“แพ้ไม่เป็น” วิธีคิดที่น่ากลัวของเด็กรุ่นใหม่ พร้อมวิธีรับมือที่พ่อแม่ควรรู้

การเลี้ยงลูกวัย 3-5 ขวบ

ในสังคมที่ความเจริญก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว มีการแข่งขันกันสูงมากกว่าแต่ก่อน (เมื่อก่อนก็ว่าสูงแล้วนะ) เด็กรุ่นใหม่ต้องเผชิญกับการแข่งขันที่สูงเช่นกัน เริ่มตั้งแต่การติวหนังสือเพื่อสอบเข้าโรงเรียนอนุบาลที่มีชื่อเสียง ต้องเรียนให้ได้เกรดดี ๆ เพื่อที่จะได้มีงานทำดี ๆ เงินเดือนดี ๆ สังคมดี ๆ และคอนเนคชันดี ๆ ความคิดและสภาพแวดล้อมเหล่านี้จึงเป็นการหล่อหลอมให้เด็กที่เกิดในยุคนี้กลายเป็นเด็กที่ “แพ้ไม่เป็น” ไปโดยปริยาย และเมื่อเกิดความผิดหวังจึงรับไม่ได้ บางรายถึงกับฆ่าตัวตายเลยก็มี

สอนลูกให้รู้จักคำว่าแพ้อย่างสร้างสรรค์

ประการสำคัญในการที่จะทำให้ลูกห่างไกลจากคำว่า “แพ้ไม่เป็น” นั้นอยู่ที่คุณพ่อคุณแม่เป็นหลัก ลูก ๆ มักเลียนแบบพฤติกรรมและซึมซับความคิดของคุณพ่อคุณแม่ ดังนั้น พฤติกรรมของคุณพ่อคุณแม่ที่แสดงให้ลูกรู้ว่าการพ่ายแพ้ไม่ใช่เรื่องใหญ่ของชีวิตแล้ว คำพูดคำสอนก็มีส่วนสำคัญไม่แพ้กัน ซึ่งมีรายละเอียด ดังนี้

ไม่กดดันลูก ไม่คาดหวังมากเกินไป

เพราะอะไรคุณพ่อคุณแม่ถึงอยากให้ลูกสำเร็จ?” ส่วนหนึ่งลึก ๆ มาจากความที่ว่าถ้าลูกสำเร็จนั่นก็จะเป็นภาพสะท้อนความสำเร็จของคุณพ่อคุณแม่ในการเลี้ยงลูกด้วย สิ่งนี้จึงทำให้คุณพ่อคุณแม่เผลอคาดหวังในตัวลูกมาก จนส่งออร่าและคำพูดแห่งความกดดันให้ลูก จนลูกเกิดความเครียดในที่สุด

ควบคุมอารมณ์ตัวเองให้ได้ก่อน

เมื่อลูกต้องเผชิญกับความผิดหวัง คุณพ่อคุณแม่ต้องไม่หลุดสีหน้าหรืออาการผิดหวังเด็ดขาด ขณะเดียวกันก็ไม่ควรแสดงอาการดีใจมากจนออกนอกหน้าเมื่อลูกชนะ เพียงแต่พูดชื่นชมลูกว่า “แม่/พ่อ ภูมิใจในตัวหนูนะลูก” ก็พอ

เข้าใจและยอมรับความรู้สึกของลูก

ใจเขาใจเรา ให้คุณพ่อคุณแม่เข้าใจความรู้สึกลูกว่าลูกกำลังผิดหวัง และเสียใจอยู่ แต่สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรทำก็คือ ให้กำลังใจลูก โดยบอกลูกว่า “ไม่เป็นไร เราเริ่มใหม่ได้” กลับกันหากคุณพ่อคุณแม่ไม่เข้าใจลูก แถมดุด่าลูก อาจทำให้ลูกกลายเป็นเด็กที่ขี้หงุดหงิด เอาแต่ใจ และโวยวาย สุดท้ายก็กลับมาสู่โรคแพ้ไม่เป็นเช่นเดิม

