แนะวิธีแก้ปัญหาลูกโตแล้ว แต่ยังฉี่ราด

พัฒนาการเด็กและสุขภาพลูกวัย 3-5 ขวบ

ปัญหาเรื่องลูกฉี่ราดในที่สาธารณะ” ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ทำเอาคุณพ่อคุณแม่หลายท่านกังวลใจอยู่ไม่อยู่น้อย เด็กบางคนเวลาอยู่บ้านการขับถ่ายก็เป็นไปได้อย่างปกติ แต่พอไปโรงเรียนหรือไปในที่สาธารณะก็จะเริ่มมีปัญหากลั้นไม่อยู่โดยเฉพาะปัสสาวะ

ลูกเป็นแบบนี้บ่อยจนบางครั้งทำให้คุณพ่อคุณแม่เริ่มไม่แน่ว่าเป็นธรรมชาติของเด็กซึ่งจะหายไปเองหรือเราควรต้องฝึกเค้าดี วันนี้เราจะมีดูกันค่ะว่าเรื่องนี้คุณพ่อคุณแม่ควรจะทำอย่างไรกันดี

พัฒนาการด้านการขับถ่ายโดยทั่วไปของเด็ก

ก่อนที่เราจะไปในส่วนของการแก้ปัญหาเรื่องลูกฉี่ราดในที่สาธารณะ โน้ตอยากชวนคุณพ่อคุณแม่มาทำความเข้าใจกันก่อนค่ะว่า พัฒนาการด้านขับถ่ายของเด็กในแต่ละช่วงวัยนั้นเค้ามีพัฒนาการกันอย่างไรบ้าง

  • อายุ 6 เดือน – เริ่มควบคุมการขับถ่ายอุจจาระในช่วงเวลากลางคืนได้
  • อายุ 1 ปี – เริ่มควบคุมการขับถ่ายอุจจาระในช่วงเวลากลางวันได้
  • อายุ 2 – 3 ปี – เริ่มควบคุมการถ่ายปัสสาวะในช่วงเวลากลางวันได้
  • อายุ 4 – 5 ปี – เริ่มควบคุมการถ่ายปัสสาวะในช่วงเวลากลางคืนได้

จากข้อมูลด้านบนจะเราจะเห็นว่าในช่วงอายุ 6 เดือน จนถึง 5 ขวบ ลูกอาจจะยังฉี่ราดที่นอนหรือฉี่ราดที่โรงเรียนได้ซึ่งเป็นเรื่องปกติค่ะ เพียงแต่คุณพ่อคุณแม่ต้องคอยฝึกเค้าให้รู้จักขับถ่ายให้เป็นเวลาหรือสอนให้เค้ารู้จักการที่จะขอเข้าห้องน้ำ เป็นต้นค่ะ

เว้นเสียแต่ว่าหากลูกมีอายุที่มากกว่า 5 ขวบแล้วยังคงพบปัญหานี้อยู่ เป็นไปได้สูงค่ะว่าจะเป็นปัญหาด้านพัฒนาการ เดี๋ยวเราจะมาลงในรายละเอียดกันอีกนิดนะคะ ดังนี้

สาเหตุของการฉี่ราดที่มาจากร่างกาย

  1. ดื่มน้ำมากเกินไป โดยปกติแล้วร่างกายเด็กจะรับน้ำที่ดื่มเข้าไปประมาณ 5 -7 แก้ว ต่อ วัน รวมถึงน้ำผลไม้ นม และน้ำอื่นๆ ด้วย ซึ่งเป็นเหตุให้ปวดปัสสาวะบ่อยครั้ง โดยเฉพาะหากดื่มมากช่วงก่อนนอน
  2. เป็นผลมาจากทางกพันธุกรรม อาจจะมาจากทางคุณพ่อหรือทางคุณแม่ หรืออาจจะทั้งคู่
  3. อาจมีปัญหามาจากไตหรือกระเพาะปัสสาวะ ที่ไม่สามารถกลั้นหรือควบคุมการให้ปัสสาวะได้ในเวลาที่ต้องการ
  4. มีอาการเบาหวาน ส่งผลให้ร่างกายขับปัสสาวะบ่อยกว่าปกติ
  5. มีโครงสร้างทางกล้ามเนื้อที่ผิดปกติ ส่งผลให้ไม่สามารถควบคุมได้เมื่อต้องการกลั้น
  6. กระเพาะปัสสาวะมีขนาดเล็กกว่าคนปกติ

