น้ำคาวปลากี่วันหมด สีไหนที่เรียกว่าผิดปกติ

การคลอดและหลังคลอด
JESSIE MUM

สำหรับคุณแม่หลังคลอดมือใหม่ยังมีสิ่งต่าง ๆ เกี่ยวกับการตั้งครรภ์ การคลอด การให้นม และอื่น ๆ อีกมากมาย “น้ำคาวปลา” ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่คุณแม่ควรรู้ค่ะ

น้ำคาวปลา คืออะไร?

น้ำคาวปลา คือของเหลวที่ออกมาจากช่องคลอดหลังคลอด ลักษณะเป็นเลือดปนน้ำเหลือง ประกอบไปด้วยน้ำคร่ำและสิ่งต่าง ๆ ที่ค้างอยู่ในโพรงมดลูกที่หลุดออก ส่วนใหญ่แล้วคุณแม่ที่คลอดเองแบบธรรมชาติจะมีน้ำคาวปลาออกมามากกว่าคุณแม่ที่ผ่าตัดคลอด เพราะคุณหมอจะทำความสะอาดโพรงมดลูกให้จึงทำให้มีน้ำคาวปลาออกมาน้อยกว่า ซึ่งปกติแล้วน้ำคาวปลาจะไม่มีกลิ่น หรือถ้ามีกลิ่นจะเหมือนประจำเดือนทั่วไป
ปกติแล้วน้ำคาวปลาไม่ใช่สิ่งผิดปกติแต่อย่างใด เพราะเป็นสิ่งที่ขับออกมาหลังการคลอด แต่คุณแม่ก็ควรหมั่นสังเกตความผิดปกติของน้ำคาวปลาด้วยนะคะ เพราะน้ำคาวปลามีโอกาสเกิดความผิดปกติได้ ซึ่งอาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อได้

น้ำคาวปลา กี่วันหมด?

ตลอดระยะเวลาของคุณแม่หลังคลอดจะมีน้ำคาวปลาในประมาณทั้งหมดที่ 200 – 500 มิลลิลิตร และจะค่อย ๆ ลดปริมาณลงจนหมดไปเมื่อแผลในโพรงมดลูกนั้นปิดสนิท โดยทั่วไปแล้วจะใช้เวลาประมาณ 3 – 4 สัปดาห์ น้ำคาวปลาก็จะหมดไป แต่ในบางรายอาจมีน้ำคาวปลานานถึง 6 สัปดาห์หลังคลอด

นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์ แต่อธิบายเกี่ยวกับระยะปกติของน้ำคาวปลาไว้ โดยแบ่งออกได้เป็น 3 ระยะ

น้ำคาวปลาแดง (Lochia lubra)

จะมีสีแดง ๆ ออกคล้ำ ๆ เนื่องจากประกอบไปด้วยเลือด เมือก และเศษรก โดยจะออกมาตั้งแต่วันแรกหลังคลอด ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 3 – 5 วันก็จะหมดไป

น้ำคาวปลาเหลืองใส (Lochia serosa)

เป็นน้ำคาวปลาที่จะออกมาต่อจากน้ำคาวปลาแดงไปจนถึงวันที่ 10 โดยประมาณหลังการคลอด หลังจากนั้นจะเริ่มจางลง และเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลหรือชมพู แล้วจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองใส

น้ำคาวปลาขาว (Lochia alba)

จะออกต่อจากน้ำคาวปลาเหลืองใสไปต่ออีก 6 สัปดาห์หลังคลอด แล้วจะมีสีเหลืองขุ่นค่อนไปทางขาว หลังจากนั้นจะลดปริมาณลงและจะแห้งสนิท

ช่วงนี้ให้คุณแม่ใส่ผ้าอนามัยไว้ หมั่นเปลี่ยนบ่อย ๆ เพื่อป้องกันการอับชื้น อาบน้ำได้ตามปกติ แต่ไม่ควรแช่น้ำ หรือว่ายน้ำในช่วงที่น้ำคาวปลายังไม่หมด เพราะเสี่ยงที่น้ำจะเข้าไปในโพรงมดลูก และเกิดการติดเชื้อได้ และที่ขาดไม่ได้คือ คุณแม่ต้องหมั่นสังเกตตัวเองนะคะว่าน้ำคาวปลามีกลิ่นเหม็นหรือไม่ หากพบสิ่งที่ผิดปกติควรปรึกษาคุณหมอทันที

