ลูกนอนหลับสนิท ส่งผลดีต่อสมอง

เลี้ยงลูก

การนอนหลับ เป็นสิ่งที่ร่างกายของคนทุกเพศทุกวัยต้องการ เพราะเป็นการให้ร่างกายได้พักผ่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “การนอนหลับ” ในเด็กเล็ก เพราะยิ่งหลับได้สนิท นอกจากจะส่งผลต่อการทำงานของ Growth Hormone แล้ว ก็ยังส่งผลดีต่อ “สมอง” ของลูกน้อยอีกด้วย จะอะไร? ยังไง? ไปติดตามกันค่ะ

การนอนหลับมีผลต่อสมองอย่างไร?

เพราะระหว่างวันลูกน้อยจะใช้พลังงานร่างกายและพลังงานสมองมาก ดังนั้น เด็ก ๆ อาจเพลียและเหนื่อยจากการทำกิจกรรมที่หลากหลาย ดังนั้น การที่เด็กได้รับการพักผ่อน หรือนอนหลับให้เต็มที่จึงเท่ากับว่า เด็กจะตื่นมาด้วยความสดชื่น เหมือนร่างกายได้ refresh พร้อมที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ

นอกจากการนอนหลับพักผ่อนที่เหมาะสมแล้ว เรื่องของโภชนาการก็เช่นกัน ซึ่งสารอาหารหนึ่งที่ร่างกายของเด็กที่ควรได้รับ ได้แก่ L-Tryptophan (แอล–ทริปโตเฟน) ซึ่งเป็นกรดอะมิโนจำเป็นที่ร่างกายต้องการ ที่สำคัญคือ ไม่สามารถสร้างได้เอง

L-Tryptophan (แอล–ทริปโตเฟน) คืออะไร?

L-Tryptophan (แอล–ทริปโตเฟน) คือ กรดอะมิโนที่ร่างกายไม่สามารถสร้างได้เอง และเป็นสารอาหารที่ร่างกายต้องการ ดังนั้น เราจะได้สารอาหารนี้จากการทานอาหารเท่านั้น ซึ่งหลังจากที่ร่างกายได้รับสาร L-Tryptophan เข้าสู่ร่างกายแล้ว สมองจะเปลี่ยนสารอาหารนี้เป็นสารเซอราโทนิน ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทตั้งต้นของฮอร์โมนเมลาโทนิน ที่จะช่วยให้การนอนหลับเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพนั่นเอง

อาหารที่มี L-Tryptophan สูง

สาร L-Tryptophan จะพบมากในอาหารกลุ่มโปรตีน ดังนี้

  • กลุ่มเนื้อสัตว์: เนื้อหมู และเนื้อไก่
  • กลุ่มผลิตภัณฑ์นม: นมสด, นมเปรี้ยว และโยเกิร์ต
  • กลุ่มอาหารทะเล: ปู, ปลา, กุ้ง, หอย และปลาหมึก
  • กลุ่มเมล็ดพืช: ถั่วลิสง, ถั่วเหลือง, งา, เมล็ดทานตะวัน, เมล็ดฟักทอง, ข้าวโพด และข้าวโอ๊ต
  • ช็อกโกแลต
  • สาหร่ายสไปรูริน่า
  • อินทผลัมแห้ง
  • กล้วย
  • ชีส และเนยแข็ง

จำนวนชั่วโมงการนอนหลับในแต่ละช่วงวัย

ในแต่ละช่วงวัยร่างกายต้องการช่วงระยะเวลาในการนอนหลับที่ต่างกัน แต่หากต้องการให้สมองได้พักผ่อนเต็มที่ ตื่นมาสดชื่น พร้อมเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ในทุกวัน ควรนอนหลับให้ได้จำนวนชั่วโมง ดังนี้

