รีวิว นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก 10 ยี่ห้อ เปรียบเทียบกันตัวต่อตัว ยี่ห้อไหนดี พร้อมแนะวิธีการเลือกนมกล่องให้ลูก

สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่กำลังมองหานมกล่อง UHT ให้ลูกอยู่ แต่ไม่รู้ว่าจะเลือกยี่ห้อไหนดี วันนี้เรามีข้อมูลล่าสุดของนมกล่อง UHT 10 ยี่ห้อมาฝาก เปรียบเทียบกันจะ ๆ ว่ายี่ห้อไหนมีอะไรบ้าง พร้อมวิธีการเลือกนมกล่อง UHT ให้เหมาะสมกับพัฒนาการของลูกน้อยในแต่ละวัยมาฝากค่ะ

แอบกระซิบว่าที่ต้องเลือกนมกล่อง UHT ให้ลูกมากหน่อยก็เพราะน้องมินเป็นเด็กที่คลอดก่อนกำหนด เพราะฉะนั้นพอเข้าช่วงที่เค้าสามารถกินนมกล่องได้แล้ว จึงต้องเลือกให้ลูกมากเป็นพิเศษค่ะ โดยมีเรื่องของพัฒนาการด้านต่าง ๆ เป็นตัวแปร

ประเภทของนม

หลายคนอาจเคยรู้ เคยสงสัย หรืออาจลืมไปแล้วว่านมบรรจุกล่อง บรรจุขวดแต่ละประเภทนั้นต่างกันอย่างไร วันนี้เรามาทบทวนกันก่อนดีกว่าค่ะ

นมสดพาสเจอร์ไรซ์ (Pasteurized Milk)

คือนมสด 100% ที่ผ่านกรรมวิธีการฆ่าเชื้อด้วยความร้อนต่ำ แต่ใช้เวลานาน คือ ไม่ต่ำกว่า 63 – 65 องศาเซลเซียส เป็นเวลานาน 30 นาที หรือทำให้ร้อนที่อุณหภูมิไม่ต่ำกว่า 72 องศาเซลเซียส เป็นเวลาอย่างน้อย 16 นาที เมื่อผ่านความร้อนครบกำหนดแล้วมันจะถูกทำให้เย็นลงทันทีในอุณหภูมิที่ไม่ต่ำกว่า 5 องศาเซลเซียส

นมสเตอริไลซ์ (Sterilized Milk)

เป็นนมสด 100% ที่ผ่านกรรมวิธีการฆ่าเชื้อด้วยความร้อนที่อุณหภูมิ 118 องศาเซลเซียส โดยใช้เวลา 12 นาที ด้วยความร้อนที่สูงนี้จึงสามารถทำลายเชื้อจุลินทรีย์ตัวการที่ทำให้นมเน่าเสีย นมชนิดนี้จึงสามารถเก็บได้นานกว่า 1 ปี โดยที่ไม่ต้องแช่เย็น

นมยูเอชที (UHT หรือ Ultra High Temperature Milk)

หลายคนอาจจะสับสนเมื่อเดินเข้าไปในแผนกจำหน่ายนมว่าทำไมมีนมหลายประเภทจัง อาทิ นมสเตอริไลซ์, พาสเจอร์ไรซ์ และนม UHT ซึ่งวันนี้เราจะมาพุดคุยกันในส่วนของนม UHT กันค่ะว่า คืออะไร?

UHT หรือที่ย่อมาจากคำว่า Ultra-High-Temperature Short Time ซึ่งก็คือ การให้นมไปผ่านความร้อนที่สูงมาก ๆ ภายในระยะเวลาอันสั้น อันเป็นกระบวนการในการฆ่าเชื้อนั่นเอง เพราะด้วยนมวัวสดที่เพิ่งรีดออกมาจากเต้าของแม่วัวนั้น จะยังมีเชื้อโรคบางชนิดอยู่ แต่ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้ส่งผลเสียต่อร่างกาย แต่ก็ไม่ปลอดภัยสำหรับจะบริโภค 100%

โดยนม UHT ที่นำมาผ่านความร้อนโดยจะมีอุณหภูมิอยู่ที่ 135-150℃ และใช้เวลาเพียง 2-3 วินาทีเท่านั้น ซึ่งความร้อนในระดับนี้สามารถฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ที่ก่อให้เกิดโรคได้ แต่อาจจะมีการสูญเสียรสชาติของนมเล็กน้อยเท่านั้น หลังจากการฆ่าเชื้อแล้ว นม UHT จะมีอายุ 6-8 เดือน หากเก็บให้พ้นแสงแดดและเอาไว้ในอุณหภูมิห้อง

เปลี่ยนจากนมผงมาเป็นนม UHT ต้องพิจารณาอะไรบ้าง?