น้ำคาวปลาแบบไหนที่ผิดปกติ

แม้ว่าน้ำคาวปลาเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ แต่มันก็มีโอกาสเสี่ยงผิดปกติได้ซึ่งลักษณะที่ผิดปกติมีดังนี้

  • น้ำคาวปลามีกลิ่นเหม็นเน่า ปวดมดลูกมาก บางรายอาจมีไข้ร่วมด้วย ซึ่งลักษณะนี้คืออาการติดเชื้อ
  • น้ำคาวปลามีปริมาณมาก โดยที่แม้ว่าจะหมั่นเปลี่ยนบ่อย ๆ แล้วแต่ก็ยังไหลเต็มผ้าอนามัยทุก 1 ชั่วโมง
  • น้ำคาวปลามีลักษณะสีแดงสด และมีก้อนเลือด หรือลิ่มเลือดออกมาด้วย ซึ่งเป็นลักษณะของเลือดออกมากผิดปกติหลังคลอด อาจมีสาเหตุมาจากการกินยาขับเลือด มีชิ้นส่วนรกที่ติดค้างอยู่ในมดลูก การติดเชื้อในเยื่อบุโพรงมดลูก รวมถึงความผิดปกติในการแข็งตัวของเม็ดเลือด
  • พบว่าก่อนหน้านี้น้ำคาวปลาได้จางลงไปแล้ว แต่จู่ ๆ กลับมามีสีแดงสดอีกครั้งตลอดระยะเวลา 4 วันหลังคลอด (หรืออาจนานกว่านั้น) รวมถึงอาการไม่ดีขึ้นแม้จะพักผ่อนมากแล้วก็ตาม
  • มีน้ำคาวปลาออกมามาก มีไข้ เวียนศีรษะ คลื่นไส้ อ่อนเพลีย และหัวใจเต้นเร็ว

ยาขับน้ำคาวปลาควรกินไหม?

รศ.พญ.สายฝน ชวาลไพบูลย์ ภาควิชาสูติศาสตร์ นรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ได้กล่าวถึงเรื่องของการดื่มยาดอง หรือยาขับน้ำคาวปลาหลังคลอดเอาไว้ว่า มีหลายคนที่เชื่อกันว่าน้ำคาวปลาคือ ของเสียที่ต้องขับออกมาให้มาก ๆ ทำให้คุณแม่หลังคลอดหลายต่อหลายคนเกิดอาการตกเลือดจากการกินยาขับน้ำคาวปลา บางรายอาจหมดสติ และในขณะที่บางรายถึงขั้นเสียชีวิต

ดูแลตัวเองอย่างไรหลังคลอด

  • เลี่ยงการว่ายน้ำ หรือเลี่ยงการแช่น้ำในอ่างอาบน้ำ
  • หมั่นเปลี่ยนผ้าอนามัยอย่างสม่ำเสมอ
  • หมั่นสังเกตร่างกายตัวเอง และน้ำคาวปลาอยู่เสมอ (ทั้งสีน้ำคาวปลา และระยะเวลา)

น้ำคาวปลาเป็นอาการหลังคลอดที่คุณแม่ทุกคนต้องเจอ เพียงแต่คุณแม่ควรหมั่นสังเกตตัวเองอย่างสม่ำเสมอ หากมีอะไรที่ผิดปกติ หรือไม่แน่ใจควรปรึกษาคุณหมอทันที น้ำคาวปลาใช้เวลานานสุดจะไม่เกิน 6 สัปดาห์ แล้วมดลูกล่ะ “มดลูกเข้าอู่ใช้เวลากี่วัน” (Another article)


มดลูกใช้เวลากี่วันกว่าจะเข้าอู่? เมื่อหลังคลอดมดลูกก็จะเข้าสู่กระบวนการหดรัดตัวเพื่อให้อยู่ในสภาพปกติ ใช้เวลากี่วัน ทำอย่างไรให้มดลูกเข้าอู่เร็ว คลิกที่นี่

