มาค้นพบวิธีดูแลดวงตาของลูกให้ถูกทางกัน

การเลี้ยงลูกวัย 1-3 ขวบ

ดวงตาถือเป็นอวัยวะที่เริ่มทำงานทันทีที่ลูกนั้นเกิดออกมาและมันยังต้องคงอยู่ไปกับเขาตลอดชีวิตแต่ในปัจจุบันดวงตากลับต้องเจอกับเรื่องราวและอุปสรรคมาบั่นทอนสุขภาพของมันอย่างมากมายทั้งที่ในบางครั้งดวงตาของเด็กๆ ก็ยังไม่โตพอที่จะต้องพบเจอกับแสงสีฟ้าจากหน้าจออุปกรณ์สื่อสารและโทรทัศน์หรือแม้กระทั่งการไปเผชิญหน้ากับแสงแดดเป็นเวลานาน แต่เมื่อการดำเนินชีวิตก็ต้องเดินตามเทคโนโลยีเพื่อให้รอบรู้และทันโลกดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรเตรียมตัวและเตรียมวิธีรับมือในการดูแลถนอมดวงตาให้กับลูกกันตั้งแต่ยังเด็กกันเลยน่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด

มองเริ่มดูแลแก้วตาดวงใจของคุณกัน

มาเริ่มกันที่การสังเกต

ทุกวันเมื่อลูกเริ่มต้องออกไปเผชิญกับโลกภายนอกมากขึ้นก็แน่นอนว่าเขามีความจำเป็นที่จะต้องเจอกับมลภาวะกันอย่างแน่นอนทั้งฝุ่น ควัน ละอองต่างๆ ซึ่งในบางครั้งอาจจะเล็กน้อยเพียงแค่พวกเขากระพริบตาหรือได้รับการล้างตาอย่างถูกวิธีอาการก็ค่อยๆ หายไป

แต่ก็มีในบางครั้งที่เด็กๆ อาจจะไม่รู้ตัวและมีอาการอักเสบที่ตาไม่ว่าจะด้วยจากการขยี้ตาหรือติดเชื้อจากมลภาวะรอบตัวก็ตามนี่คือสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่จะต้องคอยสังเกตอาการของลูกอยู่เสมอว่าเขามีอาการดวงตาแดง คันตา แสบตา น้ำตาไหลไม่หยุด หรือมีขี้ตาตลอดเวลาหรือไม่ เป็นต้น เพียงที่จะได้รักษาและแก้ไขอย่างถูกวิธีนั่นเอง

รู้จักกับวิธีการดูแลดวงตาอย่างถูกต้อง

เมื่อต้องเจอกับปัญหาที่มาเกิดขึ้นกับดวงตาของลูกแล้วนั้นขั้นตอนต่อไปก็คือการดูแลรักษาให้ถูกต้องและเหมาะสมกับสภาพอาการนั่นเอง ซึ่งเป็นเรื่องที่จำเป็นที่จะต้องได้รับความใส่ใจและระมัดระวังเป็นอย่างมากเลยทีเดียว โดยในแต่ละกรณีก็จำเป็นที่จะต้องศึกษากันอย่างละเอียดกันเป็นกรณีไป

แต่ในส่วนของกรณีพื้นฐานอย่างลูกมีขี้ตามากกว่าปกตินั้นวิธีการดูแลง่ายๆ นั่นก็คือทำความสะอาดด้วยสำลีชุบน้ำต้มสุกและนำไปเช็ดจากหัวตาไปที่หางตาและการเช็ดตาทั้งสองข้างจำเป็นที่จะต้องใช้สำลีคนละแผ่นด้วยเพื่อป้องกันเชื้อโรคจากตาแต่ละข้างติดกันนั่นเอง

และปัจจัยพื้นฐานที่จะทำให้ลูกรอดพ้นจากสิ่งที่จะมารบกวนดวงตาของเขานั่นก็คือการหมั่นดูแลรักษาความสะอาดของบ้านและอุปกรณ์ของลูกอยู่เสมอนั่นเอง รวมทั้งการรักษาความสะอาดของร่างกายลูกเพราะอวัยวะทุกส่วนสามารถทำให้ดวงตาเกิดอาการระคายเคืองได้เช่นกัน

