เชื่อว่าคุณพ่อคุณแม่จะต้องเป็นกังวลอย่างแน่นอน หากลูกมีไข้ตัวร้อนและเกรงว่าลูกจะมีอาการชัก ซึ่งอาการไข้ตัวร้อนก็เป็นปัจจัยอย่างหนึ่งที่จะให้เด็กเกิดเป็นโรคลมชักได้ อีกทั้งยังมีอีกหลายปัจจัยเป็นสาเหตุที่เกิดลมชักในเด็ก ดังนั้น หากคุณแม่รู้ว่าคนในครอบครัวมีประวัติอยู่แล้วก็สามารถที่จะป้องกันได้ หรือปรึกษาแพทย์เพื่อไม่ให้เกิดกับลูกได้โดยเฉพาะวัย 5 ขวบปีแรก
สารบัญ
ลมชักในเด็ก คืออะไร?
ลมชักเกิดจากการชักซ้ำตั้งแต่สองครั้งขึ้นไปโดยไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริง เป็นความผิดปกติในร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นความผิดปกติของเกลือแร่ ภาวะติดเชื้อในระบบประสาทส่วนกลาง หรือเกิดจากอาการไข้สูงที่ไม่สามารถควบคุมได้จนเกิดมีการชักขึ้นบ่อย ๆ
ที่สำคัญ มักจะมีความเสี่ยงที่จะเกิดกับเด็กในช่วงอายุ 5 ปีแรกและความเสี่ยงดังกล่าวจะค่อย ๆ ลดลง จากนั้นจะมีความเสี่ยงสูงขึ้นอีกครั้งในกลุ่มผู้ป่วยสูงอายุ ซึ่งหากมีอาการชักที่เกิดขึ้นในครั้งแรกก็จะมีโอกาสเกิดซ้ำได้ขึ้นอีก ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยด้วยกัน
กลุ่มเสี่ยงโรคลมชัก
บางครั้งคุณพ่อคุณแม่จำเป็นจะต้องคอยสังเกตลูกด้วยในแต่ละวัน โดยเฉพาะอาการลมชักมักจะเกิดขึ้นได้โดยที่ไม่ทันได้ตั้งตัว หรือแรกเริ่มของเด็กหรือคนไข้แต่ละคนจะแตกต่างกัน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ หากเกิดขึ้นก็อาจเกิดความเสี่ยงต่อโรคลมชักได้
เคยมีประวัติจากคนในครอบครัว
มีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคลมชักมาก่อน หรืออาจจะเกิดจากพันธุกรรมได้
มีประวัติชักโดยไม่สัมพันธ์กับไข้
นั่นหมายถึงแม้จะอาการเจ็บป่วยธรรมดามีไข้ต่ำก็มีอาการชักได้
มีประวัติชักซ้ำจากไข้
ซึ่งเกิดจากการละเลยและปล่อยให้เด็กมีไข้สูงบ่อย ๆ ทำให้มีอาการชักซ้ำ
มีการเคลื่อนไหวร่างกายผิดปกติ
ซึ่งเป็นอาการที่ผู้ป่วยยังมีสติอยู่บ้าง แต่ควบคุมตัวเองไม่ได้
มีประวัติพัฒนาการล่าช้าแต่กำเนิด
ซึ่งอาจจะเกิดจากคนในครอบครัวมีประวัติเคยชัก หรือเกิดจากคุณแม่เอง
อาการลมชักในเด็ก มีกี่ประเภท
เด็กที่มีอาการชักเฉพาะส่วน
เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของคลื่นไฟฟ้าในสมอง ที่มีการเริ่มจากจุดใดจุดหนึ่งในสมอง แล้วทำให้เกิดอาการแสดงต่าง ๆ โดยที่เด็กจะมีความรู้สึกตัวหรือไม่ก็ได้ เป็นได้ทั้ง 2 อย่าง ตัวอย่างเช่น ผู้ป่วยกระตุกแขนหรือขาข้างใดข้างหนึ่ง หรืออาการชักที่จะทำให้ศีรษะหันไปด้านใดด้านหนึ่ง
เด็กที่มีอาการชักทั้งตัว
