็พอแล้ว จริงไหมคะ