  • เด็กเล็กอายุ 1-2 ปี: ร่างกายต้องการการพักผ่อนนอนหลับที่ 11-14 ชั่วโมง
  • เด็กเล็กอายุต่ำกว่า 3 ปีอายุต่ำกว่า 3 ปี: ร่างกายควรนอนหลับในช่วงกลางวันประมาณ 1-2 ชั่วโมง
  • เด็กโตอายุ 6-12 ปี: ควรนอนหลับให้ได้ประมาณ 9-12 ชั่วโมง
  • เด็กอายุ 3-5 ปี: ควรนอนหลับให้ได้วันละ 10-13 ชั่วโมง

กิจกรรมที่ควรทำก่อนนอน

ก่อนให้ลูกเข้านอน คุณพ่อคุณแม่สามารถชักชวนลูกให้ทำกิจกรรมได้ค่ะ เพื่อเป็นการกระตุ้นพัฒนาการทางสมอง และเพื่อให้ลูกน้อยนอนหลับได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนี้

พูดคุยกับลูก

ก่อนการนอนหลับในทุกวัน คุณพ่อคุณแม่สามารถชวนลูกพูดคุยในเรื่องที่สบาย ๆ ได้ค่ะ เพื่อให้ลูกได้รู้สึกผ่อนคลายก่อนนอน และลูกจะหลับได้ง่ายขึ้น

ให้ลูกตื่นนอน-เข้านอนให้ตรงเวลา

การจัดตารางการตื่นและการนอนให้ตรงกันในทุกวัน ร่างกายก็จะเรียนรู้ว่าเวลานี้จะเริ่มง่วงแล้ว ควรเข้านอนได้แล้ว นอกจากนี้ ลูกยังจะได้ในเรื่องของวินัยและความรับผิดชอบที่มีต่อตัวเองอีกด้วยค่ะ

จัดบรรยากาศในห้องให้เหมาะสม

เริ่มง่าย ๆ จากการปิดหน้าจอทุกอย่าง เพราะแสงสีฟ้าจะไปรบกวนสายตา ทำให้ร่างกายเกิดการตื่นตัว ลูกจะนอนหลับได้ยาก รวมไปถึงอุณหภูมิภายในห้องควรมีความเย็นสบาย หากเปิดแอร์อุณหภูมิที่เหมาะสมจะอยู่ที่ 25-27 องศาเซลเซียสค่ะ

เสื้อผ้าที่เหมาะสม

เหมาะสมในที่นี้ คือ เหมาะสมกับสภายพภูมิอากาศและอุณหภูมิภายในห้องนอน หากอากาศเย็นควรสวมเสื้อแขนยาวและกางเกงขายาว เป็นต้น

แสงสีฟ้า คืออะไร?

แสงสีฟ้า หรือ Blue Light LED ส่วนมากจะมีในมือถือ, แทปเล็ต หรือ laptop แสงนี้จะส่งผลให้นอนหลับได้ยากขึ้น เนื่องจากแสงสีฟ้านี้จะไปลดการหลั่งสารเมลาโทนิน และยังทำให้เกิดภาวะการตื่นตัวได้ง่าย คุณภาพการนอนด้อยลง

เมื่อฮอร์โมนตื่นตัว หรือฮอร์โมนคอร์ติซอล และฮอร์โมนการนอนหลับ หรือเมลาโทนินมีการทำงานที่ผิดปกติ ก็จะส่งผลให้เรานอนดึกมากขึ้น หรือนอนหลับได้ยากขึ้น คุณภาพการนอนจึงด้อยตามไปด้วย

เพราะร่างกายของเด็ก ๆ ยังต้องการการส่งเสริมและกระตุ้นอย่างถูกทาง การนอนหลับอย่างมีประสิทธิภาพจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ ซึ่งถ้าลูกน้อยมีพื้นฐานทางด้านร่างกายและสมองที่ดีแล้ว เขาก็พร้อมที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ได้อยู่เสมอนั่นเองค่ะ