หากก่อนหน้านี้คุณแม่ให้ลูกน้อยดื่มนมผงอยู่ แต่เมื่อถึงระยะเวลาหนึ่งคุณแม่ต้องการเปลี่ยนจากนมผงมาเป็นนม UHT คุณแม่จำเป็นที่จะต้องคำนึงถึงประเด็นต่าง ๆ ดังนี้ก่อนนะคะ

ก่อนการเปลี่ยนผ่านไปสู่นม UHT คุณแม่ต้องพิจารณาเรื่องอายุของลูกน้อยก่อนค่ะ โดยลูกน้อยที่จะสามารถดื่มนม UHT ได้นั้น ต้องมีอายุ 1 ปี ขึ้นไป

โดยเริ่มการให้นม UHT วันละ 1 กล่องก่อน และสลับกับนมที่ลูกน้อยดื่มเป็นประจำ ทำอย่างนี้ประมาณ 1 อาทิตย์ แล้วค่อยปรับเป็น 2 กล่อง และเป็นนม UHT ทุกมื้อ ตามลำดับ ด้วยรูปแบบการปรับในลักษณะนี้จะทำให้ลูกน้อยและร่างกายของลูกน้อยเริ่มคุ้นชิน

หลังจากที่ให้ลูกน้อยดื่มนม UHT แล้ว คุณพ่อคุณแม่ควรสังเกตเรื่องการขับถ่ายของลูกน้อยด้วยนะคะ ว่าลูกมีอาการท้องผูกหรือท้องเสียหรือไม่ รวมถึงปริมาณนมที่ลูกดื่มว่าลูกยังสามารถดื่มนมได้มากเท่าเดิมเหมือนปกติหรือไม่ ซึ่งถ้าลูกยังดื่มนม UHT ได้ในปริมาณที่เท่าเดิมหรือใกล้เคียงเดิม รวมถึงไม่มีปัญหาเรื่องขับถ่าย แบบนี้ก็ไม่มีอะไรต้องกังวลค่ะ

สารอาหารที่ควรมีในนม UHT

การจะเลือกนม UHT ให้ลูกสักกล่อง คุณพ่อคุณแม่จำเป็นที่จะต้องรู้ก่อนค่ะว่า สารอาหารอะไรที่สำคัญต่องร่างกายลูก ที่ควรมีในนม UHT บ้าง ไปติดตามกันค่ะ

DHA

มีส่วนช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการรับ-ส่งข้อมูล และการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างเซลล์ประสาท กระตุ้นและเพิ่มการเชื่อมต่อของเซลล์สมอง ทำให้ลูกน้อยมีพัฒนาการด้านสมอง มีความจำ มีสมาธิ รวมถึงมีการคิดวิเคราะห์ที่ดี สนุกไปกับทุกการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ

โอเมก้า 3

ช่วยกระตุ้นและส่งเสริมพัฒนาการด้านสมอง และเซลล์ประสาทสมอง

โคลีน

อีกหนึ่งสารอาหารที่มีความจำเป็นต่อระบบประสาท และสมอง ในให้ลูกน้อยเรียนรู้ได้ไว ความทรงจำดี และช่วยเสริมสร้างพัฒนาการสมอง

ลูทีน

ช่วยเพิ่มความจำ บำรุงสมอง เซลล์ประสาทสมอง และบำรุงสายตา

ธาตุเหล็ก

ช่วยกระตุ้นการเรียนรู้ให้ดี ช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดง ให้ลูกน้อยมีสมาธิ และมีพัฒนาการทางสมองที่สมวัย

โฟลิก

ช่วยกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดแดง และควบคุมการทำงานของสมอง

ไอโอดีน

ช่วยกระตุ้นการทำงานของสมอง ควบคุมการทำงานของระบบประสาท ช่วยให้เรียนรู้ได้ไวขึ้น

วิตามินบี 12

มีส่วนช่วยให้การทำงานของระบบประสาทเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวมไปถึงให้ลูกน้อยมีพัฒนาการทางสมองที่เติบโตสมวัย เป็นเด็กนักคิด นักวิเคราะห์ และช่างจดช่างจำ

ข้อควรรู้พื้นฐานในการเลือกนมกล่อง UHT

อย่างที่รู้กันดีว่าเมื่อทารกก้าวเข้าสู่วัย 6 เดือน ลูกน้อยต้องได้รับอาหารเสริม ที่นอกเหนือการกินนมแม่อย่างเดียว (นมแม่สามารถให้ควบคู่กันไปได้) นมกล่อง UHT จึงเป็นอีกหนึ่งทางออกสำหรับคุณแม่ที่ต้องการเสริมอาหารลูกด้วยนมคู่ไปกับอาหารที่บดละเอียด และนมแม่ ซึ่งก่อนการตัดสินใจเลือกซื้อนมกล่อง UHT นั้น คุณแม่ควรมีข้อมูลพื้นฐานที่ช่วยในการตัดสินใจซื้อ ดังนี้

เลือกนมกล่อง UHT ที่เป็นรสจืด

ลูกจะติดหวาน ติดเค็ม หรือติดกินรสจัด ก็อยู่ที่การฝึกลูกเริ่มแรกนี้แหละค่ะ การฝึกให้ลูกกินนมจืด จึงเป็นสิ่งที่ดีที่สุด เพราะหากให้ลูกกินนมที่มีความหวาน ลูกมีโอกาสสูงที่จะติดหวานไปจนโต นอกจากนี้ ยังเสียงต่อโรคอ้วนในเด็กได้อีกด้วย