ข้อมูลอ้างอิง haamor.com

Featured post

โพสต์ที่อยากให้คุณแม่อ่าน

  1. 346 ชื่อจีนความหมายดี ๆ มีให้ลูกสาวและลูกชาย

  2. วิธีสต๊อก นมแม่ และการจัดเรียงให้ประหยัดเนื้อที่ในตู้เย็น

  3. 10 อาหารว่างคนท้อง และลูกน้อยในครรภ์

  4. หน้า 7 หลัง 7 คืออะไร? นับยังไง ไม่ท้องจริงหรือ

  5. 12 กลุ่มดาวจักรราศี มีอะไรบ้าง พร้อมเลขมงคลปี 2564

  6. 10 นิทานอีสป กับ 10 หนังสือนิทาน 2 ภาษา ปลูกฝังเรื่องราวดี ๆ สอนใจเด็ก ๆ

  7. ความฉลาด 11 ด้าน หรือ 11Q (11 Quotients) ที่เด็กยุคใหม่ควรมี

  8. 14 นิทานพื้นบ้านของไทย สอนใจเด็กได้ดี

หมวดหมู่โพสต์

บทความล่าสุด

  1. เช็คลิสต์ “ของเตรียมคลอด” “ของใช้เด็ก” “ของใช้หลังคลอด” เพื่อใช้หลังคลอดที่จำเป็น

  2. 8 อาหารที่แม่ให้นมห้ามทาน

  3. แนะวิธีเพิ่มปริมาณน้ำนมแม่อย่างถูกวิธี

  4. รีวิว นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก 10 ยี่ห้อ เปรียบเทียบกันตัวต่อตัว ยี่ห้อไหนดี พร้อมแนะวิธีการเลือกนมกล่องให้ลูก

  5. White Noise เสียงคลื่นความถี่ที่กล่อมลูกให้หลับฝันดี เพิ่มสมาธิได้อีกด้วย

รีวิวผลิตภัณฑ์แม่และเด็ก

  1. รีวิว นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก 10 ยี่ห้อ เปรียบเทียบกันตัวต่อตัว ยี่ห้อไหนดี พร้อมแนะวิธีการเลือกนมกล่องให้ลูก

  2. เปรียบเทียบนมผงสูตร 1 ในท้องตลาด สารอาหารที่น่าสนใจ

  3. 4 แปรงสีฟันเด็กยุคใหม่ แบรนด์ไหนใช้ดี เทียบแบรนด์ต่อแบรนด์

  4. รีวิวเปรียบเทียบชัดๆ ล้างจมูกให้ลูกด้วย Hashi Plus VS ไซริงค์

  5. รีวิว แชมพูสบู่เหลว Head to toe 5 แบรนด์ เทียบกันแบรนด์ต่อแบรนด์

  6. รีวิว นมผง สำหรับลูกน้อย 11 ยี่ห้อ ละเอียดยิบ ปี 2566 พร้อมหลักการเลือกซื้อนมผงให้ลูกน้อย

  7. 12 คาร์ซีท ยี่ห้อไหนดี 2023 ปลอดภัย คุ้มค่า คุ้มราคา

  8. 10 แป้งเด็ก ยี่ห้อไหนดี 2023 ปกป้อง อ่อนโยนต่อผิวลูก

  9. 10 เครื่องปั๊มนม ยี่ห้อไหนดี ปี 2023 ใช้งานง่าย ปั๊มเกลี้ยงเต้า

  10. 10 เบบี้โลชั่น ยี่ห้อไหนใช้ดี 2023 เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวลูกได้ดั่งใจแม่

ท่องเที่ยวกับครอบครัว

  1. 5 ที่เที่ยวปีใหม่ใกล้กรุงเทพ 2566 อิน ไม่มีเอ้าท์

  2. 5 พิกัดเช็คอิน ที่เที่ยวโคราช เมืองย่าโม

  3. 6 ที่เที่ยวเชียงใหม่ สำหรับครอบครัว ลูกแฮปปี้ พ่อแม่ดี๊ด๊า

  4. 5 พิกัด พาลูกเที่ยวญี่ปุ่น เปิดประสบการณ์การเรียนรู้

  5. 8 ที่เที่ยวครอบครัว หน้าหนาว ที่ไม่ควรพลาด

  6. 6 สถานที่พาลูกเที่ยว เรียนรู้ธรรมชาติ เสริมสร้างพัฒนาการ

TOP