9 คำพูดต้องห้าม ทำร้ายจิตใจแม่ลูกอ่อน

ไลฟ์สไตล์
JESSIE MUM

การตั้งครรภ์เป็นอะไรที่คุณแม่ต้องรับบทบาทหนักเอาการอยู่ทีเดียว ไม่ใช่แค่ร่างกายที่ต้องแบกรับน้ำหนักมากขึ้น แต่ยังต้องแบกรับในเรื่องของจิตใจที่แปรปรวน อารมณ์อ่อนไหวง่ายอีกด้วย ซึ่งในฐานะที่เป็นคุณพ่อ เป็นคู่ชีวิตกัน อาจจะต้องเพิ่มความระมัดระวังในเรื่องของคำพูดมากขึ้นอีกสักหน่อย บางครั้งหากหลุดออกมาจากปากแล้วไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม อาจเป็นการบั่นทอนความรู้สึกของคุณแม่ก็เป็นได้ค่ะ ซึ่งคำพูดต้องห้าม หรือคำพูดที่ควรคิดก่อนพูดมีอะไรบ้าง ไปดูกันเลยค่ะ

9 คำพูดต้องห้าม ทำร้ายจิตใจแม่ลูกอ่อน

คำพูดต้องห้ามหรือคำพูดที่ควรคิดก่อนพูดมีอะไรบ้าง ไปดูกันค่ะ

วัน ๆ เอาเวลาไปทำอะไรหมด ทำไมบ้านรกจัง

ก่อนอื่นเลยอยากให้คุณพ่อทำความเข้าใจกันสักนิดก่อนค่ะ ว่าไม่มีใครที่ชอบอยู่บ้านรก ๆ เช่นกัน แต่ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะว่าคุณแม่มีงานหลายอย่างที่จะต้องทำ เช่น ให้นมลูก กล่อมลูกนอน ถ้าลูกไม่นอนก็ต้องอุ้มเดินเล่น หรืออยู่ดูแลลูก ล้างขวดนม เอาลูกอาบน้ำ ซักผ้าอ้อม ตากผ้า พับผ้า ปั๊มนม และอีกสารพัด

ลองเปลี่ยนคำพูดมาเป็น…

“แม่ดูแลลูกไปนะ เรื่องงานบ้านเดี๋ยวพ่อช่วยเอง”

ทำไมยังอ้วนอยู่เลย

ขณะตั้งครรภ์น้ำหนักของคุณแม่จะเพิ่มขึ้นมาประมาณ 10-15 กิโลกรัม ซึ่งเมื่อคลอดลูก ลูกจะมีน้ำหนักอย่างมากก็ประมาณ 3-4 กิโลกรัมเท่านั้น เพราะฉะนั้นน้ำหนักที่เหลือก็จะตกอยู่ที่คุณแม่คนเดียว ซึ่งโดยปกติแล้ว หลังคลอดคุณแม่ก็จะมีความกังวลเรื่องน้ำหนักตัวอยู่แล้ว แต่หากคุณพ่อยิ่งพูดซ้ำเติมเข้าไปอีกก็จะทำให้คุณแม่เกิดความกังวล ส่งผลต่อการเลี้ยงลูกที่ไม่มีความสุขอีกด้วย

ลองเปลี่ยนคำพูดมาเป็น…

“พ่อว่าตอนเย็นเราไปเดินเล่น หรือไปออกกำลังกายที่สวนสาธารณะกันดีไหม”

อาหารไม่อร่อยเลย

จริงอยู่ผู้หญิงบางคนเกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์ในการทำอาหาร ทำกับข้าวแต่ในขณะที่บางคนก็ต้องอาศัยการเรียนรู้ การทำบ่อย ๆ ให้เวลาคุณแม่สักหน่อยนะคะ

ลองเปลี่ยนคำพูดมาเป็น…

“กับข้าววันนี้ใช้ได้เลย ถ้าเติมน้ำตาลอีกนิดตัดเค็ม จะเยี่ยมเลย”

ลูกร้องอีกแล้ว ดูลูกกันยังไง

สิ่งเดียวที่ทารกจะสามารถสื่อสารกับคุณพ่อคุณแม่ได้ก็คือ การร้องไห้ และสาเหตุที่ทำให้ทารกร้องไห้นั้นมีหลายสาเหตุ ได้แก่ ก้นเปียกชื้น หิวนม อยากให้อุ้ม รวมไปถึงการง่วงนอน คนเป็นแม่ก็ไม่อยากให้ลูกร้องไห้เช่นกัน