เลือกให้เหมาะกับช่วงวัย

หลายสิ่ง หลายอย่าง ไม่ว่าเป็นเรื่องของการฝึกลูก หรือการเลือกนมกล่อง UHT ให้ลูก จำเป็นอย่างยิ่งที่คุณพ่อคุณแม่จะต้องเรียนรู้เกี่ยวกับพัฒนาการของลูกในแต่ละช่วงวัย เพื่อเป็นการตอบสนองลูกได้อย่างถูกต้อง ตัวอย่างเช่น ลูกน้อยที่อายุ 1 ขวบ ขึ้นไป ควรเลือกนมที่เป็นสูตร 3 เนื่องจาก ช่วงวัยนี้ร่างกายต้องการวิตามินและแร่ธาตุต่างๆ มากเป็นพิเศษ

เน้นที่ช่วยบำรุงประสาทและสมอง

สารอาหารที่เน้นบำรุงเรื่องของระบบประสาทและสมองจะเป็นกลุ่มของโอเมก้า 3, 6, 9 เนื่องจากสารอาหารกลุ่มนี้จะเป็นสารตั้งต้นของ DHA ซึ่งมีส่วนช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ประสาทสมอง และความจำ รวมถึงช่วยเสริมสร้างการเติบโตในส่วนปลายประสาทอีกด้วย

เลือกที่มีเส้นใยอาหารจากธรรมชาติ

ใยอาหารจากธรรมชาติ ได้แก่ โอลิโกฟรุคโตส ซึ่งเป็นอาหารสำคัญของจุลินทรีย์ดี ช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดอาการท้องเสีย และท้องผูกได้ ทำให้ลูกน้อยสบายตัว ไม่ร้องงอแง พร้อมเรียนรู้สิ่งใหม่ได้ในทุกวัน

เลือกที่มีปริมาณแคลเซียมสูง

แคลเซียม เป็นสารอาหารสำคัญที่มีส่วนช่วยในการเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง ให้ลูกได้เติบโตสมบูรณ์สมวัย แคลเซียมมีมากในนมวัว แหล่งแคลเซียมและโปรตีนชั้นดี

เลือกที่มีธาตุเหล็กสูง

ธาตุเหล็กสารอาหารที่ดูเหมือนจะไม่สำคัญ แต่แท้จริงแล้วเราสามารถพบได้ว่าเด็กเล็กที่ฟันยังขึ้นไม่ครบ เกิดจากการได้รับธาตุเหล็กไม่เพียงพอ ทานเนื้อสัตว์น้อย นอกจากนี้การขาดธาตุเหล็กยังส่งผลให้ลูกน้อยมีการเรียนรู้ได้ช้า ป่วยง่าย และร่างกายแคระแกรนได้

เลือกที่มีความหอมนม ดื่มง่าย

การดื่มง่ายในที่นี้ไม่ได้หมายความว่าต้องเป็นนมรสหวาน แต่เน้นให้มีกลิ่นหอมของนมจากธรรมชาติ แต่มีสารอาหารสำคัญที่ร่างกายของทารกต้องการอย่างครบถ้วน เพราะประสบการณ์แรกของทารกเป็นสิ่งสำคัญมากค่ะ หากลูกน้อยได้รับประสบการณ์ไม่ดี อาจทำให้ลูกน้อยปฏิเสธการกินนมกล่อง UHT ได้

ตัวไหนบ้างที่เป็นนมวัวแท้ 100％

นมวัวแท้ 100% จะไม่ผสมนมผง และมีสารอาหารจากธรรมชาติ ซึ่งมาจากมาตรฐานการผลิตที่ทำให้คุณค่าอาหารยังอยู่ครบ เรามาดูตารางเปรียบเทียบสารอาหารในนมกล่อง UHT – ที่เป็นนมวัวแท้ 100％ จาก 10 ตัวที่เลือกมา มีทั้งหมด 2 ตัว

ตารางเปรียบเทียบสารอาหารในนมกล่อง UHT – ที่เป็นนมวัวแท้ 100％

*เลื่อนดูตารางซ้าย-ขวาได้
*ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลง ขึ้นอยู่กับแต่ละบริษัทเป็นผู้กำหนด

วิธีการเลือกนมให้เหมาะสมกับพัฒนาการลูกแต่ละช่วงวัย

คราวนี้เรามาดูตารางเปรียบเทียบนมกล่อง UHT ในแต่ละยี่ห้อกันค่ะว่าแต่ละยี่ห้อเด่นในเรื่องอะไรกันบ้าง พร้อมกับวิธีการเลือกซื้อนมกล่องให้ลูกน้อยตามพัฒนาการแต่ละช่วงวัย

ตารางเปรียบเทียบสารอาหารในนมกล่อง UHT – พัฒนาการด้านสมอง

*เลื่อนดูตารางซ้าย-ขวาได้
*ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลง ขึ้นอยู่กับแต่ละบริษัทเป็นผู้กำหนด

ตารางเปรียบเทียบสารอาหารในนมกล่อง UHT – พัฒนาการด้านสายตา

*เลื่อนดูตารางซ้าย-ขวาได้
*ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลง ขึ้นอยู่กับแต่ละบริษัทเป็นผู้กำหนด

