ลูกชอบแคะขี้มูก เพราะอะไร พร้อมวิธีรับมือ

พัฒนาการเด็กและสุขภาพลูกวัย 3-5 ขวบ
JESSIE MUM

มีลูก ๆ บ้านไหนที่ชอบแคะขี้มูกบ้างคะ เรียกได้ว่าว่างเป็นแคะ ว่างเป็นแคะ พฤติกรรมนี้ก็นับว่าเป็นอีกหนึ่งพฤติกรรมที่ทำเอาคุณพ่อคุณแม่หลาย ๆ บ้านกลุ้มใจ และกังวลใจไม่น้อย แต่ปัญหานี้แก้ได้ค่ะ เพียงแต่ว่าแม่โน้ตอยากชวนคุณพ่อคุณแม่ทำความเข้าใจเกี่ยวกับต้นตอกันสักนิดก่อน เพื่อการแก้ไขปัญหาจะได้แก้กันอย่างถูกจุด

พัฒนาการการแคะขี้มูกของลูกน้อย

พฤติกรรมการแคะขี้มูกถือเป็นพฤติกรรมธรรมชาติของเด็กค่ะ ซึ่งจะค่อย ๆ หายไปเองเมื่อโตขึ้น แล้วอะไรล่ะ…ที่เป็นสาเหตุให้ลูกชอบแคะขี้มูก

ความอยากรู้อยากเห็นตามวัย

ความอยากรู้อยากเห็นเป็นอีกหนึ่งพัฒนาการของเด็กโดยเฉพาะเด็กวัย 1 ขวบขึ้นไป หรือวัยที่เริ่มคลานได้ เด็กเขาจะมีความสนใจ อยากรู้อยากเห็นโดยเฉพาะกับรูทั้งหลาย ซึ่งนอกเหนือจากรูปลั๊กไฟแล้ว รูจมูกก็เช่นกัน เขาจะสงสัยและอยากรู้ว่าในรูจมูกของเขานั้น ข้างในจะเป็นอย่างไร ซึ่งแม่โน้ตเรียกพฤติกรรมนี้ว่า “พฤติกรรมแหย่ ๆ”

โรคภูมิแพ้

ว่าด้วยเรื่องของภูมิแพ้ อาการเด่น ๆ เลยคือ มีน้ำมูก ซึ่งเป็นตัวการกระตุ้นให้ลูกแคะจมูก เพราะเมื่อมีอะไรมาอยู่ในจมูกตลอดเวลา ทำให้ลูกเกิดความรู้สึกว่าน่ารำคาญ หายใจลำบาก จึงต้องคอยเอานิ้วแหย่เข้าจมูกตลอดเวลา

มีอาการคันและมีฝุ่นมากในอากาศ

อาการคันที่ว่านี้เกิดจากอากาศที่แห้งเกินไป และอากาศที่ร้อนเกินไปส่งผลให้ลูกน้อยรู้สึกคันได้ และอีกหนึ่งประเด็นคือ ลูกน้อยต้องเจอกับฝุ่นในอากาศมาก ละอองฝุ่นที่เราสูดหายใจเข้าไปก็จะไปติดอยู่กับขนจมูกภายในจมูก ซึ่งทำให้ลูกน้อยรู้สึกอึดอัด หายใจไม่ และรำคาญนั่นเอง แนะนำถ้าเป็นเรื่องของอากาศ ลองหาเครื่องฟอกอากาศสักเครื่อง อาจเปิดเฉพาะเวลานอนขณะที่เปิดแอร์ก็ได้ค่ะ แม่โน้ตก็ใช้วิธีนี้

เครียด เบื่อ กังวล

อาการเหล่านี้ คุณพ่อคุณแม่สามารถสังเกตเห็นได้ตั้งแต่ลูกน้อยยังอยู่ในวัย 3 เดือนขึ้นไป โดยพฤติกรรมจะแสดงต่างกันออกไปตามแต่ละช่วงวัย อาทิ ชอบกัดเล็บ นอนกัดฟัน ชอบดึงผม รวมไปถึงชอบแคะขี้มูก พฤติกรรมเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของกลไกในการป้องกันตัวเองจากความเครียด รวมถึงเป็นการลดความเบื่อจากกิจกรรมบางอย่าง เช่น การต่อแถวนาน ๆ เป็นต้น