หากจะต้องใช้ยาก็ใช้ตามที่แพทย์สั่งเท่านั้น

นี่ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญเป็นอย่างมากเพราะว่าดวงตาของเด็กๆ ยังบอบบางและต้องการได้รับการดูแลอย่างถูกต้องจากผู้เชี่ยวชาญอย่างแพทย์เฉพาะทางนั่นเอง หากมีความจำเป็นที่จะต้องหยอดตาคุณพ่อคุณแม่ไม่ควรคิดไปเองว่าจะใช้ตัวยาไหนมาหยอด ควรรีบพาลูกไปพบแพทย์และใช้ยาตามที่แพทย์สั่งให้เท่านั้น

เริ่มสอนให้ลูกรู้จักดูแลตัวเอง

เมื่อพบว่าลูกมีปัญหาที่ดวงตาคุณพ่อคุณแม่ก็จำเป็นที่จะต้องรีบพาไปรักษาและสอนลูกๆ ถึงวิธีการดูแลตัวเองที่ถูกต้องกันด้วย หลักๆ เลยคือให้เขามีความอดทนไม่ขยี้ตาจนทำอาการเกิดเกินเลยไปกว่าที่ควร แม้ว่าอาจจะเป็นเรื่องยากที่จะสามารถควบคุมพฤติกรรมของเด็กเล็กให้เป็นไปตามที่คุณสอนได้ทั้งหมดนั้นแต่ก็พูดย้ำเพื่อให้เขาเข้าใจไปเรื่อยๆ นั้นก็อาจจะพอช่วยลดอาการต่างๆ ลงได้บ้าง

นอกจากดูแลอย่าลืมพัฒนาสายตาลูกกันด้วย

การฝึกสายตาของลูกอยู่เป็นประจำก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยดูแลให้ดวงตาของเขามีความแข็งแรงแต่การฝึกฝนนี้ก็ควรที่จะเลี่ยงจออุปกรณ์สื่อสารต่างๆ หันมาใช้สมุดภาพและหนังสือและในบางเล่มก็อาจจะใช้กระดาษถนอมสายตาซึ่งเป็นผลดีกับลูกๆ อย่างแน่นอน

ลองหาภาพมาให้เขาได้ทายคำ ทายชื่อ ทายสี ให้มีกิจกรรมร่วมกันในครอบครัว จะช่วยทำให้เป็นทั้งการฝึกดวงตา ฝึกสมอง รวมทั้งเป็นการสานสร้างความสัมพันธ์ภายในครอบครัวให้แน่นแฟ้นได้ดีอีกวิธีหนึ่งเลยทีเดียว

เคล็ดลับการดูแลลูกน้อยนั้นคุณพ่อคุณแม่น่าจะต้องช่วยกันเพื่อค้นหาวิธีการต่างๆ เพื่อดูแลส่วนต่างๆ ของลูกกันไปอีกเยอะ แต่เชื่อได้เลยว่าความรัก ความใส่ใจที่คุณพ่อคุณแม่คอยดูแลและมอบให้ลูกนั้นจะทำให้เขาสามารถรับรู้ได้และซึมซับไปทั้งวิธีการดูแลตัวเองและรับรู้ได้ถึงความรักความหวังดีของพวกคุณจนมันอาจจะสามารถส่งต่อสิ่งดีๆ เหล่านี้จากเขาไปสู่คนอื่นๆ ได้อีกด้วย…เริ่มต้นจากเพียงเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็อาจจะสามารถพัฒนาเป็นเรื่องราวดีๆ ที่ยิ่งใหญ่ในอนาคตกันได้เลยทีเดียว