ตารางเปรียบเทียบสารอาหารในนมกล่อง UHT – พัฒนาการด้านภูมิคุ้มกัน

*เลื่อนดูตารางซ้าย-ขวาได้
*ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลง ขึ้นอยู่กับแต่ละบริษัทเป็นผู้กำหนด

ตารางเปรียบเทียบสารอาหารในนมกล่อง UHT – พัฒนาการด้านร่างกาย

*เลื่อนดูตารางซ้าย-ขวาได้
*ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลง ขึ้นอยู่กับแต่ละบริษัทเป็นผู้กำหนด

พัฒนาการวัย 6 – 12 เดือน

การเลือกนมให้เหมาะกับช่วงวัย

เด็กเล็กก่อน 1 ปี ยังไม่ควรจะดื่ม UHT ไม่ว่าจะเป็นแบบนมผงหรือนมโคสด เพราะระบบย่อยยังไม่สมบูรณ์ดี สารอาหารที่มีโมเลกุลขนาดใหญ่จะยังไม่สามารถย่อยได้

พัฒนาการวัย 1 – 2 ปี

การเลือกนมให้เหมาะกับช่วงวัย

จุดเด่นสำหรับพัฒนาการในช่วงนี้นอกเหนือจากเรื่องสายตา และการเจริญเติบโตของกระดูกแล้ว ยังมีในเรื่องของพัฒนาการทางสมองที่ต้องทำงานให้สัมพันธ์กับสายตาอีกด้วย ซึ่งสารอาหารที่ร่างกายลูกต้องการคือ DHA นมกล่องที่น่าสนใจสำหรับเด็กในช่วงนี้

คือ

ไฮคิว 1 พลัส รสจืด
ยี่ห้อนี้มี DHA อยู่ที่ 5.0 วิตามินเอที่ 20% สนนราคาต่อกล่องอยู่ที่ 19 บาท

โฟร์โมสต์ โอเมก้า 369 โกลด์ 1 พลัส
มี DHA อยู่ที่ 15% วิตามินเอ 25% สนนราคาต่อกล่องอยู่ที่ 14 บาท

S-26 Gold Progress 3
มี DHA อยู่ที่ 8% วิตามิน 10% ราคาต่อกล่องอยู่ที่ 15 บาท โดยประมาณ

พัฒนาการวัย 3 -5 ปี

การเลือกนมให้เหมาะกับช่วงวัย

สำหรับช่วงนี้โน้ตจะใช้วิธีกินกลับกันไปค่ะ 2 -3 เดือนเปลี่ยนครั้งหนึ่ง เน้นเรื่องของสายตาบ้าง สมองบ้าง เน้นเรื่องของโอเมก้า 3, 6, 9 มากขึ้น และมีบางตัวที่เสริมไอโอดีนเข้าไปด้วย ซึ่งก็มีนมที่น่าสนใจ

คือ

S-26 Gold Progress 3
มีโอเมก้า 3, 6, 9 อยู่ที่ 142, 884, 2127 มก. (12 บาทต่อกล่อง)

โฟร์โมสต์ รสจืด
มีโอเมก้า 3, 6, 9 อยู่ที่ 50, 162, 1676 มก. และมีไอโอดีน 25% (12 บาทต่อกล่อง)

ดัชมิลล์ เจ็นไอ รสจืด
มีโอเมก้า 3, 6, 9 อยู่ที่ 150, 500, 1400 มก. และมีไอโอดีน 20% (10 บาทต่อกล่อง)

จุดเด่นของนมแต่ละยี่ห้อ

มาถึงตรงนี้จะมาพูดถึงจุดเด่นหรือข้อดีของนมแต่ละยี่ห้อกันค่ะ เพราะต้องบอกว่าตั้งแต่น้องมินเริ่มกินนมผสมนั้นทางบ้านจะเลือกนมกล่องให้ลูกแบบค่อนข้างหลากหลายมาก จะไม่กินซ้ำอันเดิมนาน ๆ เพราะอยากให้ลูกได้รับสารอาหารที่หลากหลาย บางครั้งเรายังต้องพิจารณาไปถึงเรื่องของใยอาหารเลยนะคะ ว่าแล้วเราไปดูกันดีกว่าค่ะว่าแต่ละยี่ห้อมีดีอะไรมาอวดบ้าง

---

โฟร์โมสต์ รสจืด

(12 บาทต่อกล่อง) ตัวนี้เป็นนมโคแท้ 100% ที่ส่งตรงจากฟาร์มโคนมคุณภาพของเกษตรไทย ตามมาตรฐานเนเธอแลนด์ที่เป็นบริษัทแม่ของโฟร์โมสต์เลยค่ะ
เด่นที่สารอาหารจากนมโคธรรมชาติที่มีมากกว่านมโคทั่วไป
เน้นสารอาหารในเรื่องของพัฒนาการทางด้านร่างกายและเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง มีแคลเซียมจากธรรมชาติสูง และสารอาหารอื่นๆอีกเพียบอย่างเช่น วิตามินบี12 , โอเมก้า 3,6,9 ด้วยรสชาติที่เป็นธรรมชาติ ไม่มีกลิ่นแปลกๆ ทำให้ดื่มง่าย มาดูจุดเด่นของยี่ห้อนี้กันค่ะ