ต้องการเรียกร้องความสนใจจากคุณพ่อคุณแม่

  • สำหรับเด็กที่โตขึ้นมาสักหน่อยเริ่มนับได้จากเด็กที่อยู่ในช่วงวัย 3 ขวบ ขึ้นไป เด็กวัยนี้จะเริ่มมีความคิดเป็นของตัวเอง ถ้าคุณพ่อคุณแม่ไม่ได้ให้ความรักหรือความใส่ใจลูกอย่างเต็มที่ เขาจะเริ่มมีพฤติกรรมที่เรียกร้องความสนใจ เขาจะเรียนรู้ว่าสิ่งไหนที่ทำแล้วคุณพ่อคุณแม่จะหันมาสนใจเขา อาทิ การร้องกรี๊ดในที่สาธารณะ การลงไปนอนดิ้นกับพื้น รวมไปถึง การแคะขี้มูก
  • เด็กวัย 5 – 9 ขวบ เด็กในวัยนี้เขาจะรู้แล้วว่าการแคะจมูกในที่สาธารณะเป็นอะไรที่ไม่เหมาะสม ถ้าทำ…คุณพ่อคุณแม่จะมะพอใจ แต่เขาก็เรียกร้องความสนใจจากคุณพ่อคุณแม่ได้
  • เด็กวัย 7 – 10 ขวบ จะใช้วิธีการแคะจมูกเป็นวิธีในการตอบโต้ และต้องการให้คุณพ่อคุณแม่ไม่พอใจ

วิธีรับมือลูกชอบแคะขี้มูก

การแคะจมูกเป็นการเสี่ยงที่จะทำให้เส้นเลือดฝอยในจมูกแตก หรือดีไม่ดีอาจทำให้เลือดกำเดาไหลออกมาได้ ซึ่งการแคะจมูกมาก ๆ อาจไปทำลายเยื่อบุโพรงจมูก ส่งผลกระทบต่อระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายได้
ทั้งนี้ ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว คุณพ่อคุณแม่สามารถช่วยปรับพฤติกรรมลูกได้ ดังนี้

  • เลี่ยงสถานที่ที่มีอากาศแห้งเกินไป ซึ่งถ้าเป็นในบ้าน ลองหาเครื่องทำความชื้นมาเสริม แบบนี้จะช่วยได้มากทีเดียวค่ะ
  • พยายามชวนลูกทำกิจกรรมหรือนั่งเล่น นั่งคุยกับลูก พยายามอย่าให้ลูกมือว่าง หรือจะเรียกว่าเป็นการเบี่ยงเบนความสนใจลูกนั่นเองค่ะ
  • ปลูกฝังสุขอนามัยที่ดีให้ลูก ด้วยการล้างมือทุกครั้งหลังจากไปแตะต้องสิ่งสกปรกมา
  • ปลูกฝังให้ลูกสั่งน้ำมูกกับกระดาษทิชชู่ ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่เหมาะสมว่าการแคะจมูก ซึ่งบางครั้งอาจเผลอตัวไปแคะจมูกในที่สาธารณะ
  • รับมือกับโรคภูมิแพ้ของลูก โดยอาจไปปรึกษาแพทย์ก่อน เพื่อรับคำแนะนำ
  • หากยังเห็นลูกแคะจมูกในที่สาธารณะอยู่ ให้คุณพ่อคุณแม่ใจเย็น ๆ แล้วอธิบายให้ลูกฟัง พฤติกรรมนี้ควรทำในสถานที่ที่เป็นส่วนตัว เช่น ที่บ้าน หรือในห้องน้ำ

การที่คุณพ่อคุณแม่จะปรับแก้พฤติกรรมอะไรสักอย่างของลูกนั้น ต้องอาศัยระยะเวลาค่ะ ซึ่งการอาศัยระยะเวลานั้น ด้วยนัยของมันก็คือ คุณพ่อคุณแม่ต้องใจเย็น ค่อย ๆ พูดกับลูกด้วยเหตุผล และแน่นอน คงไม่ใช่แค่พูดครั้งเดียวจบ ลองคิดอย่างนี้ค่ะว่า ถ้าต้องการให้ลูกเป็นเด็กที่มีบุคลิกภาพดี ไม่เป็นตัวตลกในสายตาคนอื่นเมื่อเขาโตเป็นผู้ใหญ่ คุณพ่อคุณแม่ต้องเริ่มใจเย็นเสียตั้งแต่วันนี้นะคะ แล้วผลลัพท์ที่ได้จะคุ้มค่ามากทีเดียว