ลองเปลี่ยนคำพูดมาเป็น…

“ลูกร้องอีกแล้ว เดี๋ยวพ่อช่วยดูให้นะว่าเพราะอะไร”

ทำไมหลังคลอดยิ่งดูโทรมจัง

ด้วยหลังคลอดคุณแม่ก็มีภาระที่จะต้องทำหลายอย่าง ไหนจะต้องดูแลตัวเอง ดูแลลูกน้อย อาหารการกิน งานบ้าน งานลูก และอีกมากมาย ไม่มีผู้หญิงคนไหนอยากดูโทรมหรอกค่ะ เพียงแค่ไม่มีเวลาเท่านั้น

ลองเปลี่ยนคำพูดมาเป็น…

“คุณคงเหนื่อยมากแล้ว ไปพักเถอะ ผมจะช่วยดูแลลูกให้”

อยู่บ้านว่าง ๆ ก็หางานเสริมก็ดีนะ

ก่อนอื่นการเป็นแม่ฟูลไทม์ไม่ได้มีเวลาว่างขนาดนั้นนะคะ วนอยู่กับงานบ้านที่ไม่มีวันจบสิ้น งานดูแลลูกที่ไม่มีวันเลิกรา จบงานกวาดบ้าน ก็มาตากผ้า มาให้นมลูก อุ้มลูกกล่อมนอน พอลูกนอนแม่ก็ต้องรีบกิน ฯลฯ เวลาจะงีบยังไม่มีเลย

ลองเปลี่ยนคำพูดมาเป็น…

“ถ้าคุณเบื่อ ก็ลองหางานที่ทำได้จากที่บ้านก็ได้นะ เผื่อได้ค่าขนมลูกเล็ก ๆ น้อย ๆ”

เลี้ยงลูกไม่ใช่หน้าที่ผู้ชายนะ

เพราะลูกเกิดจากความรักระหว่างคนสองคน ซึ่งเชื่อว่าคุณแม่เองก็ไม่ได้ต้องการขนาดว่าให้ผู้ชายมาเลี้ยงลูกตลอดเวลาแล้วคุณแม่ไปนั่งทำเล็บสบายอะไรขนาดนั้นค่ะ เพียงแต่ว่าถ้าคุณแม่ไม่ไหวแล้ว เหนื่อยมาก คุณพ่อก็ควรเข้ามารับหน้าที่ดูแลลูกบ้างก็เท่านั้น

ลองเปลี่ยนคำพูดมาเป็น…

“แม่ไปนอนพัก ไปอาบน้ำให้สบายตัวก่อนนะ เดี๋ยวพ่อดูลูกให้เอง”

ทำงานมาก็เหนื่อยแล้ว ยังจะมาขี้บ่นใส่อีก

อยากให้คุณพ่อเอาใจเขามาใส่เราสักนิดค่ะ วัน ๆ คุณแม่อยู่แต่กับลูกจะเจอหน้าบ่อยหน่อยก็คุณไปรษณีย์เท่านั้น อยู่บ้านก็ไม่รู้จะพูดคุยสารทุกข์สุกดิบกับใคร เมื่อคุณพ่อมาก็อยากจะเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ที่เจอมาให้คุณพ่อได้ฟังก็เท่านั้น

ลองเปลี่ยนคำพูดมาเป็น…

“พ่อเป็นกำลังใจให้นะแม่ มีอะไรให้พ่อช่วยไหม”

อย่าเยอะได้ไหม

หืม…มันจี๊ดมาก เป็นคุณแม่คนไหนได้ยินแบบนี้ล่ะก็ มีทรุดแน่นอน ไหนจะเลี้ยงลูกมาเหนื่อยทั้งวันแล้ว ยังมาเจอคำพูดแบบนี้อีก ด้วยความที่คุณแม่เลี้ยงลูกคนเดียวมาเกือบทั้งวัน ไม่มีใครช่วยหยิบจับอะไร เมื่อคุณพ่อกลับมาก็เป็นธรรมดาที่คุณแม่อยากให้ช่วยหยิบจับอะไรให้บ้าง

ลองเปลี่ยนคำพูดมาเป็น…

“อยากได้อะไรบ้าง บอกพ่อมาเลยนะ”

ด้วยพื้นฐานความรักจากคนสองคน สุดท้ายตกลงปลงใจที่จะสร้างครอบครัวด้วยกัน ดังนั้น ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ หรือต้องมีเรื่องให้จัดการมากแค่ไหน การหยิบยื่นความเข้าใจและเห็นอกเห็นใจกันเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งคุณพ่อเองก็ควรทำความเข้าใจคุณแม่ คุณแม่ก็ควรเข้าใจคุณพ่อเช่นกัน แบบนี้ครอบครัวก็จะสามารถอยู่กันไปได้ตลอดลอดฝั่งและอบอุ่นค่ะ