วิตามินบี 12	สูงสุดอยู่ที่ 40%
ปริมาณต่อกล่อง	สูงสุดที่ 225 มล. ถือว่าได้ปริมาณเยอะเมื่อเทียบกับราคาและสารอาหารที่ให้มาหลากหลาย แนะนำยี่ห้อนี้ค่ะ
ไอโอดีน	25%
แคลเซียม	35%

สารอาหารใน โฟร์โมสต์ รสจืด พัฒนาการด้านสมอง

โอเมก้า 3,6,9	50, 162, 1676 มก.
ดีเอชเอ/เออาร์เอ	–
ไอโอดีน	25%
เหล็ก	0%
สังกะสี	–
วิตามินบี 12	40%
กรดโฟลิก	–
ทอรีน	–
โคลีน	–

สารอาหารใน โฟร์โมสต์ รสจืด พัฒนาการด้านสายตา

วิตามินเอ	6%
ลูทีน	–
ผงโกจิเบอร์รี	–
โอเมก้า 3,6,9	50, 162, 1676 มก.

สารอาหารใน โฟร์โมสต์ รสจืด พัฒนาการด้านภูมิคุ้มกัน

วิตามินเอ	6%
วิตามินซี	–
วิตามินอี	–
เหล็ก	0%
สังกะสี	–

สารอาหารใน โฟร์โมสต์ รสจืด พัฒนาการด้านร่างกาย

แคลเซียม	35%
ฟอสฟอรัส	25%
วิตามินดี	6%
พลังงาน	140 kcal
ไขมัน	8 ก.
โปรตีน	7 ก.
คาร์โบไฮเดรต	11 ก.
น้ำตาล	10 ก.

---

ตราหมี โอเมก้า 3,6,9 รสจืด

(23 บาทต่อกล่อง) จุดเด่นของยี่ห้อนี้เท่าที่เห็นมีอยู่ 2 จุดในเรื่องของสารอาหารคือ

วิตามีนซี	สูงสุดอยู่ที่ 20%
แคลเซียม	สูงสุดโดยอยู่ที่ 40% และน้ำตาลก็สูงสุดเหมือนกันโดยอยู่ที่ 12 กรัม หากครอบครัวไหนเน้นเรื่องแคลเซียมล้วน ๆ แนะนำยี่ห้อนี้ค่ะ

สารอาหารใน ตราหมี โอเมก้า 3,6,9 รสจืด พัฒนาการด้านสมอง

โอเมก้า 3,6,9	99, 885, 1850 มก.
ดีเอชเอ/เออาร์เอ	–
ไอโอดีน	–
เหล็ก	15%
สังกะสี	10%
วิตามินบี 12	15%
กรดโฟลิก	25%
ทอรีน	–
โคลีน	–

สารอาหารใน ตราหมี โอเมก้า 3,6,9 รสจืด พัฒนาการด้านสายตา

วิตามินเอ	8%
ลูทีน	–
ผงโกจิเบอร์รี	–
โอเมก้า 3,6,9	99, 885, 1850 มก.

สารอาหารใน ตราหมี โอเมก้า 3,6,9 รสจืด พัฒนาการด้านภูมิคุ้มกัน

วิตามินเอ	8%
วิตามินซี	20%
วิตามินอี	30%
เหล็ก	15%
สังกะสี	10%

สารอาหารใน ตราหมี โอเมก้า 3,6,9 รสจืด พัฒนาการด้านร่างกาย

แคลเซียม	40%
ฟอสฟอรัส	–
วิตามินดี	25%
พลังงาน	130 kcal
ไขมัน	9 ก.
โปรตีน	5 ก.
คาร์โบไฮเดรต	4 ก.
น้ำตาล	12 ก.

---

เอนฟาโกร เอพลัส สูตร 3 รสจืด

(20 บาทต่อกล่อง) สารอาหารเด่นของยี่ห้อนี้คือ สังกะสี ที่ช่วยในเรื่องการเจริญเติบโต

สารอาหารใน เอนฟาโกร เอพลัส สูตร 3 รสจืด พัฒนาการด้านสมอง

โอเมก้า 3,6,9	41, 62, 1100 มก.
ดีเอชเอ/เออาร์เอ	8.0/12.6
ไอโอดีน	15%
เหล็ก	20%
สังกะสี	25%
วิตามินบี 12	35%
กรดโฟลิก	8%
ทอรีน	–
โคลีน	18 มก.

สารอาหารใน เอนฟาโกร เอพลัส สูตร 3 รสจืด พัฒนาการด้านสายตา

วิตามินเอ	20%
ลูทีน	–
ผงโกจิเบอร์รี	–
โอเมก้า 3,6,9	41, 62, 1100 มก.