Featured post

โพสต์ที่อยากให้คุณแม่อ่าน

  1. 346 ชื่อจีนความหมายดี ๆ มีให้ลูกสาวและลูกชาย

  2. วิธีสต๊อก นมแม่ และการจัดเรียงให้ประหยัดเนื้อที่ในตู้เย็น

  3. 10 อาหารว่างคนท้อง และลูกน้อยในครรภ์

  4. หน้า 7 หลัง 7 คืออะไร? นับยังไง ไม่ท้องจริงหรือ

  5. 12 กลุ่มดาวจักรราศี มีอะไรบ้าง พร้อมเลขมงคลปี 2564

  6. 10 นิทานอีสป กับ 10 หนังสือนิทาน 2 ภาษา ปลูกฝังเรื่องราวดี ๆ สอนใจเด็ก ๆ

  7. ความฉลาด 11 ด้าน หรือ 11Q (11 Quotients) ที่เด็กยุคใหม่ควรมี

  8. 14 นิทานพื้นบ้านของไทย สอนใจเด็กได้ดี

หมวดหมู่โพสต์

บทความล่าสุด

  1. เช็คลิสต์ “ของเตรียมคลอด” “ของใช้เด็ก” “ของใช้หลังคลอด” เพื่อใช้หลังคลอดที่จำเป็น

  2. 8 อาหารที่แม่ให้นมห้ามทาน

  3. แนะวิธีเพิ่มปริมาณน้ำนมแม่อย่างถูกวิธี

  4. รีวิว นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก 10 ยี่ห้อ เปรียบเทียบกันตัวต่อตัว ยี่ห้อไหนดี พร้อมแนะวิธีการเลือกนมกล่องให้ลูก

  5. White Noise เสียงคลื่นความถี่ที่กล่อมลูกให้หลับฝันดี เพิ่มสมาธิได้อีกด้วย

รีวิวผลิตภัณฑ์แม่และเด็ก

  1. รีวิว นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก 10 ยี่ห้อ เปรียบเทียบกันตัวต่อตัว ยี่ห้อไหนดี พร้อมแนะวิธีการเลือกนมกล่องให้ลูก

  2. เปรียบเทียบนมผงสูตร 1 ในท้องตลาด สารอาหารที่น่าสนใจ

  3. 4 แปรงสีฟันเด็กยุคใหม่ แบรนด์ไหนใช้ดี เทียบแบรนด์ต่อแบรนด์

  4. รีวิวเปรียบเทียบชัดๆ ล้างจมูกให้ลูกด้วย Hashi Plus VS ไซริงค์

  5. รีวิว แชมพูสบู่เหลว Head to toe 5 แบรนด์ เทียบกันแบรนด์ต่อแบรนด์

  6. รีวิว นมผง สำหรับลูกน้อย 11 ยี่ห้อ ละเอียดยิบ ปี 2566 พร้อมหลักการเลือกซื้อนมผงให้ลูกน้อย

  7. 12 คาร์ซีท ยี่ห้อไหนดี 2023 ปลอดภัย คุ้มค่า คุ้มราคา

  8. 10 แป้งเด็ก ยี่ห้อไหนดี 2023 ปกป้อง อ่อนโยนต่อผิวลูก

  9. 10 เครื่องปั๊มนม ยี่ห้อไหนดี ปี 2023 ใช้งานง่าย ปั๊มเกลี้ยงเต้า

  10. 10 เบบี้โลชั่น ยี่ห้อไหนใช้ดี 2023 เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวลูกได้ดั่งใจแม่

ท่องเที่ยวกับครอบครัว

  1. 5 ที่เที่ยวปีใหม่ใกล้กรุงเทพ 2566 อิน ไม่มีเอ้าท์

  2. 5 พิกัดเช็คอิน ที่เที่ยวโคราช เมืองย่าโม

  3. 6 ที่เที่ยวเชียงใหม่ สำหรับครอบครัว ลูกแฮปปี้ พ่อแม่ดี๊ด๊า

  4. 5 พิกัด พาลูกเที่ยวญี่ปุ่น เปิดประสบการณ์การเรียนรู้

  5. 8 ที่เที่ยวครอบครัว หน้าหนาว ที่ไม่ควรพลาด

  6. 6 สถานที่พาลูกเที่ยว เรียนรู้ธรรมชาติ เสริมสร้างพัฒนาการ

TOP