บอกลูกว่าจะแพ้หรือชนะ พ่อแม่ก็รักลูกเหมือนเดิม

เพราะพื้นฐานของความเป็นลูกต้องการให้ตัวเองเป็นที่ยอมรับ เป็นที่รักของคุณพ่อคุณแม่ ดังนั้น เมื่อลูกต้องเผชิญกับความพ่ายแพ้มา ให้คุณพ่อคุณแม่บอกลูกอย่างนี้ค่ะว่า “ถึงวันนี้หนูจะแพ้ก็ไม่เป็นไรนะคะ ยังไงแม่ก็ยังรักหนูเหมือนเดิม” แบบนี้ลูกจะสบายใจขึ้นและรู้สึกว่ายังไงคุณพ่อคุณแม่ก็ยังรักเขาอยู่

สอนลูกให้รู้จักอารมณ์ของตัวเอง

เมื่อลูกพ่ายแพ้มา แล้วโวยวาย ร้องไห้ให้คุณพ่อคุณแม่ค่อย ๆ เข้าไปพูดคุยกับลูกด้วยท่าทางและน้ำเสียงที่อ่อนโยน โดยบอกกับลูกว่าตอนนี้หนูกำลังรู้สึกเสียใจที่แพ้ หนูผิดหวัง ถ้าร้องไห้แล้วทำให้รู้สึกดีขึ้นก็ร้องออกมาให้หมด หลังจากนั้นเรามาเริ่มกันใหม่ อย่างน้อยลูกก็จะได้รู้จักอารมณ์ของตัวเอง (เพื่อเป็นพื้นฐานในการจัดการกับอารมณ์ของตัวเองได้ในอนาคตค่ะ)

สอนลูกให้เรียนรู้จากความพ่ายแพ้

ความพ่ายแพ้สอนอะไรเราได้หลายอย่าง” คุณพ่อคุณแม่ควรสอนลูกให้มองในมุมบวกว่า คราวนี้ลูกอาจแพ้ แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้เราได้เรียนรู้ว่าจุดไหนที่เราพลาดไป เราต่างจากผู้ชนะตรงไหน วิธีคิดหรือวิธปฏิบัติ แล้วพัฒนาจุดนั้นขึ้นมา

สอนให้ลูกชื่นชมคนอื่น

น้ำใจนักกีฬา” การรู้แพ้ รู้ชนะ รู้ภัย เป็นสิ่งที่ลูกควรเรียนรู้ การสอนให้ลูกชื่นชมคนอื่นที่ชนะ เป็นการบ่งบอกว่าลูกยอมรับในความสามารถของผู้อื่น ซึ่งจะเป็นการพัฒนาตัวเองให้ดียิ่งขึ้นผ่านการมองเห็นความดีของผู้อื่นนั่นเอง

อ่านหนังสือนิทานที่เปรียบเทียบให้ลูกฟัง

เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ทำได้ง่าย ๆ ผ่านตัวการ์ตูนในหนังสือนิทาน เพราะนิทานเป็นอะไรที่เข้าถึงจิตใจเด็กได้ง่าย

ผู้ที่มีความมุ่งมั่นสูง แต่มีความต้านทานต่อความพ่ายแพ้ต่ำ อาจจะอยู่ยากในโลกที่ (เกือบ) ทุกอย่างจะอยู่ในระบบดิจิทัล คนที่มีความเข้มแข็งของจิตใจสูงเท่านั้นที่จะสามารถดำเนินชีวิตอยู่ได้อย่างมีความสุข