สารอาหารใน เอนฟาโกร เอพลัส สูตร 3 รสจืด พัฒนาการด้านภูมิคุ้มกัน

วิตามินเอ	20%
วิตามินซี	20%
วิตามินอี	10%
เหล็ก	20%
สังกะสี	25%

สารอาหารใน เอนฟาโกร เอพลัส สูตร 3 รสจืด พัฒนาการด้านร่างกาย

แคลเซียม	30%
ฟอสฟอรัส	20%
วิตามินดี	30%
พลังงาน	120 kcal
ไขมัน	6 ก.
โปรตีน	6 ก.
คาร์โบไฮเดรต	11 ก.
น้ำตาล	10 ก.

---

ไฮคิว 1 พลัส รสจืด

(19 บาทต่อกล่อง) สารอาหารเด่นของตัวนี้มีอยู่ 2 เรื่องด้วยกันค่ะ

ทอรีน	ที่ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล ช่วยในเรื่องการมองเห็น และ
โคลีน	ที่ช่วยในเรื่องการทำงานของระบบประสาท เซลล์สมอง และควบคุมการทำงานของตับ

สารอาหารใน ไฮคิว 1 พลัส รสจืด พัฒนาการด้านสมอง

โอเมก้า 3,6,9	45, 310, 1400 มก.
ดีเอชเอ/เออาร์เอ	5.0/0
ไอโอดีน	–
เหล็ก	<2%
สังกะสี	10%
วิตามินบี 12	30%
กรดโฟลิก	25%
ทอรีน	25 มก.
โคลีน	20 มก.

สารอาหารใน ไฮคิว 1 พลัส รสจืด พัฒนาการด้านสายตา

วิตามินเอ	20%
ลูทีน	–
ผงโกจิเบอร์รี	–
โอเมก้า 3,6,9	45, 310, 1400 มก.

สารอาหารใน ไฮคิว 1 พลัส รสจืด พัฒนาการด้านภูมิคุ้มกัน

วิตามินเอ	20%
วิตามินซี	20%
วิตามินอี	25%
เหล็ก	<2%
สังกะสี	10%

สารอาหารใน ไฮคิว 1 พลัส รสจืด พัฒนาการด้านร่างกาย

แคลเซียม	20%
ฟอสฟอรัส	15%
วิตามินดี	20%
พลังงาน	120 kcal
ไขมัน	7 ก.
โปรตีน	5 ก.
คาร์โบไฮเดรต	12 ก.
น้ำตาล	8 ก.

---

S-26 Gold Progress 3

(15 บาทต่อกล่อง) สารอาหารที่เด่นมีอยู่ 2 ตัวค่ะ

พลังงาน	ที่สูงถึง 140 kcal และ
คาร์โบไฮเดรต	14 ก. ซึ่งถ้ามองสารอาหารที่เป็นตัวรองลงมาซึ่งก็น่าสนใจนะคะ คือ โอเมก้า 3, 6, 9 ที่สูงเป็นอันดับ 2 รองจาก ดัชมิลล์ เจ็นไอ รสจืด

สารอาหารใน S-26 Gold Progress 3 พัฒนาการด้านสมอง

โอเมก้า 3,6,9	142, 884, 2127 มก.
ดีเอชเอ/เออาร์เอ	8/0
ไอโอดีน	–
เหล็ก	10%
สังกะสี	8%
วิตามินบี 12	15%
กรดโฟลิก	15%
ทอรีน	–
โคลีน	12 มก.

สารอาหารใน S-26 Gold Progress 3 พัฒนาการด้านสายตา

วิตามินเอ	10%
ลูทีน	34 มก.
ผงโกจิเบอร์รี	–
โอเมก้า 3,6,9	142, 884, 2127 มก.

สารอาหารใน S-26 Gold Progress 3 พัฒนาการด้านภูมิคุ้มกัน

วิตามินเอ	10%
วิตามินซี	20%
วิตามินอี	20%
เหล็ก	10%
สังกะสี	8%

สารอาหารใน S-26 Gold Progress 3 พัฒนาการด้านร่างกาย

แคลเซียม	25%
ฟอสฟอรัส	15%
วิตามินดี	25%
พลังงาน	140 kcal
ไขมัน	7 ก.
โปรตีน	5 ก.
คาร์โบไฮเดรต	14 ก.
น้ำตาล	11 ก.

---

ดูเม็กซ์ ดูโกร รสจืด

(14 บาทต่อกล่อง) สารอาหารของยี่ห้อนี้เมื่อเทียบกับยี่ห้ออื่นตามตาราง ปริมาณของสารอาหารเฉลี่ยจะอยู่ในระดับกลาง ๆ ค่ะ แต่ยี่ห้อนี้จะมีสารอาหารที่น่าสนใจในขณะที่ยี่ห้ออื่นจะยังไม่ค่อยมีนั่นคือ ทอรีนและโคลีน ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้คุณพ่อคุณแม่ได้ ซึ่งยี่ห้อที่มีทอรีนและโคลีนจะมีอยู่ 3 ยี่ห้อด้วยกัน

ซึ่งถ้าจะเลือกให้สบายกระเป๋าหน่อย ดูเม็กซ์ ดูโกร รสจืด นี้ก็น่าสนใจนะคะ

สารอาหารใน ดูเม็กซ์ ดูโกร รสจืด พัฒนาการด้านสมอง

โอเมก้า 3,6,9	40, 345, 1000 มก.
ดีเอชเอ/เออาร์เอ	–
ไอโอดีน	35%
เหล็ก	<2%
สังกะสี	10%
วิตามินบี 12	25%
กรดโฟลิก	20%
ทอรีน	20 มก.
โคลีน	16 มก.