Featured post

โพสต์ที่อยากให้คุณแม่อ่าน

  1. 346 ชื่อจีนความหมายดี ๆ มีให้ลูกสาวและลูกชาย

  2. วิธีสต๊อก นมแม่ และการจัดเรียงให้ประหยัดเนื้อที่ในตู้เย็น

  3. 10 อาหารว่างคนท้อง และลูกน้อยในครรภ์

  4. หน้า 7 หลัง 7 คืออะไร? นับยังไง ไม่ท้องจริงหรือ

  5. 12 กลุ่มดาวจักรราศี มีอะไรบ้าง พร้อมเลขมงคลปี 2564

  6. 10 นิทานอีสป กับ 10 หนังสือนิทาน 2 ภาษา ปลูกฝังเรื่องราวดี ๆ สอนใจเด็ก ๆ

  7. ความฉลาด 11 ด้าน หรือ 11Q (11 Quotients) ที่เด็กยุคใหม่ควรมี

  8. 14 นิทานพื้นบ้านของไทย สอนใจเด็กได้ดี

หมวดหมู่โพสต์

บทความล่าสุด

  1. เช็คลิสต์ “ของเตรียมคลอด” “ของใช้เด็ก” “ของใช้หลังคลอด” เพื่อใช้หลังคลอดที่จำเป็น

  2. 8 อาหารที่แม่ให้นมห้ามทาน

  3. แนะวิธีเพิ่มปริมาณน้ำนมแม่อย่างถูกวิธี

  4. รีวิว นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก 10 ยี่ห้อ เปรียบเทียบกันตัวต่อตัว ยี่ห้อไหนดี พร้อมแนะวิธีการเลือกนมกล่องให้ลูก

  5. White Noise เสียงคลื่นความถี่ที่กล่อมลูกให้หลับฝันดี เพิ่มสมาธิได้อีกด้วย

รีวิวผลิตภัณฑ์แม่และเด็ก

  1. รีวิว นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก 10 ยี่ห้อ เปรียบเทียบกันตัวต่อตัว ยี่ห้อไหนดี พร้อมแนะวิธีการเลือกนมกล่องให้ลูก

  2. เปรียบเทียบนมผงสูตร 1 ในท้องตลาด สารอาหารที่น่าสนใจ

  3. 4 แปรงสีฟันเด็กยุคใหม่ แบรนด์ไหนใช้ดี เทียบแบรนด์ต่อแบรนด์

  4. รีวิวเปรียบเทียบชัดๆ ล้างจมูกให้ลูกด้วย Hashi Plus VS ไซริงค์

  5. รีวิว แชมพูสบู่เหลว Head to toe 5 แบรนด์ เทียบกันแบรนด์ต่อแบรนด์

  6. รีวิว นมผง สำหรับลูกน้อย 11 ยี่ห้อ ละเอียดยิบ ปี 2566 พร้อมหลักการเลือกซื้อนมผงให้ลูกน้อย

  7. 12 คาร์ซีท ยี่ห้อไหนดี 2023 ปลอดภัย คุ้มค่า คุ้มราคา

  8. 10 แป้งเด็ก ยี่ห้อไหนดี 2023 ปกป้อง อ่อนโยนต่อผิวลูก

  9. 10 เครื่องปั๊มนม ยี่ห้อไหนดี ปี 2023 ใช้งานง่าย ปั๊มเกลี้ยงเต้า

  10. 10 เบบี้โลชั่น ยี่ห้อไหนใช้ดี 2023 เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวลูกได้ดั่งใจแม่

ท่องเที่ยวกับครอบครัว

  1. 5 ที่เที่ยวปีใหม่ใกล้กรุงเทพ 2566 อิน ไม่มีเอ้าท์

  2. 5 พิกัดเช็คอิน ที่เที่ยวโคราช เมืองย่าโม

  3. 6 ที่เที่ยวเชียงใหม่ สำหรับครอบครัว ลูกแฮปปี้ พ่อแม่ดี๊ด๊า

  4. 5 พิกัด พาลูกเที่ยวญี่ปุ่น เปิดประสบการณ์การเรียนรู้

  5. 8 ที่เที่ยวครอบครัว หน้าหนาว ที่ไม่ควรพลาด

  6. 6 สถานที่พาลูกเที่ยว เรียนรู้ธรรมชาติ เสริมสร้างพัฒนาการ

TOP