เกิดจากการที่มีการเปลี่ยนแปลงคลื่นไฟฟ้าสมองออกเป็นบริเวณกว้างมีผลทำให้สมองทั้งสองข้างเกิดความผิดปกติอย่างรุนแรง และมักจะทำให้เด็กหรือผู้ป่วยหมดสติหรือไม่รู้สึกตัว เช่น การชักเกร็ง กระตุกเป็นจังหวะทั้งตัว อาการเหม่อลอยหรืออาจล้มลงแบบไม่รู้ตัวเพราะสูญเสียความตึงตัวของกล้ามเนื้อแบบเฉียบพลัน
การวินิจฉัยโรคลมชัก
จำเป็นจะต้องมีการซักประวัติ และทำการตรวจร่างกายทางระบบประสาทอย่างละเอียด รวมไปถึงประวัติการชักจากญาติพี่น้องที่เป็นสายเลือดเดียวกัน รวมไปถึงการตรวจเช็คพัฒนาการและวัดขนาดรอบศีรษะของเด็กเพื่อหาความผิดปกติ นอกจากนี้ยังต้องอาศัยการตรวจทางห้องปฏิบัติการร่วมด้วย
ตรวจเลือด
จำเป็นจะต้องมีการตรวจเลือด เพื่อเช็กดูระดับน้ำตาลและเกลือแร่ในร่างกายของคนไข้ว่าผิดปกติมากไม่
การตรวจน้ำไขสันหลัง
สำหรับกรณีนี้จะทำได้เมื่อสงสัยว่าเกิดภาวะการติดเชื้อในระบบประสาทหรือสงสัยอาการชักจากโรคทางพันธุกรรมบางอย่าง
การตรวจคลื่นไฟฟ้าสมอง (EEG)
เป็นการตรวจที่มีประโยชน์มาก เพื่อเป็นการช่วยในการยืนยันการวินิจฉัย และสามารถจะจำแนกชนิดของโรคลมชัก เพื่อที่จะให้เป็นแนวทางในการรักษาและสามารถจะทำการทำนายโรคได้
การตรวจทางรังสีวิทยา
เช่น CT scan และ MRI จะให้สำหรับเด็กที่มีอาการชักเฉพาะที่ โดยต้องการจะหาสาเหตุว่ามีความผิดปกติของระบบประสาท หรือในกรณีที่ไม่สามารถจะควบคุมอาการชักได้
การรักษาโรคลมชัก
การรักษาโรคลมชัก สามารถแบ่งออกได้ ดังนี้
- การปฐมพยาบาลขณะที่เด็กมีอาการชักจนถึงมือแพทย์
- จะต้องจัดเด็กหรือผู้ป่วยอยู่ในท่าที่เหมาะสมมากที่สุด
- ให้การดูแลการหายใจและการไหลเวียนเลือด
- ให้ยาหยุดชัก กรณีที่เด็กหรือผู้ป่วยมียาประจำตัวอยู่แล้ว
- แพทย์จะทำการเจาะเลือดหรือตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อหาสาเหตุของอาการชัก
- แพทย์อาจจะวินิจฉัยให้สารน้ำเพื่อสะดวกในการให้ยา สำหรับผู้ป่วยที่ยังไม่มีสติ
- การป้องกันอาการชักซ้ำในเด็ก
สำหรับยากันชักมักจะมีผลข้างเคียงซึ่งในครอบครัวที่มีเด็กที่เป็นลมชักมักจะต้องตัดสินใจเพื่อรักษาอาการให้ลูกในปัจจุบัน โดยจะมีการให้ยาต่อเนื่องประมาณ 2 ปีขึ้นไป หรือบางรายหากอาการรุนแรงก็อาจจะต้องใช้ยาไปเรื่อย ๆ จนเด็กโตได้เลย โดยช่วงแรก ๆ จะมีการติดตามอาการอย่างใกล้ชิด และมีการเจาะเลือดดูระดับยา พร้อมกับตรวจเช็คผลข้างเคียง หากระหว่างนี้ไม่มีอาการชักอาจมีการลดขนาดยาลง หรือมีโอกาสที่จะได้รับการหยุดยากันชักได้ ซึ่งจะพบได้มากถึง 70% จากคนไข้ที่มีลมชักในเด็ก
ลมชักในเด็กสามารถจะป้องกันได้ หากคุณพ่อคุณแม่รู้ถึงสาเหตุต่าง ๆ ก็จะต้องเฝ้าดูเพื่อไม่ให้เกิดกับลูกได้ หากไม่ต้องการที่จะให้ลูกต้องรับยากันชักติดต่อกันไปเป็นระยะเวลานาน ๆ