สารอาหารใน ดูเม็กซ์ ดูโกร รสจืด พัฒนาการด้านสายตา

วิตามินเอ	15%
ลูทีน	–
ผงโกจิเบอร์รี	–
โอเมก้า 3,6,9	40, 345, 1000 มก.

สารอาหารใน ดูเม็กซ์ ดูโกร รสจืด พัฒนาการด้านภูมิคุ้มกัน

วิตามินเอ	15%
วิตามินซี	25%
วิตามินอี	20%
เหล็ก	<2%
สังกะสี	10%

สารอาหารใน ดูเม็กซ์ ดูโกร รสจืด พัฒนาการด้านร่างกาย

แคลเซียม	20%
ฟอสฟอรัส	15%
วิตามินดี	25%
พลังงาน	90 kcal
ไขมัน	4.5 ก.
โปรตีน	5.5 ก.
คาร์โบไฮเดรต	7 ก.
น้ำตาล	7 ก.

---

โฟร์โมสต์ โอเมก้า 369 โกลด์ 1 พลัส

(14 บาทต่อกล่อง) ต้องบอกว่าตระกูลของโฟร์โมสต์นี้น่าสนใจมากค่ะ ถ้าพูดถึงตัวนี้ก่อนนะคะ มีปริมาณสารอาหารสูงสุดเมื่อเทียบกับยี่ห้ออื่นอยู่ถึง 6 ตัวด้วยกัน

DHA/ARA	15/0
วิตามินเอ	25%
วิตามินซี	45%
วิตามินอี	30%
วิตามินบี12	40%
แคลเซียม	40%

ในกล่องเดียวนี้ลูกน้อยจะได้รับสารอาหารเกือบครบเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นพัฒนาการทางสมอง พัฒนาการด้านภูมิคุ้มกัน พัฒนาการด้านร่างกาย เมื่อเทียบกับราคาเรียกว่าค่อนข้างคุ้ม

สารอาหารใน โฟร์โมสต์ โอเมก้า 369 โกลด์ 1 พลัส พัฒนาการด้านสมอง

โอเมก้า 3,6,9	66, 277, 1,253 มก.
ดีเอชเอ/เออาร์เอ	15/0
ไอโอดีน	20%
เหล็ก	0%
สังกะสี	–
วิตามินบี 12	40%
กรดโฟลิก	–
ทอรีน	24 มก.
โคลีน	15 มก.

สารอาหารใน โฟร์โมสต์ โอเมก้า 369 โกลด์ 1 พลัส พัฒนาการด้านสายตา

วิตามินเอ	25%
ลูทีน	–
ผงโกจิเบอร์รี	–
โอเมก้า 3,6,9	66, 277, 1,253 มก.

สารอาหารใน โฟร์โมสต์ โอเมก้า 369 โกลด์ 1 พลัส พัฒนาการด้านภูมิคุ้มกัน

วิตามินเอ	25%
วิตามินซี	45%
วิตามินอี	30%
เหล็ก	0%
สังกะสี	–

สารอาหารใน โฟร์โมสต์ โอเมก้า 369 โกลด์ 1 พลัส พัฒนาการด้านร่างกาย

แคลเซียม	40%
ฟอสฟอรัส	25%
วิตามินดี	45%
พลังงาน	100 kcal
ไขมัน	4.5 ก.
โปรตีน	4 ก.
คาร์โบไฮเดรต	11 ก.
น้ำตาล	11 ก.

---

โฟร์โมสต์ โอเมก้า 3,6,9 รสจืด

(10 บาทต่อกล่อง) ตามชื่อเลยค่ะว่า โอเมก้า 3, 6, 9 เพราะฉะนั้นตัวนี้จะเด่นมากในเรื่องของพัฒนาการทางสมอง โดยมีปริมาณสารอาหารสูงสุดเมื่อเทียบกับยี่ห้ออื่น

วิตามินซี	45%
วิตามินอี	30%
วิตามินบี12	40%
กรดโฟลิก	45%
วิตามินดี	50%

ถ้าคุณพ่อคุณแม่ท่านไหนที่เน้นเรื่องพัฒนาการทางสมองของลูก เมื่อพิจารณาเรื่องสารอาหารและเรื่องของราคาแล้ว ตัดสินใจได้ไม่ยากเลยค่ะ

สารอาหารใน โฟร์โมสต์ โอเมก้า 3,6,9 รสจืด พัฒนาการด้านสมอง

โอเมก้า 3,6,9	80, 558, 1,777 มก.
ดีเอชเอ/เออาร์เอ	3.62 มก.
ไอโอดีน	20%
เหล็ก	20%
สังกะสี	6%
วิตามินบี 12	40%
กรดโฟลิก	45%
ทอรีน	7 มก.
โคลีน	19 มก.