Featured post

โพสต์ที่อยากให้คุณแม่อ่าน

  1. 346 ชื่อจีนความหมายดี ๆ มีให้ลูกสาวและลูกชาย

  2. วิธีสต๊อก นมแม่ และการจัดเรียงให้ประหยัดเนื้อที่ในตู้เย็น

  3. 10 อาหารว่างคนท้อง และลูกน้อยในครรภ์

  4. หน้า 7 หลัง 7 คืออะไร? นับยังไง ไม่ท้องจริงหรือ

  5. 12 กลุ่มดาวจักรราศี มีอะไรบ้าง พร้อมเลขมงคลปี 2564

  6. 10 นิทานอีสป กับ 10 หนังสือนิทาน 2 ภาษา ปลูกฝังเรื่องราวดี ๆ สอนใจเด็ก ๆ

  7. ความฉลาด 11 ด้าน หรือ 11Q (11 Quotients) ที่เด็กยุคใหม่ควรมี

  8. 14 นิทานพื้นบ้านของไทย สอนใจเด็กได้ดี

หมวดหมู่โพสต์

บทความล่าสุด

  1. เช็คลิสต์ “ของเตรียมคลอด” “ของใช้เด็ก” “ของใช้หลังคลอด” เพื่อใช้หลังคลอดที่จำเป็น

  2. 8 อาหารที่แม่ให้นมห้ามทาน

  3. แนะวิธีเพิ่มปริมาณน้ำนมแม่อย่างถูกวิธี

  4. รีวิว นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก 10 ยี่ห้อ เปรียบเทียบกันตัวต่อตัว ยี่ห้อไหนดี พร้อมแนะวิธีการเลือกนมกล่องให้ลูก

  5. White Noise เสียงคลื่นความถี่ที่กล่อมลูกให้หลับฝันดี เพิ่มสมาธิได้อีกด้วย

รีวิวผลิตภัณฑ์แม่และเด็ก

  1. รีวิว นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก 10 ยี่ห้อ เปรียบเทียบกันตัวต่อตัว ยี่ห้อไหนดี พร้อมแนะวิธีการเลือกนมกล่องให้ลูก

  2. เปรียบเทียบนมผงสูตร 1 ในท้องตลาด สารอาหารที่น่าสนใจ

  3. 4 แปรงสีฟันเด็กยุคใหม่ แบรนด์ไหนใช้ดี เทียบแบรนด์ต่อแบรนด์

  4. รีวิวเปรียบเทียบชัดๆ ล้างจมูกให้ลูกด้วย Hashi Plus VS ไซริงค์

  5. รีวิว แชมพูสบู่เหลว Head to toe 5 แบรนด์ เทียบกันแบรนด์ต่อแบรนด์

  6. รีวิว นมผง สำหรับลูกน้อย 11 ยี่ห้อ ละเอียดยิบ ปี 2566 พร้อมหลักการเลือกซื้อนมผงให้ลูกน้อย

  7. 12 คาร์ซีท ยี่ห้อไหนดี 2023 ปลอดภัย คุ้มค่า คุ้มราคา

  8. 10 แป้งเด็ก ยี่ห้อไหนดี 2023 ปกป้อง อ่อนโยนต่อผิวลูก

  9. 10 เครื่องปั๊มนม ยี่ห้อไหนดี ปี 2023 ใช้งานง่าย ปั๊มเกลี้ยงเต้า

  10. 10 เบบี้โลชั่น ยี่ห้อไหนใช้ดี 2023 เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวลูกได้ดั่งใจแม่

ท่องเที่ยวกับครอบครัว

  1. 5 ที่เที่ยวปีใหม่ใกล้กรุงเทพ 2566 อิน ไม่มีเอ้าท์

  2. 5 พิกัดเช็คอิน ที่เที่ยวโคราช เมืองย่าโม

  3. 6 ที่เที่ยวเชียงใหม่ สำหรับครอบครัว ลูกแฮปปี้ พ่อแม่ดี๊ด๊า

  4. 5 พิกัด พาลูกเที่ยวญี่ปุ่น เปิดประสบการณ์การเรียนรู้

  5. 8 ที่เที่ยวครอบครัว หน้าหนาว ที่ไม่ควรพลาด

  6. 6 สถานที่พาลูกเที่ยว เรียนรู้ธรรมชาติ เสริมสร้างพัฒนาการ

TOP