Featured post

โพสต์ที่อยากให้คุณแม่อ่าน

  1. 346 ชื่อจีนความหมายดี ๆ มีให้ลูกสาวและลูกชาย

  2. วิธีสต๊อก นมแม่ และการจัดเรียงให้ประหยัดเนื้อที่ในตู้เย็น

  3. 10 อาหารว่างคนท้อง และลูกน้อยในครรภ์

  4. หน้า 7 หลัง 7 คืออะไร? นับยังไง ไม่ท้องจริงหรือ

  5. 12 กลุ่มดาวจักรราศี มีอะไรบ้าง พร้อมเลขมงคลปี 2564

  6. 10 นิทานอีสป กับ 10 หนังสือนิทาน 2 ภาษา ปลูกฝังเรื่องราวดี ๆ สอนใจเด็ก ๆ

  7. ความฉลาด 11 ด้าน หรือ 11Q (11 Quotients) ที่เด็กยุคใหม่ควรมี

  8. 14 นิทานพื้นบ้านของไทย สอนใจเด็กได้ดี

หมวดหมู่โพสต์

บทความล่าสุด

  1. เช็คลิสต์ “ของเตรียมคลอด” “ของใช้เด็ก” “ของใช้หลังคลอด” เพื่อใช้หลังคลอดที่จำเป็น

  2. 8 อาหารที่แม่ให้นมห้ามทาน

  3. แนะวิธีเพิ่มปริมาณน้ำนมแม่อย่างถูกวิธี

  4. รีวิว นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก 10 ยี่ห้อ เปรียบเทียบกันตัวต่อตัว ยี่ห้อไหนดี พร้อมแนะวิธีการเลือกนมกล่องให้ลูก

  5. White Noise เสียงคลื่นความถี่ที่กล่อมลูกให้หลับฝันดี เพิ่มสมาธิได้อีกด้วย

รีวิวผลิตภัณฑ์แม่และเด็ก

  1. รีวิว นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก 10 ยี่ห้อ เปรียบเทียบกันตัวต่อตัว ยี่ห้อไหนดี พร้อมแนะวิธีการเลือกนมกล่องให้ลูก

  2. เปรียบเทียบนมผงสูตร 1 ในท้องตลาด สารอาหารที่น่าสนใจ

  3. 4 แปรงสีฟันเด็กยุคใหม่ แบรนด์ไหนใช้ดี เทียบแบรนด์ต่อแบรนด์

  4. รีวิวเปรียบเทียบชัดๆ ล้างจมูกให้ลูกด้วย Hashi Plus VS ไซริงค์

  5. รีวิว แชมพูสบู่เหลว Head to toe 5 แบรนด์ เทียบกันแบรนด์ต่อแบรนด์

  6. รีวิว นมผง สำหรับลูกน้อย 11 ยี่ห้อ ละเอียดยิบ ปี 2566 พร้อมหลักการเลือกซื้อนมผงให้ลูกน้อย

  7. 12 คาร์ซีท ยี่ห้อไหนดี 2023 ปลอดภัย คุ้มค่า คุ้มราคา

  8. 10 แป้งเด็ก ยี่ห้อไหนดี 2023 ปกป้อง อ่อนโยนต่อผิวลูก

  9. 10 เครื่องปั๊มนม ยี่ห้อไหนดี ปี 2023 ใช้งานง่าย ปั๊มเกลี้ยงเต้า

  10. 10 เบบี้โลชั่น ยี่ห้อไหนใช้ดี 2023 เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวลูกได้ดั่งใจแม่

ท่องเที่ยวกับครอบครัว

  1. 5 ที่เที่ยวปีใหม่ใกล้กรุงเทพ 2566 อิน ไม่มีเอ้าท์

  2. 5 พิกัดเช็คอิน ที่เที่ยวโคราช เมืองย่าโม

  3. 6 ที่เที่ยวเชียงใหม่ สำหรับครอบครัว ลูกแฮปปี้ พ่อแม่ดี๊ด๊า

  4. 5 พิกัด พาลูกเที่ยวญี่ปุ่น เปิดประสบการณ์การเรียนรู้

  5. 8 ที่เที่ยวครอบครัว หน้าหนาว ที่ไม่ควรพลาด

  6. 6 สถานที่พาลูกเที่ยว เรียนรู้ธรรมชาติ เสริมสร้างพัฒนาการ

TOP