วิธีแก้ไขปัญหาการฉี่ราดที่มาจากร่างกาย

  1. หากอยู่ที่บ้าน ให้คุณพ่อคุณแม่สังเกตพฤติกรรมของลูกว่ามีอาการเตือนนอยากเข้าห้องน้ำหรือไม่ ถ้ามี…ให้พาลูกเข้าห้องน้ำทันที เค้าจะได้เรียนรู้ว่า “อาการแบบนี้ควรเข้าห้องน้ำแล้ว ไม่ต้องกลั้น
  2. ดูแลเรื่องการดื่มน้ำของลูก ควรให้อยู่ในช่วงเวลาเย็นหรือหัวค่ำ แต่ไม่ควรให้ลูกดื่มน้ำก่อนเวลาเข้านอน เพราะอาจทำให้ลูกฉี่ราดที่นอนกลางดึกได้
  3. พยายามฝึกลูกให้เข้าห้องน้ำในช่วงเวลาเดิมทุกวัน เช่น ก่อนนอนประมาณ 1 ชั่วโมงเป็นต้น แม้ลูกจะยังไม่ปวดก็ตาม หรือหากต้องไปนอกสถานที่ควรฝึกให้เข้าห้องน้ำที่บ้านก่อนออกข้างนอกเช่นกัน
  4. หากคุณพ่อคุณแม่ได้ฝึกมาทั้งหมดนี้แล้ว แต่ลูกก็ยังมีอาการฉี่ราดอยู่ ควรพาลูกไปปรึกษาคุณหมอ เพื่อหาสาเหตุและรับการรักษาที่ถูกต้อง ไม่ควรละเลยนะคะ

สาเหตุของการฉี่ราดที่มาจากจิตใจ

  1. เด็กมีความเครียดหรือความกังวลกับสภาพแวดล้อมรอบตัว จนไม่สามารถคุมตัวเองให้ปัสสาวะได้ในเวลาที่ต้องปัสสาวะ จึงเผลอปล่อยในเวลาอื่นแทน
  2. เด็กถูกดุ ถูกว่ากล่าว ในเรื่องนี้ซ้ำๆ จนเกิดความขยาด ความกลัวจึงพยายามที่จะกลั้นไว้ แต่สุดท้ายพอทนไม่ไหวแล้วก็เลยต้องปล่อยออกมาผิดที่ ผิดเวลาอีกครั้ง
  3. ลูกมีประสบการณ์ที่เจอห้องน้ำนอกสถานที่ ซึ่งสกปรกหรือเด็กบางคนไม่กล้าเข้าห้องน้ำที่อื่น เพราะแขยง กลัวว่าไม่สะอาดเหมือนที่บ้าน
  4. อาจโดนเพื่อนล้อ หรือ เห็นเพื่อนถูกคนอื่นล้อเวลาเข้าห้องน้ำ ตัวเองเลยไม่อยากโดนบ้าง จึงยอมกลั้นไว้

วิธีแก้ไขปัญหาการฉี่ราดที่มาจากจิตใจ

  1. ไม่ใช้อารมณ์ การดุด่าหรือตีลูก เมื่อลูกฉี่ราด แต่พยายามคุยกับลูกอย่างใจเย็น ค่อยๆ อธิบายให้ลูกเข้าใจว่าปัญหานี้แก้ไขได้
  2. พูดคุย ชักชวน และให้กำลังใจลูก เวลาที่ลูกเข้าห้องน้ำ ว่าเรื่องดังกล่าวนี้ไม่ใช่เรื่องที่น่าอายหรือเรื่องที่น่ากลัวแต่อย่างใด
  3. ชมเชยลูกและให้กำลังใจลูกทุกครั้งเวลาที่เข้าห้องน้ำได้ด้วยตัวเอง รวมถึงไม่ฉี่ราดนอกสถานที่
  4. หากิจกรรมสนุกๆ มาดึงดูดใจลูกในการฝึกให้ลูกเข้าห้องน้ำ เช่น สะสมสติ๊กเกอร์ โดยนับตามจำนวนวันที่ฉี่ไม่ราด หากทำให้ครบ 1 อาทิตย์ จะมีขนมเป็นรางวัล

พฤติกรรมฉี่ราดของลูกๆ ที่เกิดขึ้นนี้ เชื่อว่าเด็กทุกคนก็ไม่อยากให้เกิดขึ้น เพียงแต่คุณพ่อคุณแม่อาจต้องใส่ใจ หาสาเหตุให้เจอ แล้วค่อยๆ ฝึก ค่อยๆ แก้ไขกันไป ใจเย็นๆ เพราะต้องใช้เวลา แต่หากพยายามทำแล้วทุกทางยังไม่ดีขึ้น ควรปรึกษาคุณหมอนะคะ