Featured post

โพสต์ที่อยากให้คุณแม่อ่าน

  1. 346 ชื่อจีนความหมายดี ๆ มีให้ลูกสาวและลูกชาย

  2. วิธีสต๊อก นมแม่ และการจัดเรียงให้ประหยัดเนื้อที่ในตู้เย็น

  3. 10 อาหารว่างคนท้อง และลูกน้อยในครรภ์

  4. หน้า 7 หลัง 7 คืออะไร? นับยังไง ไม่ท้องจริงหรือ

  5. 12 กลุ่มดาวจักรราศี มีอะไรบ้าง พร้อมเลขมงคลปี 2564

  6. 10 นิทานอีสป กับ 10 หนังสือนิทาน 2 ภาษา ปลูกฝังเรื่องราวดี ๆ สอนใจเด็ก ๆ

  7. ความฉลาด 11 ด้าน หรือ 11Q (11 Quotients) ที่เด็กยุคใหม่ควรมี

  8. 14 นิทานพื้นบ้านของไทย สอนใจเด็กได้ดี

หมวดหมู่โพสต์

บทความล่าสุด

  1. เช็คลิสต์ “ของเตรียมคลอด” “ของใช้เด็ก” “ของใช้หลังคลอด” เพื่อใช้หลังคลอดที่จำเป็น

  2. 8 อาหารที่แม่ให้นมห้ามทาน

  3. แนะวิธีเพิ่มปริมาณน้ำนมแม่อย่างถูกวิธี

  4. รีวิว นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก 10 ยี่ห้อ เปรียบเทียบกันตัวต่อตัว ยี่ห้อไหนดี พร้อมแนะวิธีการเลือกนมกล่องให้ลูก

  5. White Noise เสียงคลื่นความถี่ที่กล่อมลูกให้หลับฝันดี เพิ่มสมาธิได้อีกด้วย

รีวิวผลิตภัณฑ์แม่และเด็ก

  1. รีวิว นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก 10 ยี่ห้อ เปรียบเทียบกันตัวต่อตัว ยี่ห้อไหนดี พร้อมแนะวิธีการเลือกนมกล่องให้ลูก

  2. เปรียบเทียบนมผงสูตร 1 ในท้องตลาด สารอาหารที่น่าสนใจ

  3. 4 แปรงสีฟันเด็กยุคใหม่ แบรนด์ไหนใช้ดี เทียบแบรนด์ต่อแบรนด์

  4. รีวิวเปรียบเทียบชัดๆ ล้างจมูกให้ลูกด้วย Hashi Plus VS ไซริงค์

  5. รีวิว แชมพูสบู่เหลว Head to toe 5 แบรนด์ เทียบกันแบรนด์ต่อแบรนด์

  6. รีวิว นมผง สำหรับลูกน้อย 11 ยี่ห้อ ละเอียดยิบ ปี 2566 พร้อมหลักการเลือกซื้อนมผงให้ลูกน้อย

  7. 12 คาร์ซีท ยี่ห้อไหนดี 2023 ปลอดภัย คุ้มค่า คุ้มราคา

  8. 10 แป้งเด็ก ยี่ห้อไหนดี 2023 ปกป้อง อ่อนโยนต่อผิวลูก

  9. 10 เครื่องปั๊มนม ยี่ห้อไหนดี ปี 2023 ใช้งานง่าย ปั๊มเกลี้ยงเต้า

  10. 10 เบบี้โลชั่น ยี่ห้อไหนใช้ดี 2023 เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวลูกได้ดั่งใจแม่

ท่องเที่ยวกับครอบครัว

  1. 5 ที่เที่ยวปีใหม่ใกล้กรุงเทพ 2566 อิน ไม่มีเอ้าท์

  2. 5 พิกัดเช็คอิน ที่เที่ยวโคราช เมืองย่าโม

  3. 6 ที่เที่ยวเชียงใหม่ สำหรับครอบครัว ลูกแฮปปี้ พ่อแม่ดี๊ด๊า

  4. 5 พิกัด พาลูกเที่ยวญี่ปุ่น เปิดประสบการณ์การเรียนรู้

  5. 8 ที่เที่ยวครอบครัว หน้าหนาว ที่ไม่ควรพลาด

  6. 6 สถานที่พาลูกเที่ยว เรียนรู้ธรรมชาติ เสริมสร้างพัฒนาการ

TOP