สารอาหารใน โฟร์โมสต์ โอเมก้า 3,6,9 รสจืด พัฒนาการด้านสายตา

วิตามินเอ	20%
ลูทีน	–
ผงโกจิเบอร์รี	–
โอเมก้า 3,6,9	80, 558, 1,777 มก.

สารอาหารใน โฟร์โมสต์ โอเมก้า 3,6,9 รสจืด พัฒนาการด้านภูมิคุ้มกัน

วิตามินเอ	20%
วิตามินซี	45%
วิตามินอี	30%
เหล็ก	20%
สังกะสี	6%

สารอาหารใน โฟร์โมสต์ โอเมก้า 3,6,9 รสจืด พัฒนาการด้านร่างกาย

แคลเซียม	20%
ฟอสฟอรัส	15%
วิตามินดี	50%
พลังงาน	110 kcal
ไขมัน	5 ก.
โปรตีน	4 ก.
คาร์โบไฮเดรต	12 ก.
น้ำตาล	9 ก.

---

ไทย-เดนมาร์ก รสจืด

(11 บาทต่อกล่อง) เป็นนมกล่อง UHT ที่ทำจากนมโคสดล้วน ๆ ดังนั้นสารอาหารที่ลูกจะได้แน่ ๆ

ไขมัน	8 ก.
โปรตีน	8 ก.

สารอาหารใน ไทย-เดนมาร์ก รสจืด พัฒนาการด้านสมอง

โอเมก้า 3,6,9	–
ดีเอชเอ/เออาร์เอ	–
ไอโอดีน	–
เหล็ก	0%
สังกะสี	–
วิตามินบี 12	–
กรดโฟลิก	–
ทอรีน	–
โคลีน	–

สารอาหารใน ไทย-เดนมาร์ก รสจืด พัฒนาการด้านสายตา

วิตามินเอ	8%
ลูทีน	–
ผงโกจิเบอร์รี	–
โอเมก้า 3,6,9	–

สารอาหารใน ไทย-เดนมาร์ก รสจืด พัฒนาการด้านภูมิคุ้มกัน

วิตามินเอ	8%
วิตามินซี	–
วิตามินอี	–
เหล็ก	0%
สังกะสี	–

สารอาหารใน ไทย-เดนมาร์ก รสจืด พัฒนาการด้านร่างกาย

แคลเซียม	25%
ฟอสฟอรัส	–
วิตามินดี	–
พลังงาน	130 kcal
ไขมัน	8 ก.
โปรตีน	8 ก.
คาร์โบไฮเดรต	7 ก.
น้ำตาล	5 ก.

---

ดัชมิลล์ เจ็นไอ รสจืด

(10 บาทต่อกล่อง) ตัวนี้เป็นอีกตัวหนึ่งที่น่าสนใจมากค่ะ เพราะปริมาณสารอาหารที่สูงถึง 5 ตัว

โอเมก้า 3, 6, 9	150, 500, 1400 มก.
เหล็ก	35%
วิตามินซี	35%
เหล็ก	35%
ฟอสฟอรัส	35%

สารอาหารใน ดัชมิลล์ เจ็นไอ รสจืด พัฒนาการด้านสมอง

โอเมก้า 3,6,9	150, 500, 1400 มก.
ดีเอชเอ/เออาร์เอ	–
ไอโอดีน	20%
เหล็ก	35%
สังกะสี	15%
วิตามินบี 12	30%
กรดโฟลิก	10%
ทอรีน	–
โคลีน	–

สารอาหารใน ดัชมิลล์ เจ็นไอ รสจืด พัฒนาการด้านสายตา

วิตามินเอ	25%
ลูทีน	ผงกีวีสกัด 0.005%
ผงโกจิเบอร์รี	–
โอเมก้า 3,6,9	150, 500, 1400 มก.

สารอาหารใน ดัชมิลล์ เจ็นไอ รสจืด พัฒนาการด้านภูมิคุ้มกัน

วิตามินเอ	25%
วิตามินซี	35%
วิตามินอี	25%
เหล็ก	35%
สังกะสี	15%

สารอาหารใน ดัชมิลล์ เจ็นไอ รสจืด พัฒนาการด้านร่างกาย

แคลเซียม	35%
ฟอสฟอรัส	35%
วิตามินดี	20%
พลังงาน	90 kcal
ไขมัน	4 ก.
โปรตีน	4 ก.
คาร์โบไฮเดรต	10 ก.
น้ำตาล	8 ก.

---

ในนม 1 กล่อง ลูกจะได้สารอาหารที่เสริมพัฒนาการทางด้านสมอง พัฒนาการทางสายตา (มีทั้งวิตามินเอ และลูทีน) พัฒนาการด้านภูมิคุ้มกัน และพัฒนาการด้านร่างกาย ที่สำคัญ ราคาดีมากค่ะ
การที่จะเลือกนมกล่องยี่ห้อไหนนั้น ขึ้นอยู่กับว่าในช่วงวัยนั้น ๆ ของลูก คุณพ่อคุณแม่อยากเสริมพัฒนาการลูกในเรื่องอะไร และควรกินให้หลากหลายยี่ห้อ เพื่อให้ลูกได้สารอาหารที่ครบถ้วนนะ

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

---