Featured post

โพสต์ที่อยากให้คุณแม่อ่าน

  1. 346 ชื่อจีนความหมายดี ๆ มีให้ลูกสาวและลูกชาย

  2. วิธีสต๊อก นมแม่ และการจัดเรียงให้ประหยัดเนื้อที่ในตู้เย็น

  3. 10 อาหารว่างคนท้อง และลูกน้อยในครรภ์

  4. หน้า 7 หลัง 7 คืออะไร? นับยังไง ไม่ท้องจริงหรือ

  5. 12 กลุ่มดาวจักรราศี มีอะไรบ้าง พร้อมเลขมงคลปี 2564

  6. 10 นิทานอีสป กับ 10 หนังสือนิทาน 2 ภาษา ปลูกฝังเรื่องราวดี ๆ สอนใจเด็ก ๆ

  7. ความฉลาด 11 ด้าน หรือ 11Q (11 Quotients) ที่เด็กยุคใหม่ควรมี

  8. 14 นิทานพื้นบ้านของไทย สอนใจเด็กได้ดี

หมวดหมู่โพสต์

บทความล่าสุด

  1. เช็คลิสต์ “ของเตรียมคลอด” “ของใช้เด็ก” “ของใช้หลังคลอด” เพื่อใช้หลังคลอดที่จำเป็น

  2. 8 อาหารที่แม่ให้นมห้ามทาน

  3. แนะวิธีเพิ่มปริมาณน้ำนมแม่อย่างถูกวิธี

  4. รีวิว นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก 10 ยี่ห้อ เปรียบเทียบกันตัวต่อตัว ยี่ห้อไหนดี พร้อมแนะวิธีการเลือกนมกล่องให้ลูก

  5. White Noise เสียงคลื่นความถี่ที่กล่อมลูกให้หลับฝันดี เพิ่มสมาธิได้อีกด้วย

รีวิวผลิตภัณฑ์แม่และเด็ก

  1. รีวิว นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก 10 ยี่ห้อ เปรียบเทียบกันตัวต่อตัว ยี่ห้อไหนดี พร้อมแนะวิธีการเลือกนมกล่องให้ลูก

  2. เปรียบเทียบนมผงสูตร 1 ในท้องตลาด สารอาหารที่น่าสนใจ

  3. 4 แปรงสีฟันเด็กยุคใหม่ แบรนด์ไหนใช้ดี เทียบแบรนด์ต่อแบรนด์

  4. รีวิวเปรียบเทียบชัดๆ ล้างจมูกให้ลูกด้วย Hashi Plus VS ไซริงค์

  5. รีวิว แชมพูสบู่เหลว Head to toe 5 แบรนด์ เทียบกันแบรนด์ต่อแบรนด์

  6. รีวิว นมผง สำหรับลูกน้อย 11 ยี่ห้อ ละเอียดยิบ ปี 2566 พร้อมหลักการเลือกซื้อนมผงให้ลูกน้อย

  7. 12 คาร์ซีท ยี่ห้อไหนดี 2023 ปลอดภัย คุ้มค่า คุ้มราคา

  8. 10 แป้งเด็ก ยี่ห้อไหนดี 2023 ปกป้อง อ่อนโยนต่อผิวลูก

  9. 10 เครื่องปั๊มนม ยี่ห้อไหนดี ปี 2023 ใช้งานง่าย ปั๊มเกลี้ยงเต้า

  10. 10 เบบี้โลชั่น ยี่ห้อไหนใช้ดี 2023 เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวลูกได้ดั่งใจแม่

ท่องเที่ยวกับครอบครัว

  1. 5 ที่เที่ยวปีใหม่ใกล้กรุงเทพ 2566 อิน ไม่มีเอ้าท์

  2. 5 พิกัดเช็คอิน ที่เที่ยวโคราช เมืองย่าโม

  3. 6 ที่เที่ยวเชียงใหม่ สำหรับครอบครัว ลูกแฮปปี้ พ่อแม่ดี๊ด๊า

  4. 5 พิกัด พาลูกเที่ยวญี่ปุ่น เปิดประสบการณ์การเรียนรู้

  5. 8 ที่เที่ยวครอบครัว หน้าหนาว ที่ไม่ควรพลาด

  6. 6 สถานที่พาลูกเที่ยว เรียนรู้ธรรมชาติ เสริมสร้างพัฒนาการ

TOP